- Home
- Isranews
- รายงาน-สกู๊ป
- ชำแหละพุทธพาณิชย์(1)สำรวจกิจกรรมบุญ5วัดอารามหลวง-'สังฆทานเวียน'200บ./ถัง
ชำแหละพุทธพาณิชย์(1)สำรวจกิจกรรมบุญ5วัดอารามหลวง-'สังฆทานเวียน'200บ./ถัง
"...ในปัจจุบันปฏิเสธไม่ได้เลยว่าวัดต้องใช้เงินในการดำรงอยู่ ยิ่งเป็นวัดที่อยู่ในเมืองหลวงด้วยแล้ว การทำให้วัดดูใหญ่โตอลังการ สวยงามอยู่เสมอจึงจะดึงดูดให้คนเข้ามากราบไหว้นับถือได้มากขึ้น ซึ่งการทำให้วัดสวยงามอยู่เสมอนั้นจำเป็นต้องใช้เงินในการดำเนินการแทบทั้งสิ้น.."
หากใครที่มีโอกาสเข้า 'วัด' ทำบุญในปัจจุบัน จะพบว่า 'วัด' หลายแห่ง มีการจัดกิจกรรมทำบุญไว้หลากหลายรูปแบบเพื่อให้ 'พุทธศาสนิกชน' เลือกทำได้ตามความต้องการ ซึ่งในกิจกรรมต่างๆ มีการจัดเตรียมอุปกรณ์ เครื่องไหว้ สักการบูชา ขอพร ไว้ให้พร้อมสรรพ 'พุทธศาสนิกชน' ไม่ต้องเสียเวลาไปจัดซื้อมาจากที่ไหน
และดูเหมือนว่า การจัดกิจกรรมทำบุญลักษณะนี้ ปฏิบัติสืบต่อเนื่องกันมาจนกลายเป็นเรื่องปกติ ซึ่งแม้จะเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากคนในสังคมว่า เป็นเรื่องที่เหมาะสม มองภาพ 'วัด' ในเชิงลบว่า ใช้ความเชื่อและความศรัทธาของพุทธศาสนิกชนที่มีต่อพุทธศาสนา มาเป็นเครื่องมือในการแสวงหาผลประโยชน์ผ่านกิจกรรมทางศาสนาต่างๆ
แต่กิจกรรมเหล่านี้ ก็ยังคงมีอยู่ต่อไปไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ยิ่งเป็นวัดที่มีขนาดใหญ่ กิจกรรมทำบุญ ก็ดูเหมือนจะยิ่งหลากหลายมากขึ้นไปอีก
จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไร ที่ภาพความเชื่อของคนในสังคมไทยส่วนใหญ่ เกี่ยวกับ 'วัด' จะมองว่าถูกทุนนิยมครอบงำอย่างเต็มรูปแบบ 'เงิน' คือ มีค่ากับวัดเป็นอย่างมาก 'พุทธศาสนา' กลายสภาพเป็น 'พุทธพาณิชย์' ไปหมดแล้ว
เพื่อให้สาธารณชนได้เห็นภาพข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้มากขึ้น เมื่อเร็วๆ นี้ ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ได้ลงพื้นที่สำรวจวัดในเขตกรุงเทพมหานคร จำนวน 5 วัด ได้แก่ วัดสร้อยทอง พระอารามหลวง วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร วัดธาตุทอง พระอารามหลวง วัดเสมียนนารี พระอารามหลวง และวัดบัวขวัญ พระอารามหลวง เกี่ยวกับการจัดกิจกรรมทำบุญรูปแบบต่างๆ และค้นหาคำตอบสำคัญที่หลายคนสงสัย ว่า รายได้จากการจัดกิจกรรมทำบุญของวัด ที่ได้มาไปอยู่ที่ไหนบ้าง
โดยจากการสำรวจพบว่า ปัจจุบันทุกวัดมีกิจกรรมทำบุญเพื่อให้บริการแก่ พุทธศาสนิกชน หลากหลายรูปแบบ อาทิ การทำบุญถวายสังฆทาน การทำบุญกับพระประจำวันเกิด การทำบุญสะเดาะเคราะห์ต่อดวงชะตา การทำบุญโลงศพ การให้เช่าพระวัตถุมงคล เป็นต้น ขณะที่ราคากิจกรรมทำบุญที่แต่ละวัดตั้งไว้ก็แตกต่างกันไป ตามรูปแบบและกิจกรรมของบุญที่จะทำ เฉลี่ยอยู่ที่หลัก 100 บาทขึ้นไป
แต่กิจกรรมหนึ่ง ที่ทุกวัดมีเหมือนกัน ว่า การตั้งตู้รับบริจาคไว้หลายจุดหลายในวัด ซึ่งแต่ละจุดจะเป็นจุดที่คนเข้ามาทำบุญสังเกตเห็นได้ง่าย ข้อความบนตู้ก็จะแตกต่างกันไป เช่น บริจาคค่าน้ำค่าไฟ ทุนการศึกษาของภิกษุ-สามเณร ค่าทำนุบำรุงศาสนสถาน เป็นต้น นอกจากนี้การออกแบบตู้รับบริจาคของวัดแต่ละแห่งก็ยังแตกต่างกันไป บ้างทำตู้พลาสติกโปร่งใส บ้างเป็นตู้ไม้ทึบ และบ้างเป็นตู้เหล็ก
อย่างไรก็ตาม แม้การทำบุญส่วนใหญ่จะบอกให้ทำตามกำลังศรัทธา แต่เหมือนเป็นที่เข้าใจกันดีของประชาชนว่าถ้าหากมาทำบุญกราบไหว้ด้วย ดอกไม้ ธูป เทียน ทองคำเปลว ทั้งชุดจะต้องทำบุญขั้นต่ำ 20 บาท หรือบางวัดที่มีการจัดการเป็นระบบ จะมีป้ายติดไว้ที่ตู้บริจาคเลยว่าทำบุญชุดละกี่บาทๆ
ภาพมุมบูชาชุดสะเดาะเคราะห์
สำหรับการถวายสังฆทานแก่พระภิกษุสงฆ์ได้ทั้งวันไว้อย่างเป็นสัดส่วน โดยราคาของเครื่องสังฆทานขั้นต่ำจะอยู่ที่ 99 – 200 บาท ซึ่งจะแล้วแต่ทางวัดนั้นๆ กำหนดราคาไว้
จากการสอบถามข้อมูลคนในวัด ได้รับการยืนยันข้อมูลตรงกันว่า สังฆทานที่ทางวัดนำมาใช้นั้น สามารถเรียกได้ว่าเป็น สังฆทานเวียน เนื่องจากเป็นสังฆทานที่ทางวัดจัดเตรียมไว้ให้ เมื่อมีคนมาซื้อชุดสังฆทานไปถวายพระ ทำพิธีเสร็จแล้วในเวลาอีกไม่กี่นาทีถัดมาสังฆทานชุดนั้นก็จะกลับมาตั้งโชว์อยู่ที่เดิม
"การทำสังฆทานเวียนแบบนี้ เพื่อความสะดวกสบายของผู้มาทำบุญเองที่ไม่ต้องไปวุ่นวายหาซื้อเครื่องสังฆทานจากข้างนอก อีกทั้งสิ่งของที่ทางวัดจัดมาไว้ในเครื่องสังฆทานก็เป็นสิ่งจำเป็นต่อพระภิกษุทั้งสิ้น แต่ถ้าหากประชาชนจะซื้อชุดสังฆทานจากข้างนอกมาถวายเองก็ได้เช่นกัน " เจ้าหน้าที่วัด 1 ใน 5 แห่งหนึ่งระบุ
ภาพ ชุดสังฆทานวัดเสมียนนารี พระอารามหลวง
ภาพชุดสังฆทานวัดบัวขวัญ พระอารามหลวง
นอกจากนี้ วัดบางแห่ง ยังได้มีการจัดทำบุญเป็นโครงการไถ่ชีวิตโค-กระบือ โดยให้คนมาทำบุญด้วยปัจจัยตามกำลังศรัทธา หรือหากไม่มีโครงการนี้ บางวัดจะมีคอกสำหรับโค-กระบือ แล้วจัดทำเป็นมุมให้อาหาร(หญ้า) ตามกำลังศรัทธา ซึ่งก็มีคนให้ความสนใจและมาทำบุญไม่ขาดสายเช่นกัน
จากการลงพื้นที่ยังพบว่า วัดบางแห่ง ได้มีการจัดให้มีการทำบุญสะเดาะเคราะห์ต่อดวงชะตาและดูดวงเสริมเข้าไปด้วย โดยการทำบุญสะเดาะเคราะห์ต่อดวงชะตานั่นมีการทำวิธีได้ 2 แบบ คือ แบบที่ 1. จะเป็นการซื้อชุดทำบุญเข้าไปทำพิธี โดยราคาจะตกอยู่ที่ชุดละ 99-199 บาท ซึ่งถือว่าได้รับความนิยมจากประชาชนเป็นอย่างมาก ยิ่งในช่วงเทศกาลวันสำคัญ วันหยุดสุดสัปดาห์ และวัดพระ จะมีประชาชนเดินทางมาสะเดาะเคราะห์ต่อดวงชะตาเป็นจำนวนมาก
ขณะที่บริเวณนอกวัด พบว่า วัดบางแห่งมีการจัดสรรที่ดินบางส่วนไว้เพื่อทำเป็นที่จอดรถสำหรับคนที่มาทำธุระที่วัดและบุคคลภายนอก ซึ่งก็แล้วแต่ว่า วัดมีการจัดสรรอย่างไร บางวัดไม่คิดอัตราค่าบริการจอดรถ แต่บางวัดก็มีการคิดค่าอัตราบริการที่จอดรถ อาทิ วัดธาตุทองมีการคิดอัตราค่าจอดรถอยู่ที่ 50 บาทต่อวัน ต่อคัน
จากการลงพื้นที่ครั้งนี้ ยังได้รับทราบข้อมูลว่า วัดแต่ละแห่ง นอกจากมีรายได้ผ่านการทำกิจกรรมตามข้อมูลข้างต้นแล้ว ยังมีรายได้จากการจัดกิจกรรมอื่นๆ อาทิ การทอดกฐิน ทอดผ้าป่า เงินบริจาคจากบุคคล งานอุปสมบท ถ้าหากวัดไหนมีคนเข้ามาทำบุญสักการบูชามากปัจจัยที่หลั่งไหลเข้ามาในวัดก็จะมากขึ้นด้วยตามลำดับ
นอกจากนี้ วัดหลายแห่งนิยมใช้วิธีประกาศบอกปัจจัยทำบุญจากขันกัณเทศน์ให้ประชาชนรับรู้ในทุกวันพระ โดยปัจจัยจะถูกแยกตามวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้บนตู้บริจาคไม่นำมาปนกัน ในขณะเดียวกันปัจจัยที่มาจากญาติโยมที่มาถวายให้เป็นการส่วนตัว ทางวัดจะนำไปใช้ตามประสงค์ของญาติโยม
ส่วนค่าใช้จ่ายในวัด พบว่า มีรายการค่าใช้จ่ายหลักๆ ดังต่อไปนี้ 1.ค่าน้ำ-ค่าไฟ ซึ่งทั้ง 5 วัดนั้น มีค่าใช้จ่ายยอดนี้ต่อเดือนประมาณ 100,000 – 400,000 บาทต่อเดือน 2. ค่าทำนุบำรุงศาสนสถาน 3. ค่าจ้างแรงงาน เช่น ช่างก่อสร้าง ช่างซ่อม คนสวน คนช่วยดูแลวัด เป็นต้น
ขณะที่ พระสมุห์อภิสุทธี สุภาจาโร พระครูสอนศีลธรรมของวัดอารามหลวงแห่งหนึ่ง ให้สัมภาษณ์ยืนยันผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศราว่า “ยอดเงินจากตู้บริจาคในแต่ละเดือนจะได้แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับว่าญาติโยมเข้าวัดมาทำบุญมากน้อยแค่ไหน ซึ่งทางวัดจะมีเจ้าหน้าที่ตรวจสอบระบบการเงินในวัด โดยมีพระเจ้าหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจากเจ้าอาวาสกับไวยาวัจกรเป็นผู้จัดการ ซึ่งมีการทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย อยู่เสมอ ”
แต่ก็ไม่มีการเปิดเผยข้อมูลตัวเลขอย่างเป็นทางการ!
สำหรับในส่วนของการทำสังฆทานเวียนที่วัดหลายแห่งนิยมทำนั้น มีคำอธิบายจากคนในวัดเหมือนๆ กัน ว่า ถ้าหากนำปัจจัยมาใช้จ่ายในทางเกี่ยวกับสงฆ์ ถือว่าไม่ผิดหลักทางศาสนา ซึ่งในปัจจุบันปฏิเสธไม่ได้เลยว่าวัดต้องใช้เงินในการดำรงอยู่ ยิ่งเป็นวัดที่อยู่ในเมืองหลวงด้วยแล้ว การทำให้วัดดูใหญ่โตอลังการ สวยงามอยู่เสมอจึงจะดึงดูดให้คนเข้ามากราบไหว้นับถือได้มากขึ้น ซึ่งการทำให้วัดสวยงามอยู่เสมอนั้นจำเป็นต้องใช้เงินในการดำเนินการแทบทั้งสิ้น
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการยืนยันว่า การที่วัดต้องมีรายรับรายจ่ายนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกหรือเสียหาย แต่ข้อมูลสำคัญที่แต่ละวัดยังไม่ได้มีการเปิดเผยให้สังคมได้รับทราบกัน คือ ในแต่ละวัน แต่ละเดือน แต่ละปี วัดมีรายได้จากการการจัดกิจกรรมทำบุญ เงินสนับสนุน เงินบริจาคเป็นจำนวนเท่าไรกันแน่
และนำเงินเหล่านี้ไปใช้จ่ายในเรื่องอะไรบ้าง
จึงทำให้ยังไม่สามารถสรุปผลการลงพื้นที่ได้ชัดเจนว่า แท้จริงแล้ว การหารายได้ ของวัดแต่ละแห่ง ทำเพื่อทำนุบำรุง 'วัด' ทำนุบำรุง 'ศาสนา' หรือทำเพื่อประโยชน์คนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งหรือไม่?