นายก ส.นักปกครองฯ ออกโรงต้าน ยุบส่วนภูมิภาค
พ.ท.กมล ลั่นไม่ใช่ยึดติดเก้าอี้ หวั่นหมดคนทำงาน ถาม ยกเลิกผู้ว่าฯ นายอำเภอหมด ปัญหาในพื้นที่ใครจะแก้ ขนาดกู้เรือน้ำตาล ยังไร้เงาท้องถิ่น ยัน คปร.เสนอยุบภูมิภาคทำไม่ได้ แนะให้ปรับแก้ข้อบังคับที่ติดขัดแทน
วันที่ 15 มิถุนายน สมาคมนักปกครองแห่งประเทศไทย จัดเสวนาเรื่อง “การบริหารราชการส่วนภูมิภาคเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติอย่างไร” ณ ห้องราชา โรงแรมรอยัล (รัตนโกสินทร์) กรุงเทพฯ โดยมี พันโทกมล ประจวบเหมาะ นายกสมาคมนักปกครอง กล่าวเปิดการเสวนา
พันโทกมล กล่าวถึงการยกเลิกราชการส่วนภูมิภาค ในข้อเสนอปฏิรูปโครงสร้างอำนาจรัฐของคณะกรรมการปฏิรูป (คปร.) ที่มีนายอานันท์ ปันยารชุน เป็นประธานว่า คณะกรรมการปฏิรูปเป็นกลุ่มบุคคลที่มีความรู้ดี แต่ขอมองต่างมุมว่า การยกเลิกการบริหารราชการส่วนภูมิภาคเป็นเรื่องใหญ่ เป็นการหักพร้าด้วยเข่า ขณะเดียวกัน แม้ข้อเสนอของ คปร. อาจเป็นไปเพราะหวังดี แต่ก็ต้องยอมรับว่า มีความกังวลใจหลายอย่าง อาทิ ในปี 2555 จะมีการเปลี่ยนกฎหมาย เพื่อยกเลิกผู้ว่าราชการจังหวัด กำนัน ผู้ใหญ่บ้านทั้งหมด ดังนั้น คำถามคือจะให้ทุกคนไปทำอะไร
“การถกเถียงในประเด็นดังกล่าว เป็นเรื่องของหลักการเหตุผล ไม่ใช่เรื่องของการติดยึด แต่จากเหตุการณ์ที่ผ่านมา กรณีเรือน้ำตาลล้ม ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาก็ปรากฏชัดแล้วว่า มีแต่ผู้ว่าราชการจังหวัดเท่านั้นที่ลงไปจัดการแก้ปัญหา ขณะที่ท้องถิ่นกลับไม่มีบทบาทใด ทั้งนี้ หากมีการยกเลิกผู้ว่าฯ นายอำเภอหมด ท้องถิ่นจะจัดการเรื่องดังกล่าวได้หรือไม่ ในทางกลับกับภูมิภาคเสียอีกที่เป็นฝ่ายสนับสนุนท้องถิ่น ดังนั้นจึงเห็นว่า การยกเลิกราชการส่วนภูมิภาคจะกระทำไม่ได้ แต่ในส่วนระเบียบ ข้อบังคับที่เป็นปัญหาติดขัดจะต้องมีการปรับปรุง"
พันโทกมล กล่าวด้วยว่า ดังนั้นจึงต้องมีการวิเคราะห์ หารือร่วมกันระหว่างบุคคลหลายฝ่าย เพื่อต้องการแสดงเจตนารมณ์ให้กับนักการเมือง ผู้แทนฯ ใหม่ สภาฯ ชุดใหม่ที่จะเข้ามาได้ยึดถือแนวทางปกครองดังกล่าว
จากนั้นมีการเสวนาเรื่อง “การบริหารราชการส่วนภูมิภาคเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติอย่างไร” โดย นายดิเรก ถึงฝั่งสมาชิกวุฒิสภาจังหวัดจังหวัดนนทบุรี รองประธานคณะกรรมาธิการการปกครอง วุฒิสภา นายไพโรจน์ พรหมสาส์น อุปนายกสมาคมข้าราชการบำนาญ กระทรวงมหาดไทย นายประยูร พรหมพันธุ์ อุปนายกสมาคมนักปกครองแห่งประเทศไทย พล.ท.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักกิจการมวลชนและสารนิเทศ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในประเทศ มล.ปนัดดา ดิศกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ นายยงยศ แก้วเขียว นายกสมาคมกำนัน ผู้ใหญ่บ้านแห่งประเทศไทย และ พ.ต.ท.ดร.ศิริพล กุศลศิลป์วุฒิ รองผู้กำกับการส่วนตรวจสอบสำนวนคดีอุทธรณ์และฎีกา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมเป็นวิทยากร
นอกจากนี้ยังมีผู้แทนจากกระทรวง กรมที่มาจากราชการส่วนภูมิภาค เช่น กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น นักวิชาการ ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย ผู้ตรวจราชการกรมปกครอง ปลัดจังหวัด นายอำเภอ เข้าร่วมแลกเปลี่ยน โดยผู้เข้าร่วมเสวนาส่วนใหญ่มีความเห็นว่า ไม่เห็นด้วยการข้อเสนอยกเลิกราชการส่วนภูมิภาค ของ คปร. เนื่องจากภูมิภาคเป็นข้อต่อที่สำคัญในการเชื่อมโยงการบริหารส่วนกลางกับส่วน ท้องถิ่น และเป็นหน่วยงานที่ใกล้ชิดกับประชาชนในพื้นที่ ดังนั้น หาก คปร. ยังจะเดินหน้าข้อเสนอดังกล่าว ทางส่วนภูมิภาคจะเดินหน้าคัดค้านข้อเสนอดังกล่าวต่อไป
สำหรับแถลงการณ์ระบุว่า สมาคมนักปกครองแห่งประเทศไทย ในฐานะองค์กรเอกชนที่มีวัตถุประสงค์หนึ่ง เพื่อพิทักษ์ผลประโยชน์และรักษาสถานภาพของสถาบันการปกครองในกาสร้างประโยชน์ ให้แก่ทางราชการและประชาชน ได้พิจารณาข้อเสนอ “การปฏิรูปโครงสร้างอำนาจรัฐ” ของคณะกรรมการปฏิรูป (คปร.) ที่มีนายอานันท์ ปันยารชุน เป็นประธาน และมีความเห็นต่อประเด็นเกี่ยวกับการยกเลิกราชการส่วนภูมิภาค ดังนี้
1.การบริหารราชการส่วนภูมิภาค เป็นกลไกบริหารราชการที่ต้องพัฒนาควบคู่ไปกับการปฏิรูปโครงสร้างอำนาจรัฐ ระหว่างส่วนกลางกับส่วนท้องถิ่น และไม่ใช่ปัญหาแรกหรือปัญหาสำคัญเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการเพื่อการปฏิรูป ประเทศไทย
2.การยกเลิกราชการบริหารส่วนภูมิภาค เป็นการทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรูปแบบของรัฐจากรัฐเดี่ยว เป็นสหพันธรัฐ และขัดกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 มาตรา 291 อนุมาตรา 1 วรรคสอง รวมทั้งยังขัดกฎหมายอื่นๆ อีกนับร้อยฉบับ การยกเลิกราชการบริหารส่วนภูมิภาคทั้งหมดจึงไม่สมควร แต่อาจสามารถปรับรูปแบบให้เหมาะสมยิ่งขึ้นได้
3.การบริหารราชการส่วนภูมิภาคมีวิวัฒนาการมาเป็นเวลายาวนาน และได้มีการพัฒนาให้มีความเหมาะสมกับสังคมไทยในแต่ละยุคสมัยจวบจนถึง ปัจจุบันนี้ รวมทั้งยังมีความสัมพันธ์กับเรื่องความมั่นคง การเมือง การบริหาร ฯลฯ จึงไม่ควรพิจารณาโดยเน้นแต่เฉพาะเรื่องความเป็นอิสระในทางปกครองและการ บริหารเท่านั้น
4.ระบบการปกครองส่วนท้องถิ่นของประเทศไทย ยังมีปัญหาและอุปสรรคอยู่อีกหลายด้าน ทั้งในเรื่องความรับผิดชอบ ธรรมาภิบาล และการผูกขาดอำนาจในการบริหารงานท้องถิ่น จึงควรให้ความสำคัญแก่การพัฒนาและการแก้ไขปัญหาเหล่านี้ ก่อนที่จะพิจารณาในเรื่องของการยกเลิกราชการบริหารส่วนภูมิภาค
ซึ่งในขณะนี้ประเทศส่วนใหญ่ในโลก คือประมาณ 159 จาก 164 ประเทศยังคงโครงสร้างอำนาจรัฐเป็นการบริหารราชกลางส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่นไว้ด้วยกันทั้งสิ้น เพื่อให้การบริหารราชการส่วนภูมิภาคเป็นตัวแทนของราชการส่วนกลางในการ ปฏิบัติหน้าที่อำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน แบ่งเบาภาระการบริหารราชการส่วนกลาง และประสานการปฏิบัติงานกับการบริหารราชการท้องถิ่น
5.การปฏิรูปหรือการเปลี่ยนแปลงใดๆ กับกลไกการทำงานของสังคม จำเป็นต้องพิจารณาในบริบทต่างๆ ให้รอบด้าน ทั้งในด้านสภาพแวดล้อม ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ประเพณี ภูมิสังคม และผลสะท้อนว่าการปรับเปลี่ยนจะก่อให้เกิดความยั่งยืนในการแก้ปัญหาหรือไม่ อย่างไร และต้องไม่สร้างความขัดแย้งหรือความรุนแรงให้เกิดขึ้นในสังคม
6.การเสริมสร้างกระบวนการการมีส่วนร่วมในการบริหารราชการแผ่นดิน ของประชาชน และการพัฒนาการบริหารราชการส่วนท้องถิ่นสามารถดำเนินการได้ในหลายลักษณะ ไม่จำเป็นต้องเริ่มโดยการยกเลิกราชการส่วนภูมิภาคทั้งหมด ตามที่คณะกรรมการปฏิรูป (คปร.) เสนอ