- Home
- Thaireform
- สารคดีเชิงข่าว
- งานสถาปนิก’55 โชว์แบบบ้าน “อยู่กับน้ำ ไม่หนีน้ำ” รับมือภัยพิบัติในอนาคต
งานสถาปนิก’55 โชว์แบบบ้าน “อยู่กับน้ำ ไม่หนีน้ำ” รับมือภัยพิบัติในอนาคต
“คนไทยใช้ชีวิตอยู่กับกับน้ำมาตั้งแต่ในอดีต” แต่ถ้าถามคนไทยโดยทั่วไป มีความเข้าใจเกี่ยวกับน้ำขนาดไหน ทั้งๆ ที่เราบริโภคข่าวน้ำแล้งสลับกับน้ำท่วมมาเป็นเวลาหลายเดือน
เราลืมตั้งคำถามหรือไม่ อะไรคือต้นเหตุของปัญหาเหล่านั้น หรือเรามัวแต่โยนความผิดให้กับ“(ภัย)ธรรมชาติ”
อาชีพสถาปนิก...ในฐานะผู้สร้างและวางแผนสิ่งต่างๆที่อยู่แวดล้อมตัวเรา เป็นอีกกลุ่มคนกลุ่มหนึ่ง ที่ตระหนักถึงความสำคัญของการทำความเข้าใจ “น้ำ” โดยสมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ จัดงาน สถาปนิก’55 โดยชูคอนเซ็ปต์ “ก้อนน้ำ : WATER BRICK” ระหว่าง 24-29 เม.ย.55 ณ ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ อิมแพค เมืองทองธานี เพื่อตอบโจทย์ความสนใจของผู้คนในปัจจุบัน ซึ่งต้องการแนวทางสำหรับรับมือกับปัญหาภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต โดยเฉพาะเรื่องของวิกฤตการณ์น้ำ
นอกจากนี้ เพื่อเป็นการสร้างความเข้าใจถึงแก่นของน้ำที่ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของคนไทย กระตุ้นให้เกิดการตระหนักดำรงชีวิตอยู่ร่วมกับน้ำรวมถึงกรใช้ประโยชน์จากน้ำให้คุ้มค่าด้วย
ไฮไลท์อยู่ที่นิทรรศการอาษาพาวิลเลี่ยน ที่รวบรวมความคิดสร้างสรรค์ด้านการออกแบบ นวัตกรรมใหม่ๆ และงานวิชาการระดับนานาชาติ ที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม มานำเสนอข้อมูลเชิงลึกทางด้านสถาปัตยกรรม การออกแบบ และผังเมือง ผ่าน 7 หัวข้อนิทรรศการ
โซน...เรียนรู้จากเมื่อวาน : Learning from yesterday
พาย้อนประวัติศาสตร์การตั้งถิ่นฐานของคนไทยกับแหล่งน้ำธรรมชิต ตั้งแต่สมัยสุโขทัย อยุธยา จนถึงรัตนโกสินทร์ ซึ่งหากเปรียบเทียบวิธีการจัดการน้ำของทั้งสามเมืองแล้ว จะเห็นว่ามีความแตกต่างกันตามเงื่อนไข
กรณีเมืองสุโขทัย การเลือกที่ตั้งเมืองที่ห่างจากแม่น้ำและอยู่บนที่ลาดเชิงเขาก็เพื่อป้องกันภัยพิบัติจากน้ำท่วม
กรุงศรีอยุธยาและกรุงธนบุรี-บางกอกนั้น มีความคล้ายคลึงกันในการเลือกที่ตั้งที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยน้ำ เพื่อประโยชน์เรื่องการเกษตร คมนาคม และการป้องกันข้าศึกศัตรู
ทั้งนี้ แม้ว่าเมืองทั้งสามจะมีวิธีการที่ต่างกัน
แต่สิ่งที่เหมือนกันคือ ความเข้าใจในธรรมชิตอย่างลึกซึ้ง รวมทั้งความพยายามในการออกแบบปรับปรุงสภาพแวดล้อมกายภาพเพื่อที่จะอยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างสมดุล ควบคุมสิ่งที่ควบคุมได้ และยอมปรับตัวในสิ่งที่เกินจะควบคุม
โซน...น้ำกับเมือง : Architecture and Cities
แสดงแนวคิดที่แตกต่างในการจัดการกับน้ำของประเทศไทย ทั้งที่เคยเปิดเผยต่อสาธารณะและไม่เคย
ตั้งแต่การออกแบบเมือง ระบบถนน ระบบระบายน้ำ และระบบน้ำเพื่อการเกษตร ครอบคลุมแนวคิดทั้งจากนักวิชาการ หน่วยงานราชการ นักออกแบบ หรือ นักการเมือง เช่น โครงการอุโมงค์ยักษ์ของกทม. โครงการWater grid โครงการถมทะเลบริเวณอ่าวไทยเป็นต้น
โซน...อย่างนี้พี่เค้าก็อยู่กันได้ : Thailand’s settlement with water
ในยุคที่สถาปัตยกรรมของประเทศได้เปลี่ยนรูปแบบจากในอดีต บ้านเรือนและร้านค้าไม่ได้ออกแบบและสร้างขึ้นมาเพื่อให้ทนกับสถานการณ์น้ำท่วมสูงเป็นระยะเวลานาน แต่ก็ยังมีชุมชนบางชุมชนในเขตน้ำท่วมที่สามารถปรับตัวให้เข้ากับสถาทางกายภาพที่เปลี่ยนแปลงไปได้ โดยที่คนในชุมชนก็ยังสามารถอยู่อาศัยและค้าขายอยู่ได้โดยที่ไม่ต้องย้ายถิ่นฐาน
โซนนิทรรศการนี้ ได้เผยรูปแบบสถาปัตยกรรมและการตั้งถิ่นฐานแบบท้องถิ่นในประเทศไทยที่ต้องพึ่งพาน้ำ ซึ่งเป็นรูปแบบที่สถาปัตยกรรมในปัจจุบันและอนาคตสามารถใช้เรียนรู้เป็นแบบอย่างได้
เช่น ชุมชนเกาะปันหยี ตลาดสองฤดูที่ตำบลบางลี่ ชุมชนคลองดำเนินสะดวก เป็นต้น
โซน...ในหลวงกับน้ำ : Our King and water
มีโครงการในพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ที่เกี่ยวกับการจัดการน้ำทั้งขนาดเล็กและใหญ่ อาทิ เช่น โครงการป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง แนวคิดเชิงการผสมผสานด้านเกษตรวนศาสตร์ และเศรษฐกิจสังคม เพื่อการอนุรักษ์ดิน น้ำ และการฟื้นฟูทรัพยากรป่าไม้ควบคู่กับความต้องการด้านเศรษฐกิจด้วยการจำแนกป่า 3 อย่าง ได้แก่ ป่าไม้ใช้สอย ป่าไม้กินได้ ป่าไม้เศรษฐกิจ
ส่วนประโยชน์ 4 อย่าง จะจำแนกประโยชน์ตามป่าไม้ 3 อย่าง รวมกับประโยชน์ที่สำคัญอีกข้อคือ ประโยชน์ในการช่วยอนุรักษ์ดินและน้ำ การปลูกพืชที่หลากหลายอย่างเป็นระบบจะช่วยสร้างสมดุลให้ระบบนิเวศ ช่วยปกป้องผิวดินสร้างความชุ่มชื้น ดูดซับน้ำฝนได้
นอกจากนี้ ยังมีฝายชะลอน้ำกระจายความชุ่มชื้น, หญ้าแฝก ลดการพังทลายของดิน, เกษตรทฤษฎีใหม่ และฝนหลวง เป็นต้น
ทั้งนี้ หนึ่งในหลักการทรงงานที่สำคัญของพระองค์คือ “การศึกษาข้อมูลอย่างเป็นระบบ” ทำให้ทรงทราบว่าปัญหาเรื่องน้ำของ ประเทศไทยทั้ง 3 ประการ ได้แก่ น้ำแล้ง น้ำท่วม และน้ำเสีย ล้วนเป็นปัญหาที่มีความสอดคล้องสัมพันธ์กัน
โซน...ที่อื่นเค้าทำกันยังไง : Global case studies on Architecture with water
เรียนรู้ตัวอย่างโครงการด้านสถาปัตยกรรม ชลประทาน และการออกแบบผังเมืองต่างๆ ในโลกที่ให้ความสำคัญกับสถานการณ์ของน้ำที่เปลี่ยนแปลงไปในโลกปัจจุบัน เพื่อเป็นกรณีศึกษา เช่น เมือง Ijburg ในเนเธอร์แลนด์ เมือง Venice ในอิตาลี เมืองLondonในอังกฤษ
โดยเฉพาะ "เนเธอร์แลนด์" ประเทศที่มีการจัดการน้ำอย่างเคร่งครัดมากที่สุดในโลก เพราะด้วยลักษณะภูมิประเทศที่เกิดน้ำท่วมอย่างรุนแรงนับครั้งไม่ถ้วน ทำให้ชาวดัทช์ได้เรียนรู้ที่จะสร้างบ้านเมืองบนเนินเขาขนาดเล็กๆ ก่อนจะค่อยๆ พัฒนาเป็นการสร้างคันดิน เขื่อน ประตูกั้นน้ำ และการใช้กังหันลมวิดน้ำออกจากบริเวณที่ท่วมขัง
จนกระทั่งกลายมาเป็นสัญลักษณ์ของประเทศในที่สุด...
โซน...อยู่อย่างนี้ก็ได้ : Water cities
สะท้อนศักยภาพของสถาปัตยกรรมในการสร้างสรรค์ความเป็นอยู่ด้วยวิถีใหม่ ซึ่งสร้างความแตกต่างจากที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ด้วยความร่วมมือของสถานิกไทยรุ่นใหม่6กลุ่มเสนอแนวคิดของการตั้งถิ่นฐานแบบใหม่บนเมืองที่น้ำท่วม/แล้งซ้ำซาก ได้แก่ น่าน นครสวรรค์ อยุธยา กรุงเทพมหานคร หาดใหญ่ นครราชสีมา
และโซน... น้ำกับวันพรุ่งนี้ : Visionary water architecture
ไอเดียสุดเจ๋ง ที่ช่วยสร้างจินตนาการ และส่งเสริมการหาทางออกสำหรับการอยู่อาศัยกับสถานการณ์น้ำที่เปลี่ยนแปลงฉับพลันในปัจจุบัน ซึ่งได้มีการประกวดแนวคิดทางด้าน สถาปัตยกรรมในอนาคต ที่เน้นความสำคัญเรื่องน้ำ
นอกจากนี้ยังมีนิทรรศการวิชาชีพอีกหลากหลาย กิจกรรมจากสมาคมมัณฑนากรแห่งประเทศไทย และโซนสถาปนิกอาสา ที่ยินดีให้คำปรึกษาและตอบปัญหาสารพันในการออกแบบ การก่อสร้าง การป้องกัน และเตรียมรับปัญหาน้ำท่วม
แถมท้ายแจกแปลนบ้าน “ไม่หนีน้ำ” ให้ฟรี ๆ สามารถสร้างได้จริง สำหรับบ้านที่มีพื้นที่ใช้สอยไม่เกิน 150 ตารางเมตร
บ้านไม่หนีน้ำ