จับอาการ‘บิ๊กป้อม’ปมทรัพย์สิน-นาฬิกาหรู (ถ้า) ป.ป.ช.เอาจริง ก็เหนื่อยหนัก!

เขียนวันที่

วันจันทร์ ที่ 08 มกราคม 2561 เวลา 20:30 น.

เขียนโดย

isranews

หมวดหมู่

Isranews | รายงาน-สกู๊ป | Investigative | บัญชีทรัพย์สิน | เรื่องเด่น - สำนักข่าวอิศรา

Tags

ปมทรัพย์สินเป็นพิษ!จับทาง พล.อ.ประวิตร รมว.กลาโหม กรณีนาฬิกาหรู-รวยเพิ่ม 30.5 ล. สถานการณ์ยากลำบาก แนวทางสอบสวน หากโยนให้ 4 นักธุรกิจ (ถ้า) ป.ป.ช.เอาจริง ก็เหนื่อยหนัก?

picpawittt

ยังไม่มีคำอธิบายที่ชัดเจนจากปาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กรณีสวมใส่นาฬิกาหรูนับสิบเรือนและแหวนเพชร คาดว่ามีมูลค่าหลายล้านบาทซึ่งไม่ปรากฎในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินที่เจ้าตัวยื่นต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) กรณีเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 4 ก.ย.2557 และ 3 ครั้งก่อนหน้านี้ (2551,2554 และ 2555)

ขณะเดียวกัน ยังไม่มีคำอธิบายที่ชัดเจนว่า กรณี พล.อ.ประวิตรเปรียบเทียบแล้วมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 30.5 ล้านบาท (เงินฝากเพิ่มขึ้น 27.9 ล้านบาท) หากนับจากจำนวนทรัพย์สินในบัญชีฯกรณีเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยุคแรกเมื่อวันที่ 22 ธ.ค.2551- ครั้งล่าสุด 4 ก.ย.2557 เพิ่มขึ้นมาได้อย่างไร? เนื่องจากหากคำนวณ ‘รายได้’เงินเดือน บำเหน็จบำนาญ ตามที่แจ้งต่อ ป.ป.ช.รวม 6 ปี ประมาณ 12 ล้านบาท เท่านั้น

ข้อมูลที่สาธารณชนรับทราบจากกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (กรรมการ ป.ป.ช.) บางคน และ นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการ ป.ป.ช. โดยสรุปคือ

ป.ป.ช.อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงผู้เกี่ยวข้องที่เป็นนักธุรกิจ 4 คน ป.ป.ช.ตรวจสอบในทุกประเด็นที่ถูกร้องเรียน กำหนดกรอบให้แล้วเสร็จภายในเดือน ม.ค.นี้ และสามารถขยายเวลาต่อได้

ไม่มีข้อมูลว่านักธุรกิจ 4 รายที่ ป.ป.ช.สอบสวนดังกล่าวเป็นใคร เกี่ยวพันกับนาฬิกาที่ พล.อ.ประวิตรสวมใส่อย่างไร?

ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวอิศรา รายงานไปแล้วว่า แนวทางที่ พล.อ.ประวิตรอาจเลือกใช้ในการชี้แจงกับ ป.ป.ช.มี 3 แนวทาง

1.เป็นทรัพย์สินของตนเอง ได้มาในช่วงก่อนรับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม 4 ก.ย.2557 แต่หลงลืม อาทิ เป็นเหตุการณ์ฉุกละหุกในการเข้ารับตำแหน่งหลังรัฐประหาร เมื่อปรากฎเป็นข่าว จะยื่นเพิ่มเติมต่อ ป.ป.ช.ต่อไป

2.เป็นทรัพย์สินของตนเอง แต่ได้มา (ซื้อเอง,คนรู้ใจใกล้ชิด,ญาติพี่น้องให้) ในช่วงหลังการยื่นบัญชีทรัพย์สินกรณีเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม 4 ก.ย.2557 ไปแล้ว ( กฎหมาย ป.ป.ช.ให้ยื่นภายใน 30 วันหลังเข้ารับตำแหน่ง) จะยื่นต่อ ป.ป.ช.ตอนพ้นตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

3.เป็นทรัพย์สินของบุคคลอื่น อาทิ คนรู้ใจใกล้ชิด ญาติพี่น้อง เพื่อนรักให้ยืมมาสวมใส่ เมื่อปรากฎเป็นข่าวก็คืนให้เจ้าของแล้ว ฉะนั้น จึงไม่ต้องยื่นต่อ ป.ป.ช. (พล.อ.ประวิตรไม่ใช่เจ้าของ) (อ่านประกอบ:เปิด 3 แนวทางคำชี้แจงนาฬิกาหรู‘บิ๊กป้อม’ เทียบ คดีรถโฟล์ค ‘สุพจน์’)

ถ้าพิจารณา การที่ ป.ป.ช.ต้องสอบสวนบุคคลภายนอก 4 คน ตามที่เลขาฯ ป.ป.ช.ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา และข้อมูลจากคนหรือสื่อที่ใกล้ชิดกระเส็นกระสายมาก่อนหน้านี้ว่า เป็นนาฬิกาของเพื่อนรัก พล.อ.ประวิตร ที่เจ้าตัวยืมมาสวมใส่เท่านั้น

เท่ากับ พล.อ.ประวิตรอาจใช้แนวทางที่ 3 คือ เป็นทรัพย์สินของบุคคลอื่น อาทิ คนรู้ใจใกล้ชิด ญาติพี่น้อง เพื่อนรักให้ยืมมาสวมใส่ เมื่อปรากฎเป็นข่าวก็คืนให้เจ้าของแล้ว ฉะนั้น จึงไม่ต้องยื่นต่อ ป.ป.ช. ดูจะยุ่งยากน้อยกว่า

กรณีอ้างว่าเป็นของนักธุรกิจ (สมมติ เพื่อนรักในมูลนิธิอนุรักษ์ฝ่ารอยต่อ 5 จังหวัด เจ้าของคอม-ลิงก์ หรือ เสี่ยคิงเพาเวอร์ ฯลฯ)

1.ป.ป.ช. จะต้องเรียกนาฬิกามาตรวจสอบ (ดูของจริง)

2.หลักฐานที่มา อาทิ หลักฐานการซื้อขาย การจ่ายเงิน

3.สอบสวนพยานบุคคลที่ถูกกล่าวอ้าง

เหมือนกับที่ ป.ป.ช.ตรวจสอบอดีตรัฐมนตรีคนหนึ่งในพรรคการเมืองใหญ่ที่แจ้งว่ามีเงินสด 160 ล้านบาท ป.ป.ช.ให้นักการเมืองรายนั้นขนเงินสดใส่รถตู้มานับที่ สำนักงาน ป.ป.ช.

ในการชั่งน้ำหนักว่าสมเหตุสมผลหรือไม่?

ต้องดูความสัมพันธ์ระหว่าง พล.อ.ประวิตรกับนักธุรกิจรายนั้นว่ามีความไว้เนื้อเชื่อใจกันขนาดไหนจนสามารถให้ยืมนาฬิกามูลค่านับล้านบาทมาใส่ได้ตลอดเวลา

ดูพฤติกรรมของ พล.อ.ประวิตรด้วยว่าเป็นนักสะสมนาฬิกาหรือไม่

ถ้า ป.ป.ช.ไม่เชื่อ คำชี้แจงของ พล.อ.ประวิตร และคำชี้แจงของเพื่อนนักธุรกิจ (ไม่เชื่อว่ายืม) แต่เห็นว่าเป็นนาฬิกาของ พล.อ.ประวิตรเอง ได้มาก่อนรับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดือน ก.ย.2557 และ ได้มาจากหลังเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

พล.อ.ประวิตรจะถูกชี้มูลว่าปกปิดบัญชีแสดงทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช.หรือไม่

ถ้าชี้มูลว่า ‘จงใจปกปิด’ ก็อาจถูกสอบในข้อหาร่ำรวยผิดปกติอีกข้อกล่าวหาหนึ่ง เหมือนกับที่ ป.ป.ช.ไต่สวน นายสมบัติ อุทัยสาง อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายเกษม นิมมลรัตน์ อดีตที่ปรึกษานายก องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เชียงใหม่และอดีต ส.ส.เชียงใหม่ และเหมือนกับ ข้าราชการระดับสูงคนอื่นๆ อาทิ นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม นายธาริต เพ็งดิษฐ์ พล.อ.ชำนาญ นิลวิเศษ อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นต้น

ถ้าถูกสอบเชิงลึก ย้อนหลัง เท่าไหร่ ก็ยิ่งเหนื่อยเพิ่มขึ้นหลายสิบเท่า

ฉะนั้นแม้ว่าแนวทางนี้อาจดูยุ่งยากน้อยกว่า แต่ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ

ทั้งหมดขึ้นอยู่ที่ข้อเท็จจริง และอยู่ที่ว่า ป.ป.ช. ‘กล้า-เอาจริง’ มากน้อยแค่ไหน เคยมีตัวอย่างมาแล้วกรณีทรัพย์สินของ พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา?

สำคัญที่สุดอยู่ที่ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะแบกพี่ใหญ่ต่อหรือไม่ด้วย?