- Home
- Isranews
- รายงาน-สกู๊ป
- เปิดแฟ้มคดีลับ มทร.ตะวันออก - “อาจารย์” อมเงิน ค่าประกวดเรียงความ “นศ.”
เปิดแฟ้มคดีลับ มทร.ตะวันออก - “อาจารย์” อมเงิน ค่าประกวดเรียงความ “นศ.”

ดูเหมือนว่าปัญหาความไม่ชอบมาพากล ในการบริหารงานของ คณาจารย์และผู้บริหารมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก (มทร.ตะวันออก) จะไม่ได้มีเพียงแค่เรื่อง การก่อสร้างหอพักนักศึกษา ที่ราคาแพงเกินจริง หรือ การเบิกจ่าย การเบิกเงินค่าสอน เงินประจำตำแหน่งซ้ำซ้อน เท่านั้น ( สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน หรือ สตง. สรุปผลการตรวจสอบเรื่องการเบิกเงินค่าสอน เงินประจำตำแหน่งว่า ไม่มีมูล)
เพราะในรายงานผลการสอบสวนของ สตง. ที่จัดส่งข้อมูลให้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแ่ห่งชาติ (ป.ป.ช.) "รับไม้" สอบต่อ
ปรากฏข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการตรวจสอบข้อร้องเรียน กรณี อาจารย์หญิงรายหนึ่ง ที่ถูกกล่าวหาว่า “อมเงิน” การเขียนเรียงความขอทุนการศึกษา ของ นักศึกษา ด้วย
สตง. ระบุผลการตรวจสอบเรื่องนี้ว่า “สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา ได้ให้ทุนโครงการเขียนเรียงความสำหรับเด็กและเยาวชน สำหรับนักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก ได้ส่งเรียงความเข้าคัดเลือก ได้รับการคัดเลือกได้รับทุน 18 คน ทุนละ 10,000บาทต่อคนต่อภาคการศึกษา จนกว่าสำเร็จการศึกษา ส่วนผู้ไม่ได้รับการคัดเลือกจำนวน 76 คนจะได้ค่าตอบแทนคนละ 500 บาท
ทั้งนี้ ในการรับทุนสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา ได้มีหนังสือชี้แจงวิธีปฏิบัติในการรับจ่ายเงินทุนและแจ้งให้มหาวิทยาลัยเปิดบัญชีธนาคารกรุงไทย ชื่อโครงการเขียนเรียงความสำหรับเด็กและเยาวชน เพื่อใช้รอรับการโอนเงินทุนการศึกษา และให้นักศึกษาเปิดบัญชีเพื่อรอรับการโอนเงินเข้าบัญชี
เบื้องต้น มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก (มทร.ตะวันออก) ได้มอบหมายให้ นาง ป. และ นาย พ. เป็นผู้เปิดบัญชีที่ธนาคารกรุงไทย จำกัด สาขาศรีราชา อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี เพื่อรอรับการโอนเงิน
โดย นาง ป. ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการเรื่องทุนนี้ ไม่โอนเงินเข้าบัญชีของนักศึกษาแต่ได้เบิกถอนเงินออกมาจากบัญชีดังกล่าวเป็นเงินสดมาเก็บไว้ส่วนตัวโดยไม่มีสิทธิ์
สตง. ระบุว่า จากการตรวจสอบยอดเงินที่ได้เบิกจากธนาคาร และยอดการจ่ายเงินให้กับนักศึกษาแล้ว พบว่า นาง ป. ได้ถอนเงินออกจากธนาคาร ดังนี้
วันที่ 15 มิถุนายน 2547 จำนวนเงิน 65,000บาท
วันที่ 16 กันยายน 2547 จำนวนเงิน 133,000บาท
วันที่ 13 ธันวาคม 2547 จำนวนเงิน 26,000บาท
วันที่ 25 มกราคม 2548 จำนวนเงิน 180,000บาท
วันที่ 15 กันยายน 2548 จำนวนเงิน 120,000บาท
วันที่ 17 พฤศจิกายน 2548 จำนวนเงิน 20,000บาท
วันที่ 20 ธันวาคม 2548 จำนวนเงิน 30,000บาท
วันที่ 2 มีนาคม 2549 จำนวนเงิน 180,000บาท
วันที่ 20 กรกฎาคม 2549 จำนวนเงิน 24,000บาท
ซึ่ง นาง ป. ต้องเงินนำไปจ่ายให้นักศึกษาทั้งหมด แต่นาง ป. ไม่ได้นำไปจ่ายนักศึกษา รวมจำนวน 178,000 บาท ดังนี้
งวด 2 ปีการศึกษา 1/2547 จำนวน 4 รายๆละ 10,000บาท เป็นเงิน 40,000บาท
เงินกลุ่มที่ 3 ต้องนำไปจ่ายให้ผู้เขียนเรียงความที่ไม่ได้รับการพิจารณาจำนวน 76 ราย ๆละ 500 บาท จำนวน 38,000 บาท ไม่ได้นำไปจ่ายทั้งหมด
งวด 3 ปีการศึกษา 2/2547 จำนวน 3 รายๆ ละ 10,000บาท เป็นเงิน 30,000บาท
งวด 4 ปีการศึกษา 1/2548 จำนวน 3 รายๆ ละ 10,000บาท เป็นเงิน 30,000บาท
งวด 5 ปีการศึกษา 2/2548 จำนวน 4 รายๆ ละ 10,000บาท เป็นเงิน 40,000บาท
ทั้งนี้ นาง ป. อ้างว่าถอนเงินเพื่อนำมาจ่ายให้นักศึกษาที่ได้รับทุนเพื่อต้องการพูดคุยกับนักศึกษาเพื่อได้รับทราบถึงความเป็นอยู่ของนักศึกษาว่ามีพฤติกรรมเป็นอย่างไร ซึ่งได้แนะนำไม่ให้นักศึกษาใช้เงินสุรุ่ยสุร่าย
และอ้างว่าได้เก็บเงินไว้เองเพื่อสำรองให้นักศึกษาที่ตกค้างไม่มารับภายในกำหนดหากนักศึกษามาติดต่อขอรับเงินจะรับได้ทันทีไม่ต้องรอ
จากการสอบถามนักศึกษาที่มีสิทธิ์ได้รับทุนที่สามารถติดต่อได้ บางรายได้รับครบถ้วนแล้วแต่ช้ามาก และบางรายได้รับหลังจากเกิดกรณีปัญหานี้แล้ว และบางรายปัจจุบันยังได้รับเงินไม่ครบ
สำหรับนักศึกษาที่ไม่ได้รับการคัดเลือกซึ่งมีสิทธิ์ได้ค่าตอบแทน 500 บาท นาง ป. ยังไม่ได้นำเงินไปจ่ายให้กับนักศึกษาดังกล่าวโดยอ้างว่ายังไม่ได้รับรายชื่อนักศึกษา ทั้งที่มีหนังสือสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาแจ้งรายชื่อมาแล้ว
ทั้งนี้ ภายหลังจากที่มีการร้องเรียนการไม่ได้รับเงินทุนโครงการเขียนเรียงความ นาง ป. ได้โอนเงินคืนเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา รวมจำนวน 148,000บาท และยังมิได้นำส่งอีกจำนวน 30,000บาท
สำหรับยอดเงินจำนวน 30,000บาทดังกล่าว นาง ป. อ้างว่าได้จ่ายเงินให้นักศึกษาหมดแล้วแต่ใบสำคัญได้สูญหาย แต่นักศึกษาได้ร้องเรียนว่ายังไม่ได้รับเงิน
สตง. เห็นว่า การกระทำของนาง ป. อาจารย์ 2 ระดับ 7 เป็นผู้มีหน้าที่เบิกจ่ายเงินทุนโครงการเขียนเรียงความสำหรับเด็กและเยาวชน มีหน้าที่ต้องโอนเงินเข้าบัญชีของนักศึกษาที่ได้รับทุน แต่กลับถอนเงินทุนการศึกษาของนักศึกษาไปเก็บไว้ส่วนตัวโดยโดยไม่มีสิทธิ์และไม่มีเหตุอันควร
ต่อมาเมื่อมีการร้องเรียนนาง ป. จึงนำเงินส่งคืนเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาจำนวน 148,000.-บาท ซึ่งความผิดได้สำเร็จแล้วตั้งแต่วันที่นำเงินของนักศึกษาไปเก็บไว้ส่วนตัว และยังไม่ได้ส่งคืนอีกจำนวน 30,000.-บาท
การกระทำของนาง ป. เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต เบียดบังเงินของทางราชการไปจำนวน 178,000บาท เข้าข่ายมาตรา 46 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน พ.ศ.2542 และเป็นการไม่ปฏิบัติตามระเบียบการเบิกจ่ายเงินจากคลัง พ.ศ.2520 ข้อ 54 เงินที่ขอเบิกจากคลังเพื่อการใด ให้นำไปจ่ายได้เฉพาะเพื่อการนั้นเท่านั้น จะนำไปจ่ายเพื่อการอื่นไม่ได้ และระเบียบการเก็บรักษาเงิน และการนำเงินส่งคลังของส่วนราชการ พ.ศ.2520 ข้อ 34 การจ่ายเงิน จะต้องมีหลักฐานการจ่ายไว้เพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบ ซึ่งเป็นการกระทำผิดตามระเบียบคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินว่าด้วยวินัยทางงบประมาณและการคลัง พ.ศ.2544
นี่คือ อีกหนึ่ง คดีสำคัญ ที่เกิดขึ้นใน มทร.ตะวันออก และถูกปิดเงียบมาจนถึงทุกวันนี้
