ฎีกาคุก 3 จนท.ที่ดิน 7 ปี-‘พิบูลย์ อัศวเหม’ 4 ปี หลบหนีเจอหมายจับ คดีรุกชายหาดปี’41
ศาลฎีกาพิพากษาคุก 3 จนท.ที่ดิน จ.ชลบุรี 7 ปี ‘พิบูลย์ อัศวเหม’ ลูกชาย ‘วัฒนา’ 4 ปี 8 เดือน หลบหนีโดนหมายจับด้วย คดีออกโฉนดมิชอบบุกรุกชายหาดบริเวณฐานทัพเรือสัตหีบตั้งแต่ปี’41 หลังพบล้ำลงไปในชายหาด-ทะเล ถมที่ดินเกินกว่าโฉนดที่ซื้อมา 2 ไร่เศษ
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ ศาลจังหวัดพัทยา อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ในคดีที่พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการจังหวัดพัทยา เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง 1.น.ส.ปรียา มูนาวี เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งช่างรังวัด 6 สำนักงานที่ดิน จ.ชลบุรี สาขาบางละมุง 2.ว่าที่ ร.ต.สำเนาว์ ศรีสาคร เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง นายช่างรังวัด 7 หัวหน้าฝ่ายรังวัดสำนักงานที่ดิน จ.ชลบุรี 3.นายจงกล มายรรยงค์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่บริหารงานที่ดิน อ.บางละมุง จ.ชลบุรี 4.นายประเสริฐ ธนเศรษฐกร เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายอำเภอบางละมุง จ.ชลบุรี 5.นายทวีเกียรติ สุทธิโชติ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่ขนส่ง 3 สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 6 จ.ชลบุรี 6.นายพิบูลย์ อัศวเหม (บุตรชายนายวัฒนา อัศวเหม อดีตนักการเมืองชื่อดัง) ในฐานะส่วนตัวและกรรมการผู้มีอำนาจบริษัท อาชาแลนด์ จำกัด และ 7.บริษัท อาชาแลนด์ จำกัด โดยนายพิบูลย์ อัศวเหม เป็นจำเลยที่ 1-7 คดีออกโฉนดที่ดินบุกรุกชายหาดบริเวณฐานทัพเรือสัตหีบเมื่อปี 2541
ศาลฎีกา พิจารณาแล้วเห็นว่า การกระทำของจำเลยที่ 1, 3 และ 5 ผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ประกอบมาตรา 83 ส่วนจำเลยที่ 6, 7 ผิดตามประมวลกฎหมายอาญา 157 ประกอบมาตรา 86 คำฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น ส่วนจำเลยที่ 2 อ้างว่าเพิ่งมาปฏิบัติหน้าที่ภายหลังการทำรังวัดที่ดินดังกล่าว ฎีกาฟังขึ้น ให้ยกฟ้อง ส่วนจำเลยที่ 4 ศาลอุทธรณ์ยกฟ้องไปแล้ว นอกนั้นพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์
พิพากษาจำคุกจำเลยที่ 1, 3, 5 คนละ 7 ปี จำเลยที่ 6 4 ปี 8 เดือน ปรับจำเลยที่ 7 12,000 บาท หากไม่ชำระค่าปรับให้บังคับตามประมวลกฎหมายอาญา ยกฟ้องจำเลยที่ 2 และ 4
ข้อเท็จจริงเบื้องต้นคือ จำเลยที่ 1-3 และ 5 ร่วมกันทุจริตทำรังวัดโฉนดที่ดิน น.ส.3 เลขที่ 388 และ 389 ให้กับจำเลยที่ 7 ซึ่งมีจำเลยที่ 6 เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ โดยอ้างว่าเป็นที่ดินยังไม่ได้ครอบครองการทำประโยชน์ แต่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า มีการออกทำรังวัดที่ดินเกิน น.ส. 3 ทั้ง 2 โฉนดดังกล่าว จำนวน 2 ไร่เศษ โดยรุกล้ำไปในชายหาด และทะเล นอกจากนี้ จำเลยที่ 6-7 มีการถมดินและหินลงไปรุกล้ำชายหาด และทะเลด้วย ทั้งนี้จำเลยที่ 1-3 และ 5 และจำเลยที่ 6-7 ทราบดีอยู่แล้วว่า เป็นการถมที่ดินใหม่ ไม่ใช่ที่ดินตาม น.ส.3 เดิม ถือว่าเป็นการออกโฉนดโดยมิชอบ
คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ (ปปป. ปัจจุบันคือ ป.ป.ช.) มีมติชี้มูลความผิดจำเลยทั้งหมด และส่งสำนวนให้อัยการจังหวัดพัทยาฟ้อง ต่อมาศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลยที่ 1-3 และ 5 และจำเลยที่ 6-7 ยกฟ้องจำเลยที่ 4 ต่อมาชั้นอุทธรณ์ศาลพิพากษายืน และยกฟ้องจำเลยที่ 4
ทั้งนี้ในวันนัดอ่านคำพิพากษา โจทก์ และทนายจำเลยที่ 1, 3, 5, 6, 7 มาศาล ส่วนจำเลยที่ 1-3 และ 5-6 ไม่มาศาล ส่วนจำเลยที่ 7 ศาลออกหมายจับครบ 1 เดือนแล้ว ยังไม่ได้ตัวมาศาล ส่วนจำเลยที่ 4 ศาลอุทธรณ์ภาค 2 ยกฟ้องแล้ว โจทก์มิได้ฎีกา
ศาลอ่านคำพิพากษาให้คู่ความที่มาศาลฟังแล้ว และถือว่าจำเลยที่ 1, 3, 5 และจำเลยที่ 6 ในฐานะกรรมการของจำเลยที่ 7 ทราบคำพิพากษาโดยชอบตามกฎหมายแล้ว ให้ออกหมายจับจำเลยดังกล่าวเพื่อมารับโทษตามคำพิพากษาต่อไป
หมายเหตุ : ภาพประกอบนายพิบูลย์ อัศวเหม จาก Youtube