ปลื้ม สุรบถ พร้อมสมัครเป็นสมาชิกประชาธิปัตย์ ย้ำไม่ใช้เส้นพ่อลงเลือกตั้งสส.
ลังมีกระแสข่าวว่านาย สุรบถ หลีกภัย บุตรชายนาย ชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ เตรียมจะลงสมัครเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ นาย สุรบถ ยอมรับว่า ตัวเองเตรียมลงสมัครเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์จริง โดยรอพรรคเปิดรับสมัครก็จะเข้าไปตามวิธีปกติ ได้คุยกับคุณพ่อแล้วว่าต้องการมาช่วยงานพรรค คุณพ่อก็สนับสนุน ทั้งนี้ไม่กังวลหากสังคมจะมองว่าที่ได้ลงสมัครเลือกตั้งส.ส. เพราะเป็นลูกพ่อ เนื่องจากตัวเองมีความสามารถในการทำงาน และไม่รู้สึกกดดันหากจะถูกนำไปเปรียบเทียบกับคุณพ่อที่ประสบความสำเร็จทางการเมืองถึงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพราะส่วนตัวก็มีสไตล์ที่ถนัด ส่วนคุณพ่อถือเป็นคนดีที่จะอยู่ในทุกๆการตัดสินใจของตัวเอง และเรื่องต่างๆคุณพ่อก็ให้ตัดสินใจด้วยตัวเองตลอด และไม่ได้แนะนำว่าจะให้ไปลงแบบ ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือ ส.ส.แบบแบ่งเขตหรือแบบบัญชีรายชื่อ แล้วแต่พรรคจะพิจารณา และยังไม่ได้คุยเรื่องลงสมัครส.ส.กับนาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
จากนี้จะคุยกับพรรคก่อนว่าอยากให้ไปช่วยงานด้านไหน แล้วแต่พรรคจะพิจารณา แต่ตัวเองถนัดการสื่อสาร จึงอาจจะมาช่วยการสื่อสารของพรรค ขณะนี้ได้เตรียมทีมที่เป็นเพื่อนของตัวเองมาทำงานด้วยแล้ว เชื่อมั่นว่าจะสื่อสารกับคนรุ่นใหม่ได้
ส่วนการประชุมใหญ่ของพรรคในวันที่26กันยายนก็จะไปร่วมประชุมด้วย นายสุรบถกล่าวว่า แต่คงไม่ไปแนะนำตัวเป็นพิเศษกับนาย อภิสิทธิ์ แต่หากหัวหน้าเรียกคุยก็ยินดี
สำหรับใครเหมาะสมจะเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นาย สุรบถ ไม่ขอตอบว่าใครควรได้เป็นหัวหน้าพรรคคนต่อไป แต่มองว่านาย อภิสิทธิ์ เป็นคนเก่งคนหนึ่ง ส่วนการที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ลดจำนวนเขตเลือกตั้งลง ขอให้ไปถามผู้ใหญ่ในพรรค เพราะตัวเองเป็นแค่เด็ก ส่วนแนวคิดทางการเมือง ตั้งใจมาพัฒนาการเมือง และไม่ต้องการเห็นการเมืองแบบเก่าที่ต่างฝ่ายต่างทะเลาะกัน รับได้หากจะคิดต่างกัน แต่ต้องไม่แตกแยก เพราะไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ และที่ผ่านมามีบทเรียนจากคนรุ่นเก่าให้เห็นแล้ว ดังนั้นต้องร่วมกันพัฒนาประเทศโดยอาศัยความร่วมมือจากคนรุ่นเก่าและคนรุ่นใหม่ ผ่านการใช้หลักเหตุผล มองว่าอนาคตนักการเมืองจะคล้ายกับผู้ผลิตรายการที่ต้องหาคนที่ดีที่สุดมาทำงานพัฒนาประเทศให้ได้ ซึ่งก็เชื่อว่าทุกคนมีจุดยืนร่วมกันคือการพัฒนาประเทศไปข้างหน้า
ที่มา:http://www.js100.com/en/site/news/view/62049
