- Home
- Isranews
- เรื่องเด่น - สำนักข่าวอิศรา
- EXCLUSIVE:“หม่อมหลวงปนัดดา”…ชีวิตเปลี่ยน หลังเป็นรัฐมนตรี
EXCLUSIVE:“หม่อมหลวงปนัดดา”…ชีวิตเปลี่ยน หลังเป็นรัฐมนตรี
“…ความหนักใจเป็นนิสัยของกระผมมานานแล้ว ไม่เคยรับตำแหน่งหน้าที่อะไรที่ไม่หนักใจ แต่ความหนักใจจะยิ่งทำให้กระผมมีความรอบคอบถี่ถ้วน ตั้งอยู่ในสติตลอดเวลา จะไม่ทำอะไรตามคารมของคน หรือตามใจผู้อื่นจนกระทั่งลืมศักดิ์ศรีของความเป็นข้าราชการ”

“หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล” เป็นข้าราชการมาค่อนชีวิต รับราชการมาตั้งแต่อายุ 24 ปี ตั้งแต่สมัยพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี จนปัจจุบัน 58 ปีแล้ว ยังไม่หยุดทำงาน
ล่าสุดแบกภาระหนักไม่ใช่น้อย เพราะจะต้องร่วมปฏิรูปประเทศไทยหลังการรัฐประหารไม่ให้ “เสียของ” ในตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
ช่วงเวลา กว่า 30 ปีในหน้าที่ราชการ หม่อมหลวงปนัดดา บอกว่า ท่านเห็นสังคมไทยผ่านจุดสูงสุดมาถึงจุดต่ำสุดได้อย่างไม่น่าเชื่อ!
1 วันหลังจับมือเคลียร์ใจกับตัวแทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) วันที่ 3 ก.ย.57 หม่อมหลวงปนัดดา เปิดห้องทำงานในทำเนียบรัฐบาล
ตอบคำถาม “สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org” ในหลายประเด็นอย่างตรงไปตรงมา
@ ท่านกับตัวแทน อปท.พูดจาเข้าใจตรงกันแล้วหรือยังครับ
กระผมได้คุยกับท่านผู้บริหาร อปท. ไปหลายท่าน ซึ่งเป็นการสร้างวิกฤตให้เป็นโอกาส กระผมพูดว่าอยากเห็นข้าราชการส่วนภูมิภาค กับอปท. ทำงานลักษณะถ่วงดุล คานอำนาจกัน ตรวจสอบซึ่งกันและกัน ไม่ใช่ไปกอดคอกันทำสิ่งผิด แต่ต้องกอดคอกันทำประโยชน์ให้กับประชาชน ซึ่งกระผมคิดว่าเรื่องนี้มีปัญหาอยู่พอสมควรในเมืองไทย กระผมอยากเห็นภาพนั้น ซึ่งจากที่พูดคุยไปท่านก็เห็นด้วยครับ
@ ในระยะยาวจะได้เห็นภาพที่ท่านฝันไว้ไหมครับ เพราะในอดีตจนถึงทุกวันนี้ผู้สื่อข่าวยังตรวจพบการจัดซื้อจัดจ้างที่ไม่โปร่งใสในท้องถิ่นบางแห่ง
ประกาศ คสช.ฉบับที่ 104/2557 ชัดเจนทั้งแง่ป้อมปรามและป้องกัน ที่ขอให้ผู้ว่าข้าราชการจังหวัดแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิในพื้นที่ลงไปเป็นคณะทำงานคอยตรวจสอบการบริหารจัดการงบประมาณ อปท.ในทุกพื้นที่ แหม... เราต้องเจอคนดีบ้างสิน่ะ จะเจอไม่ดีไปหมดได้ยังไง ไม่อย่างงั้นบ้านเมืองไปไม่รอด
นี่เป็นครั้งแรกนะครับที่ให้ท่านผู้ว่าฯ หรือนายอำเภอ แต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิทุกภาคส่วนลงไปช่วยตรวจตรา แนะนำ ซึ่งอปท.ที่ท่านมีรายได้ไม่มาก ติดขัดเรื่องการใช้จ่ายงบประมาณ มีผู้เชี่ยวชาญไปแนะนำ ท่านอาจมีพลังในการทำงานมากยิ่งขึ้น ส่วนถ้าใครไม่ชอบ ไม่อยากให้ใครมาตรวจสอบ ขอให้ท่านใจเย็นและให้มองประโยชน์ภาพรวมของประเทศไทยให้มากๆ
@ ท่านผ่านงานในท้องถิ่นมามาก ปัญหาที่ควรเร่งแก้ไขเร่งด่วนคืออะไรครับ
ที่มองเห็นในหลายพื้นที่คือความเป็นเอกภาพของสังคม หลังบ้านเมืองเกิดความแบ่งแยก ก็แตกแยกมาก ก็อยากขอให้ท่านผู้บริหาร อปท.ได้ช่วยกันสร้างมิตรไมตรีขึ้นใหม่ ให้คนไทยกลับมารักใคร่ สามัคคีกัน
@ ฟังดูก็ไม่ง่ายเลยนะครับ
ยากครับ ยาก ตราบใดที่ผู้คนยังไม่มีระเบียบวินัยอันควร แต่จะง่ายมากถ้าทุกคนเกิดความสำนึกในเรื่องความรับผิดชอบร่วมกัน
@ อาจารย์หมอประเวศ วะสี ท่านย้ำในที่สาธารณะเสมอว่า การปฏิรูปประเทศต้องกระจายอำนาจสู่ชุมชน มองเรื่องนี้อย่างไรครับ
กระผมก็อยากเห็นเช่นนั้นครับ และอยากเห็นหลักคิดกระจายอำนาจไม่เกิดช่องโหว่ มีนวัตกรรมของการกระจายอำนาจที่สร้างสรรค์ความเจริญให้พื้นที่ที่ตรวจสอบได้ ไม่ให้คดโกง
@ แล้วจะอุดช่องโหว่การโกงอย่างไรดี ให้เกิดเป็นรูปธรรม
ไม่มีทางเลือกเป็นอย่างอื่นครับ นั่นคือการพัฒนาคน ซึ่งต้องใช้เวลาและความหวังจากคนรุ่นใหม่ แนะนำ อบรม ช่วยกันตรวจสอบ ให้สังคมมีความใสสะอาด
@ การคอร์รัปชั่นจะหมดไปจากสังคมไทยได้จริงหรือครับ
เราปรบมือข้างเดียวไม่ดังครับ(หัวเราะ) ต้องขอความร่วมมือร่วมใจ โดยเฉพาะจากข้าราชการ กระผมให้แนวคิดข้าราชการที่จะต้องร่วมกันทำงานไปพอสมควรแล้วครับว่าให้ยึดหลักแนวคิดพลเอกประยุทธ์ ในเรื่องคุณธรรม เรื่องหลักคิดการกระจายอำนาจ การช่วยสร้างธรรมาภิบาลประเทศไทยให้เกิดขึ้น เพื่อน ๆ ข้าราชการคิดเหมือนกระผมครับ เราความถี่ตรงกัน ฉะนั้นก็ต้องช่วยกันขบคิดดู อะไรที่เราจะนำเสนอออกไปสู่ผู้คนในภาพใหญ่ได้ ก็จะร่วมมือกันครับ
@ ชีวิตเปลี่ยนไปไหมครับหลังได้เป็นรัฐมนตรี
เปลี่ยนครับ ๆ แต่กระผมโชคดีมีกำลังใจจากทั้งเพื่อนข้าราชการ ไม่ใช่ที่เฉพาะที่สำนักนายกรัฐมนตรี แต่กำลังใจมาจากหลายหน่วยงานที่กระผมรู้จัก
กำลังใจเป็นเรื่องสำคัญที่จะทำงาน และความหนักใจก็เป็นเรื่องสำคัญ กระผมยังเล่าให้กับครอบครัวฟัง ทั้งภรรยาและลูกชายว่าคนเราทำอะไรย่อมมีความหนักใจ ถ้ามองว่าทุกอย่างง่ายดายไปหมด นั่นคือความไม่สำเร็จ
แต่ความหนักใจจะทำให้เรามีความรอบคอบถี่ถ้วน และคิดอยู่เสมอว่าเหตุทุกสิ่งทุกอย่างที่จะเข้ามาเผชิญกับเราในแต่ละวัน จะมีความหลากหลายอย่างมาก เราก็ต้องเตรียมตัวให้พร้อมและแก้ไขปัญหา
ความหนักใจเป็นนิสัยของกระผมมานานแล้ว ไม่เคยรับตำแหน่งหน้าที่อะไรที่ไม่หนักใจ แต่ความหนักใจจะยิ่งทำให้กระผมมีความรอบคอบถี่ถ้วน ตั้งอยู่ในสติตลอดเวลา จะไม่ทำอะไรตามคารมของคน หรือตามใจผู้อื่นจนกระทั่งลืมศักดิ์ศรีของความเป็นข้าราชการ
แต่บริบทในการดำเนินชีวิตกระผมไม่เปลี่ยน เป็นมาอย่างไรเมื่อ 50 กว่าปีที่แล้ว เดี๋ยวนี้กระผมก็เป็นคน ๆ นั้น ตำแหน่งหน้าที่ราชการเป็นสิ่งที่กระผมขออนุญาตสมมติขึ้นมาพร้อมกับความรับผิดชอบ

กระผมมองว่าตำแหน่งหน้าที่การงานเป็นเรื่องของความรับผิดชอบ ไม่ใช่เรื่องของอำนาจวาสนาที่ทำให้เราเปลี่ยนแปลงตัวเอง หรือวางตัวเป็นคนใหญ่คนโต นั่นไม่ใช่นิสัยกระผม
อำนาจหน้าที่มาพร้อมกับความรับผิดชอบชั่วดีของการทำงาน กระผมเตือนตัวตัวเองเสมอด้วยคำสอนข้อนี้ว่าเราจะไม่มีวันลืมเนื้อลืมตัวและตั้งใจทำงานสนองคุณแผ่นดิน
@ท่านเป็นข้าราชการมาค่อนชีวิต เห็นอะไรในสังคมไทยหรือระบบราชการไทยบ้างครับ
ใช่ครับ ยาวนานมาก เหลืออีก 2 ปีก็จะเกษียณแล้ว(ยิ้ม) ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่กระผมได้เห็นประเทศไทยเปลี่ยนแปลงมากพอสมควร ตั้งแต่ในยุคที่มีความร่มเย็นเป็นสุขอย่างมาก พูดแล้วเหมือนย้อนอดีต มองเห็นบ้านเมืองแล้วสุขอกสุขใจ ประชาชนมีความสามัคคี
ชาวอาเซียนเคยยกย่องเราว่า คนไทยรักกันมาก เป็นแบบอย่างให้ชนชาติอื่น ๆ ได้เรียนรู้ จนตนกู อับดุล เราะฮ์มัน นายกรัฐมนตรีคนแรกของมาเลเซีย เคยปรารภกับคุณพ่อของกระผม (หม่อมราชวงศ์สังขดิศ ดิศกุล) สมัยไปเป็นเอกอัครราชทูตไทยที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ปี 2514
ท่านว่า อิจฉาคนไทยจริง ประเทศไทยมีเสน่ห์มาก โดยเฉพาะเรื่องความสมัครสมานสามัคคีที่เป็นแบบอย่างให้กับชาวอาเซียนทั้งหมด และประเทศไทยมีองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวผู้ทรงเป็นแบบอย่างของความดีงามให้กับชาวโลกได้เรียนรู้ นี่คือสิ่งที่คุณพ่อของกระผมเล่าให้กระผมฟังมาตลอดชีวิตตราบจนคุณพ่อจากกระผมไปเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว เป็นเรื่องที่กระผมภูมิใจอย่างมาก
กระผมจึงกราบเรียนว่า กระผมเห็นเมืองไทยมีความเจริญมาก แม้กระทั่งตอนกระผมเริ่มรับราชการ ตอนนั้นท่านพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกฯ ท่านเชื่อมั้ยครับ ชาวต่างประเทศยกนิ้วให้เมืองไทย ชื่นชมเรื่องความซื่อสัตย์สุจริตของคนไทย ไม่ฉ้อราษฎร์บังหลวง เขาเรียกท่านพลเอกเปรมว่า Mister cleaned prime minister การทุจริตบนโต๊ะ ใต้โต๊ะ แทบจะมองไม่เห็น ถ้าจะมีก็น้อยมาก
เมืองไทยในยุคนั้นปลัดกระทรวงมหาดไทยชื่อท่านพิศาล มูลศาสตรสาทร เมืองไทยได้รับการยกย่องเป็นแผ่นดินธรรม แผ่นดินทอง ชาวต่างประเทศเกรงอกเกรงใจ รักเมืองไทย กระผมถึงไม่อยากเชื่อว่า จากวันนั้นและพัฒนามาถึงยุคนี้ กระผมจะได้เห็นจุดที่สูงสุดของประเทศไทยและจุดที่ต่ำสุดของประเทศไทย
@อะไรที่ทำให้สังคมไทยเดินจากจุดสูงสุดมาถึงจุดต่ำสุดได้ครับ
ช่วงหลังกระผมมองว่าระเบียบการเมืองการปกครองที่ขาดมาตรฐานอันควร สอนให้ผู้คนเห็นแก่ตัว สอนให้คิดนอกกรอบอย่าสุดโต่ง เอาแต่ใจ คนไทยเคยได้ชื่อว่าซื่อสัตย์สุจริต พูดจาตรงไปตรงมา แต่ตอนหลังมานี้โกหกมดเท็จกันเก่ง ใช้จ่ายเกินตัว เรื่องของประชานิยม ไม่เคารพผู้ใหญ่ ครูอาจารย์
สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ท่านต้องไม่ลืมว่า การที่เราจะฟื้นฟูแก้ไข ใช่ว่าทำวันนี้จะสำเร็จเดือนหน้า ทำวันนี้กว่าผลลัพธ์มันจะออกเป็นสิบปีจากที่กระผมได้คุยกับนักวิชาการ ซึ่งปัญหาทั้งหลายที่เกิดขึ้นวันนี้คือสิ่งที่ทำกันมาในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จึงกลายเป็นปัญหาที่ฟอนเฟะ ไม่เป็นระเบียบเรียบร้อย
ก่อนการรัฐประหาร มีครูบาอาจารย์จากมหาวิทยาลัย Johns Hopkins University มาเยี่ยมกระผม ท่านพูดเลยว่า โอ้โหถึงขั้นฆ่าฟัน เป็นศัตรูกัน เขาไม่เรียกแล้วว่าเป็นประชาธิปไตยแต่เรียกอนาธิปไตย การเมืองก็ยุแยงตะแคงรั่วให้คนทะเลาะกันเอง ท่านบอกว่าท่านห่วงใยเหลือเกิน
ท่านยังบอกว่า ท่านมาเมืองไทยหลายครั้ง แต่มาครั้งนี้อยากจะขอใช้คำว่าไม่ใช่ประเทศไทยที่ฉันเคยรู้จัก ฟังแล้วก็รู้สึกสะเทือนใจ
@ แล้วการรัฐประหารจะนำสังคมไปสู่ความสมานฉันท์สามัคคีได้อย่างไร
หากมองไปที่เจ้าหน้าที่บ้านเมือง คือข้าราชการ คงจะทำตัวเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้ ในทุกระดับนะครับ ทั้งส่วนกลาง ภูมิภาค ท้องถิ่น ต้องยึดมั่นหลักความถูกต้อง หลักธรรมาภิบาล เพื่อเป็นแบบอย่าง
เมื่อใดก็ตามที่ข้าราชการมีขวัญและกำลังใจในการทำงานร่วมกัน ช่วยกันเสริมสร้างให้กลับกลายเป็นประเทศไทยอันพึงประสงค์ ปลอดคอร์รัปชั่น ปลูกฝังลูกหลานตั้งใจเรียน รักวัฒนธรรม ระบบราชการมีความใสสะอาด ประชาชนก็จะมีความสุข แต่เมื่อใดที่ข้าราชการไม่เป็นแบบอย่างที่ดีงาม ตกต่ำเสียเอง ท่านไม่ต้องถามโพลเลย สังคมก็ตกต่ำแน่นอน
@ ความน่าเป็นห่วงของสังคมไทยยามนี้คืออะไรครับ
ความไม่เข้าใจซึ่งกันและกัน ความแบ่งแยก ใครก็ช่วยเราไม่ได้ครับ เราเป็นคนไทยเราก็ต้องช่วยตัวเราเอง อาจจะไม่ได้เป็นสยามเมืองยิ้มมาก ๆ แต่หลังจากนี้จะยิ้มมากขึ้น ยิ้มน้อย ๆ ถ้าเกิดขึ้นจริง พวกกระผมคงดีใจอย่างที่สุดครับ เป็นความฝันที่เราอยากเห็นสังคมไทยมีความชื่นอกชื่นใจเหมือนเมื่อก่อน
@ งานหลักที่ท่านต้องดูแลวันนี้มีอะไรบ้าง
กำกับดูแลวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย โทรทัศน์ช่อง 11 โมเดิร์นไนน์ทีวี และ สคบ.เพียงเท่านี้ก็แทบไม่มีเวลาว่างครับ(หัวเราะ) แต่ก็จะพยายามทำงานเต็มที่ครับ
กระผมมี Motto ในการทำงานและสอนลูกชายด้วยครับ เป็นสุภาษิตที่ครูอาจารย์ที่โรงเรียนสาธิตประสานมิตรสอนเมื่อตั้งแต่ยังเป็นเด็กคือ รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์เหนือสิ่งอื่นใดทั้งปวง และยึดมั่นหลักในการทำความดีต่อไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่
@ แล้วหากมีเวลาว่างท่านทำอะไรครับ
ปกติไปสปอร์ตคลับครับ แต่หลัง ๆ เริ่มปวดขา ก็ไม่ค่อยได้ไปแล้วครับ ทำงานเสร็จก็กลับบ้านเลย กลับบ้านไปก็นั่งดูละคร เดี๋ยวนี้ละครใหม่ ๆ เยอะนะครับ
@ช่วงนี้ท่านติดเรื่องอะไรเป็นพิเศษครับ
แหม ....ก็หลายเรื่องเหลือเกินครับ(หัวเราะ) ก็ดูเพื่อความเพลิดเพลิน ดูเสร็จก็นั่งเขียนหนังสือ เข้านอนไม่เกิน 5 ทุ่ม นอกจากมีกรณีพิเศษจริงๆ
.... ห้วงเวลาแห่งการสนทนาผ่านไปอย่างรวดเร็ว
“หม่อมหลวงปนัดดา”อวยพรประสาผู้ใหญ่ ก่อนจากลาว่า
“ขอให้ท่านมีแต่ความสุขความเจริญ ช่วยกันรักษาบ้านเมืองไทยด้วยครับ”
