- Home
- Isranews
- ตะกร้าข่าว
- เอ็นจีโอชงข้อเสนอวันสิทธิมนุษยชนฯ หนุนปฏิรูป ตร.-สร้างสันติสุขชายเเดนใต้
เอ็นจีโอชงข้อเสนอวันสิทธิมนุษยชนฯ หนุนปฏิรูป ตร.-สร้างสันติสุขชายเเดนใต้
เครือข่ายองค์กรภาคประชาสังคม แถลงการณ์เนื่องในวันสิทธิมนุษยชนสากล ชงข้อเสนอรัฐบาลไทย หลัง ครม.มีมติให้เป็นวาระแห่งชาติ ให้ทุกภาคส่วนดำเนินการตามแผนสิทธิมนุษยชนฯ ฉบับที่ 3 ชูปฏิรูป ตร. แยกงานสอบสวนเป็นอิสระจาก สตช. เยียวยาผู้รับผลกระทบกรณีบุคคลสูญหาย สร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนใต้ถาวร
เมื่อวันที่ 10 ธ.ค. 2560 คณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 ร่วมกับคณะกรรมการรณรงค์เพื่อสิทธิมนุษยชน (ครส.), คณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.), คณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย (คสรท.), เครือข่ายประชาชนปฏิรูปตำรวจ (คป.ตร.) และเครือข่ายภาคีองค์กรภาคประชาสังคม ออกแถลงการณ์เนื่องในโอกาสวันสิทธิมนุษยชนสากล 10 ธ.ค. ของทุกปี และ 85 ปี รัฐธรรมนูญประชาธิปไตยไทย
แถลงการณ์ ระบุตอนหนึ่งถึงข้อเสนอแนะต่อรัฐบาล ภายใต้การนำของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ภายหลังคณะรัฐมนตรี มีมติกำหนดให้สิทธิมนุษยชนแห่งชาติเป็นวาระแห่งชาติ และจะมีการประกาศเป็นทางการเร็ว ๆ นี้ จะให้เกิดผลในทางปฏิบัติจริง รัฐบาลต้อง สั่งการให้หน่วยงานภาครัฐทุกภาคส่วนดำเนินการตามแผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ฉบับที่ 3 โดยทันที ทั้งนี้เป็นไปตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 12 พ.ย. 2557
นอกจากนี้ต้องปฏิรูปตำรวจให้สำเร็จสมบูรณ์ และเป็นผลดีต่อระบบยุติธรรม ตามมาตรา 258 ง. ด้านกระบวนการยุติธรรม ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 โดยให้แยกงานสอบสวนให้เป็นอิสระออกจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) พร้อมกระจายอำนาจการบริหารสู่ท้องถิ่น, ถ่ายโอนภารกิจบางส่วนไปยังหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบ และประกันสิทธิของผู้ต้องหาในคดีอาญา การเข้าถึงสิทธิในกระบวนการยุติธรรมอย่างเสมอภาค เท่าเทียม เป็นธรรม
แถลงการณ์ ยังระบุถึงข้อเสนอให้มีการปฏิรูปกฎหมายโดยหลักสิทธิมนุษยชน อาทิ ต้องทบทวนกฎหมายที่ส่งผลกระทบ หรือละเมิดสิทธิมนุษยชน ทุกฉบับ เช่น ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การพัฒนาการกำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. ..., ร่าง พ.ร.บ. ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. ..., ร่าง พ.ร.บ. ทรัพยากรน้ำ พ.ศ. ..., ร่าง พ.ร.บ. แร่ พ.ศ. ..., ร่าง พ.ร.บ. สิ่งแวดล้อม พ.ศ. ..., พ.ร.บ. การชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. 2558
รวมถึงให้สัตยาบันต่ออนุสัญญาคุ้มครองบุคคลทุกคนให้ปลอดจากการสูญหายโดยการถูกบังคับ ตามมติ ครม. โดยไม่ต้องรอให้กฎหมายเสร็จ พร้อมกำหนดกรอบเวลาที่ชัดเจนในการบังคับใช้กฎหมายนั้น อีกทั้งให้มีมติ ครม.ประกาศรับรองว่าการอุ้มหาย การซ้อมทรมาน เป็นความผิดทางอาญาตามกฎหมาย และเร่งแก้ไขปรับปรุงกฎหมาย ให้สอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศ ตลอดจนเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) ตามที่ได้ประกาศไว้แล้วต่อสาธารณะโดยมิชักช้า ให้สัตยาบันต่อกติกากรุงโรมว่าด้วยศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) และยกเลิกประกาศ คำสั่ง คสช. ปลดปล่อยนักโทษการเมือง
ขณะเดียวกันให้มีการคืนสิทธิเสรีภาพให้กับประชาชน คืนสิทธิด้านทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมให้กับชุมชน กระบวนการประชาพิจารณ์ ไต่สวนสาธารณะ การประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม สังคม สุขภาพ และสิทธิมนุษยชน ต้องดำเนินการโดยไม่มีข้อยกเว้น พร้อมเร่งเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ชุมชน และประชาชนคนเล็กคนน้อย จากการถูกล่วงละเมิดในทุกรูปแบบ รวมทั้งกรณีการสูญหายของบุคคล เช่นเดียวกับทนายสมชาย นีละไพจิตร อันได้แก่ นายกมล เหล่าโสภาพรรณ นายบิลลี่ พอลละจี รักจงเจริญ นายเด่น คำแหล้ และผู้สูญหายในเหตุการณ์พฤษภาคม 2535 และเหตุการณ์อื่นๆ
แถลงการณ์ ยังระบุว่า รัฐบาลต้องรื้อฟื้นสถาบัน องค์กรที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ และเปิดกว้างการมีส่วนร่วมของประชาชน ซึ่งถูกยุบเลิกโดยคำสั่ง คสช. เช่น สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สภาพัฒนาการเมือง คณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย องค์การอิสระด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ และให้พิจารณาแผนพัฒนาการเมือง ฉบับที่ 2 ซึ่งนำเสนอต่อ ครม. โดยสภาพัฒนาการเมือง (สพม.) เมื่อ พ.ย. 2559
ปราบปรามการทุจริตคอรัปชัน ใช้อำนาจหรือประพฤติมิชอบอย่างจริงจัง ลงโทษสถานหนัก ทั้งทางวินัย แพ่ง อาญา ต่อบุคลากรในภาครัฐ ภาคธุรกิจ และภาคการเมือง ที่กระทำความผิด, พัฒนาระบบสวัสดิการสังคมที่เอื้อต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิต ของประชาชนทุกระดับชั้น ทุกกลุ่มชน และเศรษฐานะ ทั้งนี้ภัยคุกคามต่อระบบหลักประกันสุขภาพต้องถูกขจัดให้หมดไป รวมถึงคุ้มครองสิทธิของพลเมืองทุกคน โดยเฉพาะผู้มีบทบาทในการพิทักษ์ ปกป้องสิทธิ เสรีภาพ และสิทธิมนุษยชนของบุคคล ชุมชน และสังคม
สุดท้าย เพื่อให้เกิดความสันติสุขในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ อย่างถาวร รัฐพึงมีนโยบายและหลักปฏิบัติที่สามารถคลี่คลายปัญหาความขัดแย้งในพื้นที่ ฟังประชาชนในพื้นที่ด้วยความจริงใจ เน้นความสำคัญในการพัฒนาคุณภาพชีวิต รวมทั้งการพัฒนาชุมชนและสังคม ที่ประชาชนมีส่วนร่วม .