รู้อยู่แล้วว่ามีทุจริตแต่ยังทำ! เบื้องหลังพิพากษาแก้สั่งคุกกลุ่มโรงสีคดีข้าวจีทูจี

เขียนวันที่

วันอาทิตย์ ที่ 08 กันยายน 2562 เวลา 12:13 น.

เขียนโดย

isranews

หมวดหมู่

Isranews | ข่าว | Investigative | การทำผิดของเอกชน | เรื่องเด่น - สำนักข่าวอิศรา

Tags

กลุ่มโรงสี | ผลอุทธรณ์ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา | คดีข้าวจีทูจี

เผยเบื้องหลังผลอุทธรณ์ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา พิพากษาแก้คดีระบายข้าวจีทูจี จำคุกกลุ่ม 7 โรงสี 4-8 ปี แต่รอลงโทษ 3 ปี เหตุรู้อยู่แล้วมีการทุจริต-ซื้อขายไม่เป็นไปตามระเบียบราชการ-ไม่ให้ข้อมูล ป.ป.ช.

PIC ricerice 8 9 62 1

จากกรณีคำวินิจฉัยอุทธรณ์ขององค์คณะที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา คดีระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) โดยทุจริต พิพากษาแก้เพิ่มโทษจำคุกนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ ในสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อีก 1 กระทง 6 ปี รวมโทษจำคุก 48 ปี โดยเห็นว่า นายบุญทรงมีส่วนร่วมในการแก้ไขสัญญาซื้อขายข้าวจีทูจีกับบริษัท กว่างตงฯ รัฐวิสาหกิจจีน 2 ครั้ง ขณะเดียวกันพิพากษาแก้ให้จำคุกกลุ่มโรงสี 7 ราย (เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ 3 ราย นิติบุคคล 4 แห่ง) จำนวน 4-8 ปี แต่ให้รอการลงโทษ 3 ปี ปรับ 25,000-50,000 บาท ด้วยนั้น (อ่านประกอบ : ผิดครบทั้ง 4 กรรม! เบื้องหลังเพิ่มโทษคุก‘บุญทรง’48 ปี เหตุไปแก้ไขสัญญาแรกด้วย, จำคุก'บุญทรง'เพิ่มอีก 6 ปีรวม 48 ปี-กลุ่มโรงสีผิดด้วยแต่รอลงโทษ3ปี-สั่งชดใช้2หมื่นล.)

กลุ่มโรงสี 7 ราย คือจำเลยที่ 22-28 ได้แก่ 22.หจก.โรงสีกิจทวียโสธร 23.นายทวี อาจสมรรถ หุ้นส่วนผู้จัดการ หจก.โรงสีกิจทวียโสธร และกรรมการบริษัท กิจทวียโสธรไรซ์ จำกัด 24.บริษัท กิจทวียโสธรไรซ์ จำกัด 25.บริษัท เค.เอ็ม.ซี.อินเตอร์ไรซ์ (2002) จำกัด 26.นายปกรณ์ ลีศิริกุล กรรมการบริษัท เค.เอ็ม.ซี.อินเตอร์ไรซ์ (2002) จำกัด 27.บริษัท เจียเม้ง จำกัด 28.นางประพิศ มานะธัญญา กรรมการบริษัท เจียเม้ง จำกัด

เมื่อเร็ว ๆ นี้ แหล่งข่าวจากหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมแห่งหนึ่ง เปิดเผยสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ถึงคำวินิจฉัยอุทธรณ์ขององค์คณะที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา กรณีพิพากษาแก้ลงโทษจำคุกกลุ่มโรงสีว่า องค์คณะที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา พิจารณาถึงพฤติการณ์ของกลุ่มโรงสีที่เคยเป็นคู่สัญญาซื้อขายข้าวจากรัฐมาก่อน ย่อมรู้แนวทางของราชการดี การซื้อขายข้าวกับรัฐต้องมีการทำสัญญา หรือการประมูล แต่กลุ่มโรงสีเหล่านี้กลับซื้อข้าวจากคลังของตัวเองเลย โดยมีการจ่ายเป็นแค่แคชเชียร์เช็คเท่านั้น ไม่มีการทำสัญญากับหน่วยงานราชการ ขณะเดียวกันได้ให้การว่า หากต้องการติดต่อซื้อขายข้าว ต้องดำเนินการผ่าน พ.ต.นพ.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ อดีตเลขานุการ รมว.พาณิชย์ (จำเลยที่ 3 ในคดีนี้) ดังนั้นการที่รู้อยู่แล้วว่า ขั้นตอนการซื้อขายข้าวไม่เป็นไปตามระเบียบของหน่วยงานราชการ แต่กลับดำเนินการซื้อข้าวดังกล่าว ทั้งที่ควรแจ้งเรื่องร้องเรียนต่อหน่วยงานราชการ หรือให้ข้อมูลต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จึงถือว่ากระทำความผิดด้วย จึงพิพากษาให้ลงโทษจำคุก จำเลยที่ 23 (นายทวี) จำเลยที่ 26 (นายปกรณ์) จำนวน 4 ปี แต่รอการลงโทษ 3 ปี ปรับ 25,000 บาท ส่วนจำเลยที่เป็นนิติบุคคลคือ 22, 24, 25 ให้ปรับ 50,000 บาท

แหล่งข่าว ระบุอีกว่า ส่วนกรณีการลงโทษจำคุกจำเลยที่ 28 (นางประพิศ) เนื่องจากเห็นว่าในช่วงเวลาดังกล่าว จำเลยที่ 28 เป็นกรรมการผู้มีอำนาจของจำเลยที่ 27 (บริษัท เจียเม้ง จำกัด) และในสภาผู้แทนราษฎรมีการอภิปรายเกี่ยวกับการทุจริตการระบายข้าวจีทูจี โดยยกตัวอย่างของบริษัท เจียเม้ง จำกัด ไปอภิปรายด้วย ดังนั้นจำเลยที่ 27 และ 28 ย่อมต้องทราบอยู่แล้วว่า การซื้อขายข้าวดังกล่าวมีปัญหา และไม่เป็นไปตามระเบียบของราชการ และย่อมรู้ว่ามีการทุจริตเกิดขึ้น แต่กลับไม่แจ้งเรื่องร้องเรียนหน่วยงานราชการ หรือให้ข้อมูลต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงเป็นการกระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน จึงพิพากษาลงโทษจำคุก 2 กระทง กระทงละ 4 ปี รวมโทษจำคุก 8 ปี แต่รอการลงโทษ 3 ปี ปรับ 50,000 บาท

# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/