5 ข้อพิรุธ! ‘ธนาธร’ไม่ได้โอนหุ้นสื่อ 8 ม.ค.62 (มีคำวินิจฉัยศาล รธน.ฉบับสมบูรณ์)

เขียนวันที่

วันพฤหัสบดี ที่ 21 พฤศจิกายน 2562 เวลา 16:46 น.

เขียนโดย

isranews

หมวดหมู่

Tags

บริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด | กกต. | ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ | ศาลรัฐธรรมนูญ

“…การที่นายธนาธร อ้างว่า ได้โอนหุ้นเมื่อวันที่ 8 ม.ค. 2562 โดยอ้างพยานบุคคลที่เกี่ยวข้อง ตราสารโอนหุ้น พบว่า เป็นบุคคลกลุ่มเดียวกัน ใกล้ชิดกับนายธนาธร ประกอบกับเอกสารการโอนหุ้นของบริษัท วี-ลัคฯ ได้แก่ สำเนาเอกสารรับรองการโอนหุ้นที่มีทนายความรับรอง ตราสารการโอนหุ้น เช็คสั่งจ่ายค่าหุ้น สมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นของบริษัท ต้นขั้วเช็ค และต้นขั้วใบหุ้น ล้วนเป็นเอกสารที่บริษัท วี-ลัคฯ จัดทำ และเก็บรักษาไว้ที่บริษัท วี-ลัคฯ ทั้งสิ้น จึงกล่าวอ้างเจือสมเพื่อให้ตรงกับหลักฐานใน บอจ.5 ซึ่ง บริษัท วี-ลัคฯ ยื่นต่อ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ในวันที่ 21 มี.ค. 2562 ซึ่งนางสมพร รับโอนหุ้น 6.75 แสนหุ้น กลับคืนมาจากนายทวีเท่านั้น…”

PIC thanatorn 21 11 62 8725

สาธารณชนอาจทราบกันไปแล้วว่า ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเสียงข้างมาก 7 ต่อ 2 เสียง วินิจฉัยให้สมาชิกภาพความเป็น ส.ส. ของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ สิ้นสุดลง โดยนับตั้งแต่ศาลมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่เมื่อวันที่ 23 พ.ค. 2562 โดยเห็นว่า ในการสมัคร ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ เมื่อวันที่ 6 ก.พ. 2562 ยังถือครองหุ้นบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ประกอบธุรกิจสื่อ ซึ่งเข้าข่ายลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (3) (อ่านประกอบ : หลักฐานโอนหุ้นข้อพิรุธเพียบ! ศาล รธน.วินิจฉัยให้ 'ธนาธร'พ้น ส.ส. มีผล 23 พ.ค. 62, ฉบับเต็ม! คำพิพากษาศาล รธน.คดีหุ้นสื่อ‘ธนาธร’ พิรุธหลายจุด-เอกสารทำย้อนหลังได้?)

ขณะที่นายธนาธร ให้สัมภาษณ์ยืนยันหลายครั้ง แม้แต่ภายหลังถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นสภาพ ส.ส. ก็ตาม ระบุว่า การโอนหุ้นบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด เกิดขึ้นในวันที่ 8 ม.ค. 2562 จริง ส่วนเรื่องการไปจดแจ้งเปลี่ยนแปลรายชื่อผู้ถือหุ้นกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เป็นเรื่องทางทะเบียน พร้อมแสดงความเห็นถึงผลคำวินิจฉัยของศาลว่า ศาลใช้ข้อสันนิษฐานมากกว่าใช้ข้อเท็จจริงในการตัดสินคดีของเขา (อ่านประกอบ : ศาลให้น้ำหนักข้อสันนิษฐานมากกว่าข้อเท็จจริง! ‘ธนาธร’โต้ทันควันปมพ้น ส.ส. คดีหุ้นสื่อ)

เพื่อให้สาธารณชนเข้าใจมากขึ้น สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org สรุปประเด็นสำคัญ กรณีการโอนหุ้นบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 20 พ.ย. 2562 ที่ผ่านมาให้ทราบอีกครั้ง ดังนี้

หนึ่ง การนำส่ง บอจ.5

นายธนาธร ระบุว่า โอนหุ้นบริษัท วี-ลัคฯ ให้แก่นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ มารดา ในวันที่ 8 ม.ค. 2562 ปรากฏตามเอกสารการโอนหุ้น โดยมีลายมือชื่อของ น.ส.กานต์ธิดา อ่วมงามขำ และ น.ส.ลาวัลย์ จันทร์เกษม เป็นพยาน

ขณะที่ข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานในการไต่สวน ได้แก่ สำเนาแบบบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น (บอจ.5) ที่บริษัท วี-ลัคฯ แจ้งต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เมื่อวันที่ 12 มี.ค. 2558 (กรณีนางสมพร โอนให้กับนายธนาธร) และเมื่อวันที่ 21 มี.ค. 2562 (นายธนาธร โอนให้นางสมพร) ปรากฏว่า นายธนาธร ถือหุ้นของบริษัทดังกล่าวจำนวน 6.75 แสนหุ้น หมายเลข 13500001-20250000 ตั้งแต่วันที่ 12 มี.ค. 2558-21 มี.ค. 2562 จึงมีการส่ง บอจ.5 ปรากฏชื่อนางสมพร เป็นผู้ถือหุ้นหมายเลขดังกล่าวแทน

ศาลเห็นว่า ทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงรายชื่อผู้ถือหุ้น บริษัท วี-ลัคฯ มีหนังสือส่ง บอจ.5 ต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า โดยเร็วทุกครั้ง แต่การโอนหุ้นของนายธนาธร ให้นางสมพร ที่อ้างในวันที่ 8 ม.ค. 2562 กลับไม่ปรากฏการส่ง บอจ.5 แก่กรมพัฒนาธุรกิจการค้าแต่อย่างใด

ทั้งที่การส่ง บอจ.5 เป็นหลักฐานสำคัญ หากนายธนาธรมีความประสงค์เข้าสู่การเมือง การที่ไม่มีการส่ง บอจ.5 ต่อนาย กรมพัฒนาธุรกิจการค้า จึงเป็นการผิดปกติที่เคยปฏิบัติมา ทั้งที่การโอนหุ้นครั้งนี้มีความสำคัญต่อการเข้าดำรงตำแหน่งทางการเมืองของนายธนาธรอย่างยิ่ง เพราะถ้ามิได้โอนไปก่อนสมัครรับเลือกตั้ง ย่อมทำให้นายธนาธรมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (3)

ข้ออ้างของนายธนาธรว่า บริษัท วี-ลัคฯ เลิกจ้างพนักงานไปหมดแล้วตั้งแต่วันที่ 26 พ.ย. 2561 จึงไม่มีนักบัญชีคอยติดตามเอกสารนั้น ขัดแย้งกับคำเบิกความของ น.ส.ลาวัลย์ (ผู้ลงนามเป็นพยานในตราสารโอนหุ้นระหว่างนายธนาธร และนางสมพร เมื่อ 8 ม.ค. 2562) และพยานบุคคลที่เบิกความในศาลว่า น.ส.ลาวัลย์ สามารถทำได้ ถ้ามีคำสั่งให้ทำ เนื่องจากเป็นเจ้าหน้ที่ดำเนินการเกี่ยวกับการแจ้ง บอจ.5 และเป็นผู้แจ้ง บอจ.5 ของบริษัท วี-ลัคฯ เมื่อวันที่ 21 มี.ค. 2562 ด้วย นอกจากนี้การมอบหมายให้บุคคลอื่นแจ้ง บอจ.5 มิได้เป็นเรื่องยุ่งยากแต่ประการใด เพราะบริษัท วี-ลัคฯ ใช้วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์แจ้งงบดุลประจำปี และนำส่ง บอจ.5 แก่กรมพัฒนาธุรกิจการค้าตั้งแต่ปี 2559-2561

สอง การนำเช็ค 6.75 ล้านบาทขึ้นเงิน

นายธนาธร อ้างว่า นางสมพร ได้ชำระค่าหุ้นให้แก่นายธนาธร ด้วยเช็คธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขา ถ.บางนา-ตราด เซ็นทรัลซิตี้ ฉบับวันที่ 8 ม.ค. 2562 สั่งจ่ายนายธนาธร เป็นเงิน 6.75 ล้านบาท ปรากฏนำฝากเข้าบัญชีเมื่อวันที่ 16 พ.ค. 2562 ตรงกับวันที่ กกต. ส่งคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย และใช้ระยะเวลานานถึง 128 วัน หลังจากวันที่ระบุในเช็ค

ทั้งนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 900 ระบุว่า ให้ผู้ส่งเช็ค ต้องนำเช็คไปขึ้นเงินที่ธนาคาร เพื่อให้มีการใช้เงินภายใน 30 วัน หากเช็คออกเมืองเดียวกับเมืองที่ธนาคารตั้งอยู่ตามเช็ค หรือภายใน 3 เดือน หากเช็คต่างเมือง สถานที่ออกเช็ค และธนาคารอยู่คนละเมืองกัน อย่างไรก็ดีธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขา ถ.บางนา-ตราด เซ็นทรัลซิตี้ ตั้งอยู่ที่ กทม. ขณะที่สถานที่ออกเช็คดังกล่าวไม่ระบุสถานที่ ต้องถือว่าออกเช็ค ณ ภูมิลำเนาผู้สั่งจ่ายคือนางสมพร มีภูมิลำเนาใน กทม.

แม้นายธนาธรอ้างว่า มีการนำเช็คเรียกเก็บเงินล่าช้าเช่นนี้ประจำ แต่เมื่อตรวจสอบย้อนหลัง 3 ปี พบว่า การเรียกเก็บเงินเช็คตั้งแต่ 2 ล้านบาทขึ้นไประหว่างปี 2560-2562 มีการเรียกเก็บเงินตามเช็คหลังจากวันที่ลงในเช็คประมาณ 42-45 วัน แต่การเรียกเก็บเงินเช็คเมื่อวันที่ 8 ม.ค. 2562 กลับใช้เวลาถึง 128 วัน แสดงให้เห็นว่าเช็คเมื่อวันที่ 8 ม.ค. 2562 มีความแตกต่างจากที่ผ่านมา

แม้นางรวิพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ ภรรยานายธนาธร เบิกความว่า ช่วงนั้นตนไม่สะดวกไปเรียกเก็บเงิน เนื่องจากต้องดูแลบุตรที่ยังเป็นทารก และเป็นเช็คที่มีความน่าเชื่อถือ อย่างไรก็ดีศาลเห็นว่า นางรวิพรรณ สามารถนำเช็คฝากเข้าบัญชีได้ตั้งแต่ 9 ม.ค. 2562 ข้ออ้างเรื่องการไม่นำเช็คตามทางปกติ จึงไม่มีน้ำหนักน่าเชื่อถือได้ เพราะเป็นเช็คชนิดระบุชื่อนายธนาธร ต้องนำเข้าบัญชีธนาคาร ไม่สามารถสลักหลังโอนได้ การนำเช็คขึ้น อาจมอบบุคคลอื่นดำเนินการแทนตนเองได้ จึงไม่ต้องรอเวลาถึง 4 เดือนเศษ

สาม กรณีการโอนหุ้นระหว่างนางสมพร กับนายทวี จรุงสถิตพงษ์ (หลานบี)

การโอนหุ้นดังกล่าว นางสมพร อ้างว่า มีการโอนหุ้นบริษัท วี-ลัคฯ ในวันที่ 14 ม.ค. 2562 จำนวน 6.75 แสนหุ้น หุ้นเดิมของนายธนาธรให้แก่นายทวี หลานนางสมพร ต่อมาเมื่อวันที่ 21 มี.ค. 2562 นายทวี โอนหุ้นดังกล่าวกลับคืนนางสมพร

ข้อเท็จจริงที่ได้จากการไต่สวนปรากฏว่า การโอนหุ้นคืนดังกล่าว ไม่มีค่าตอบแทน โดยอ้างความสัมพันธ์ทางเครือญาติ มีความย้อนแย้งและแตกต่างจากการโอนหุ้นระหว่างนางสมพร กับนายธนาธร ซึ่งมีความเป็นมารดากับบุตร กลับมีค่าตอบแทน

แม้นางสมพร ต้องการให้นายทวี มาแก้ปัญหาหรือฟื้นฟูบริษัทก็ตาม แต่การโอนหุ้นโดยไม่มีค่าตอบแทน ย่อมไม่สามารถตรวจสอบได้ว่า โอนหุ้นจริงหรือไม่ มีเพียงพยานหลักฐานคือตราสารโอนหุ้น สมุดทะเบียน และใบหุ้น ต่างเป็นเอกสารที่บริษัท วี-ลัคฯ สามารถจัดทำขึ้นเองได้ในภายหลัง

สี่ กรณีลูกหนี้ในบริษัท วี-ลัคฯ

กรณีนางสมพร เบิกความว่า นายทวี ศึกษาแล้วต้องใช้เงินลงทุนอีกหลายล้านบาท จึงมีความประสงค์ปิดบริษัท และให้นายทวีโอนหุ้นกลับไปให้นางสมพร ข้อเท็จจริงส่วนนี้ ย่อมขัดกับปกติวิสัยกับนักลงทุนทั่วไปที่ประสงค์จะฟื้นฟูบริษัทต้องใช้ระยะเวลาศึกษาพอสมควร และลงมือตามแผนธุรกิจเสียก่อน เมื่อพิจารณาจากจำนวนเงินลงทุน หากเทียบกับฐานะเศรษฐกิจของนางสมพรแล้ว เห็นว่าเป็นจำนวนเงินเพียงเล็กน้อย

นอกจากนี้ยังขัดแย้งกับที่นายธนาธร อ้างว่า บริษัทมียอดหนี้ และสิทธิเรียกร้องประมาณ 11 ล้านบาท แต่ตามแบบนำส่งงบการเงินรอบปี 2561 เมื่อวันที่ 31 ธ.ค. 2561 นำส่งต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า แจ้งว่า มีลูกหนี้การค้า และลูกหนี้อื่นเพียง 2.7 ล้านบาทเศษ จำนวนเงินดังกล่าวไม่ตรงกัน ประกอบกับหนี้จำนวนไม่มาก สามารถใช้ทนายความหรือบุคคลผู้เชี่ยวชาญทางธุรกิจดำเนินการได้ ทั้งการดูแลกิจการในครอบครัวไม่จำเป็นต้องโอนหุ้นก็ย่อมได้ การเป็นเพียงผู้ถือหุ้น ย่อมไม่มีอำนาจบริหารจัดการบริษัท และไม่มีสิทธิบริหารเงินสดแต่อย่างใด

การที่นายธนาธร อ้างว่า ได้โอนหุ้นเมื่อวันที่ 8 ม.ค. 2562 โดยอ้างพยานบุคคลที่เกี่ยวข้อง ตราสารโอนหุ้น พบว่า เป็นบุคคลกลุ่มเดียวกัน ใกล้ชิดกับนายธนาธร ประกอบกับเอกสารการโอนหุ้นของบริษัท วี-ลัคฯ ได้แก่ สำเนาเอกสารรับรองการโอนหุ้นที่มีทนายความรับรอง ตราสารการโอนหุ้น เช็คสั่งจ่ายค่าหุ้น สมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นของบริษัท ต้นขั้วเช็ค และต้นขั้วใบหุ้น ล้วนเป็นเอกสารที่บริษัท วี-ลัคฯ จัดทำ และเก็บรักษาไว้ที่บริษัท วี-ลัคฯ ทั้งสิ้น จึงกล่าวอ้างเจือสมเพื่อให้ตรงกับหลักฐานใน บอจ.5 ซึ่ง บริษัท วี-ลัคฯ ยื่นต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ในวันที่ 21 มี.ค. 2562 ซึ่งนางสมพร รับโอนหุ้น 6.75 แสนหุ้น กลับคืนมาจากนายทวีเท่านั้น

ห้า การเดินทางจาก จ.บุรีรัมย์ ถึง กทม.

นายธนาธร ชี้แจงว่า เดินทางกลับจาก อ.สะตึก จ.บุรีรัมย์ เมื่อวันที่ 8 ม.ค. 2562 กลับมายังบ้านพักที่เล็กไซด์วิลล่า แขวงดอกไม้ เขตประเวศ กทม. ซึ่งเป็นบ้านพักของนายธนาธร โอนหุ้นบริษัท วี-ลัคฯ ให้แก่นางสมพร เห็นว่า แม้จะฟังได้ว่านายธนาธรเดินทางกลับจาก จ.บุรีรัมย์ มาบ้านพักในวันดังกล่วาจริง ข้อเท็จจริงดังกล่าวก็รับฟังได้เพียงว่า นายธนาธร อยู่ กทม. เมื่อวันที่ 8 ม.ค. 2562 เท่านั้น ไม่ได้หมายความว่ามีการโอนหุ้นบริษัท วี-ลัคฯ ในวันดังกล่าวจริง การพิจารณาโอนหุ้นเมื่อวันที่ 8 ม.ค. 2562 จริงหรือไม่ ต้องพิจารณาจากพยานหลักฐานอื่น ๆ ประกอบพฤติการณ์ทั้งปวงแห่งคดี

บทสรุป

คดีนี้แม้นายธนาธร มีพยานหลักฐานแสดงว่า การโอนหุ้นให้นางสมพรเมื่อวันที่ 8 ม.ค. 2562 แม้นายธนาธรได้ประโยชน์จากข้อสันนิษฐานตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1129 และมาตรา 1141 แต่เมื่อพิจารณาพบว่า มีข้อพิรุธหลายจุด ประกอบพยานหลักฐาน พฤติการณ์แวดล้อม สอดรับแน่นหนา ย่อมมีความน่าเชื่อถือกว่าพยานหลักฐานของนายธนาธรที่มีพิรุธหลายประการ ดังนั้นจึงมีน้ำหนักหลักล้างข้อสันนิษฐานของนายธนาธรได้

เมื่อพิจารณาข้อพิรุธหลายประการดังกล่าว ประกอบพฤติการณ์ทั้งปวงแห่งคดี ฟังได้ว่า นายธนาธร ถือหุ้นบริษัท วี-ลัคฯ ประกอบกิจการสื่อมวลชน เมื่อวันที่ 6 ก.พ. 2562 อันเป็นวันที่พรรคอนาคตใหม่ ยื่นบัญชีรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อต่อ กกต. อันเป็นลักษณะต้องห้ามมิให้นายธนาธรใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (3) ทำให้สมาชิกภาพ ส.ส. ของนายธนาธร สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (3) โดยเมื่อพิจารณาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 จึงให้สมาชิกภาพ ส.ส. ของนายธนาธร สิ้นสุดลงในวันที่ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ คือวันที่ 23 พ.ค. 2562

ความคืบหน้ากรณีนี้ มีรายงานข่าวจากสำนักงาน กกต. แจ้งว่า สัปดาห์หน้าที่ประชุม กกต. จะหารือในการแจ้งข้อกล่าวหาคดีอาญา กรณีรู้อยู่แล้วว่าไม่มีสิทธิ แต่ลงสมัครรับเลือกตั้ง ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 ต่อไป (อ่านประกอบ : กกต.ลุยแจ้งข้อหาคดีอาญา‘ธนาธร’ปมรู้อยู่แล้วขาดคุณสมบัติแต่ยังสมัคร ส.ส. สัปดาห์หน้า)

ล่าสุด ศาลรัฐธรรมนูญเผยแพร่คำวินิจฉบับสมบูรณ์ออกมาแล้ว อ่านได้ที่นี่ : http://www.constitutionalcourt.or.th/occ_web/download/article/article_20191121160546.pdf

อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง :

กกต.ลุยแจ้งข้อหาคดีอาญา‘ธนาธร’ปมรู้อยู่แล้วขาดคุณสมบัติแต่ยังสมัคร ส.ส. สัปดาห์หน้า

@เรื่องที่เกี่ยวข้องกับบัญชีทรัพย์สินของนายธนาธร

ปิยบุตร แสงกนกกุล : คำวินิจฉัยศาลรธน.หยุด 'ธนาธร' ไม่ได้ อนาคตใหม่ไม่เสียขวัญ

ฉบับเต็ม! คำพิพากษาศาล รธน.คดีหุ้นสื่อ‘ธนาธร’ พิรุธหลายจุด-เอกสารทำย้อนหลังได้?

หลักฐานโอนหุ้นข้อพิรุธเพียบ! ศาล รธน.วินิจฉัยให้ 'ธนาธร'พ้น ส.ส. มีผล 23 พ.ค. 62

กกต.เรียกหลักฐานเพิ่มจาก อนค.ปมกู้เงิน'ธนาธร' 191 ล.-ก่อนนี้อนุฯขอแล้วไม่ส่งให้

บ.ในลาว 20 ล.‘ธนาธร’ชื่อเดียว‘วัน โอ ซี ฯ’ใน จ.ปทุมธานี ปิดตัวแล้ว-ยังไม่ชำระบัญชี

เปิดตัว 2 บ.ในลาว‘ธนาธร-เมีย’ ทำปศุสัตว์-ปรุงแต่งน้ำยาง ทุนรวม 5 แสนดอลฯ

หุ้นส่วนธุรกิจ ‘ธนาธร-ไทยซัมมิท’ คือ ญี่ปุน-สหรัฐ ไม่มีชาวจีน

‘ธนาธร’ปี 61 เสียภาษี 2.9 ล. -บัญชีทรัพย์สิน ไม่มีรายได้จากโอนหุ้น 14 บริษัทปี 62

INFO: ‘ธนาธร’ กับการโอนหุ้น 14 บริษัท