- Home
- Thaireform
- ในกระแส
- 6 ข้อเสนอเร่งด่วนปฏิรูปประเทศจากองค์กรชุมชน
6 ข้อเสนอเร่งด่วนปฏิรูปประเทศจากองค์กรชุมชน
เครือข่ายองค์กรชุมชนเพื่อการปฏิรูป มอบ 6 ข้อเสนอเร่งด่วนภาคปชช. ยื่นหมอประเวศ พร้อมกำหนด 5 แนวทางปฏิรูปประเทศไทยของภาคชุมชนท้องถิ่น "ปฏิรูปจังหวัด-เลือกตั้งผู้ว่าฯ"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (15 ก.ย.) สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (พอช.)จัดสัมมนา “ชุมชนท้องถิ่นจัดการตนเองสู่การปฏิรูปประเทศไทย” เป็นวันที่ 2 ณ โรงแรมรามากาเด้นท์ ถ.วิภาวดีรังสิต กรุงเทพฯ โดยมีศ.นพ.ประเวศ วะสี ประธานคณะกรรมการสมัชชาปฏิรูป (คสป.) เดินทางมารับข้อเสนอจากภาคประชาชนต่อแนวทางการปฏิรูปประเทศไทย พร้อมกันนี้นายบัณฑร อ่อนดำ และนางสาวสมสุข บุญญะบัญชา กรรมการปฏิรูป (คปร.)ได้มาร่วมรับฟังข้อเสนอของภาคประชาชนด้วย
ศ.นพ.ประเวศ กล่าวว่า การปฏิรูปครั้งนี้ประชาชนต้องเป็นผู้ปฏิรูป คณะกรรมการปฏิรูปทั้งสองชุดเป็นเพียงผู้สนับสนุนให้ประชาชนปฏิรูปเท่านั้น การปฏิรูปหากเป็นเรื่องที่ดีประชาชนก็สามารถลงมือได้ทันที โดยภาคประชาชนควรร่วมกันใช้ความรู้ เรียนรู้และปฏิบัติการร่วมกัน สร้างความร่วมมือกันระหว่างองค์กรชุมชน สำรวจข้อมูลชุมชนร่วมทำแผนชุมชนให้สภาชุมชนและคนในพื้นที่ได้ร่วมพิจารณาและผลักขับเคลื่อนการพัฒนา จนเกิดเป็นภาคีที่มีความเข้มแข็งเป็นชุมชนาภิวัตน์ เช่น สร้างความร่วมมือชุมชน อปท. มหาวิทยาลัย ฯลฯ
ด้านนายแก้ว สังข์ชู กรรมการเครือข่ายองค์กรชุมชนเพื่อการปฏิรูป คสป.ซึ่งมีนายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรมเป็นประธาน กล่าวถึงการปฏิรูป ในส่วนของชุมชนต้องเริ่มจากที่ตนเองก่อน โดยให้ใช้ความรู้ ความสามารถในชุมชนมาสร้างปัญญาร่วมกันในการเปลี่ยนแปลงพัฒนา อย่านำความรู้สึกมาใช้ และเมื่อคิดเป็นแนวทางพัฒนาออกมาได้แล้วก็ต้องลงมือกระทำเลยอย่ารีรอ พร้อมทั้งสร้างการขับเคลื่อนในทุกระดับของชุมชน พื้นที่ จังหวัดทั่วประเทศพร้อมๆ กันเพื่อสร้างแรงเหวี่ยงทางสังคมในการปฏิรูปประเทศ
ขณะที่นายสน รูปสูง กรรมการเครือข่ายองค์กรชุมชนเพื่อการปฏิรูป คสป. กล่าวว่า การปฏิรูปประเทศต้องทำจากปฏิรูปข้างล่างจากฐานชุมชนท้องถิ่นขึ้นสู่ข้างบนโดยต้องผ่านกระบวนการโดยสันติวิธี ใช้พลังสังคมและพลังปัญญาในการเปลี่ยนครั้งนี้ เชื่อว่าการปฏิรูปจะเกิดขึ้นได้โดยตัวประชาชนเท่านั้น ดังนั้นจะต้องมีการสร้างพลังประชาชนที่เข้มแข็งแต่ละจังหวัดด้วยในการปฏิรูปและอาจต้องนำร่องตัวอย่างจังหวัดที่จัดการตนเองได้ในการปฏิรูปด้วย
สำหรับข้อเสนอภาคประชาชนต่อคณะกรรมการปฏิรูปใน 6 ประเด็นเร่งด่วน คือ 1.การแก้ปัญหาที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัย ให้รัฐยุติการจับกุมดำเนินคดีไล่รื้อชาวบ้านกรณีพื้นที่ที่อยู่ระหว่างการแก้ปัญหา และออกประกาศกระทรวงมหาดไทยให้อปท.ที่มีความพร้อมสามารถดำเนินการจัดการที่ดินและที่อยู่อาศัยร่วมกับชุมชนเองได้ตามที่คณะกรรมการกระจายอำนาจมีมติไปแล้ว รวมทั้งให้นำที่ดินและที่อยู่อาศัยที่ชาวบ้านเคยทำกินมาก่อนการประกาศเป็นที่ดินรัฐ รวมทั้งที่รัฐที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ ที่ดินหมดสัมปทานมาให้ชุมชนจัดการตามรูปแบบโฉนดชุมชน ดำเนินการจัดตั้งสถาบันกองทุนธนาคารที่ดินและออกมาตรการภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเพื่อเป็นแหล่งเงินกองทุนฯ และยุติการประกาศเขตที่ดินรัฐ เขตอนุรักษ์โดยไม่กั้นพื้นที่ชุมชนอยู่อาศัยก่อน
2.การยุติโครงการพัฒนาของรัฐหรือการอนุญาตโครงการลงทุนขนาดของเอกชนที่ส่งผลกระทบต่อวิถีชุมชน เช่น โครงการพัฒนาพื้นที่ภาคใต้ โครงการท่าเรือปากบารา จ.สตูล, โครงการเหมืองแร่, โรงถลุงเหล็ก, โรงไฟฟ้านิวเคลียร์, ปัญหานิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ฯลฯ ให้ประกาศยุติโครงการที่มีข้อมูลว่า ส่งผลกระทบต่อชุมชน พร้อมทั้งให้เปิดเผยข้อมูลโครงการต่างๆ และแผนพัฒนาที่จะลงพื้นที่อย่างรอบด้าน และรับฟังความเห็นชุมชนในพื้นที่ก่อนการพิจารณาอนุญาต โดยให้มีนักวิชาการที่ได้รับการยอมรับทั้งจากชุมชนและรัฐเป็นผู้ศึกษาข้อมูลผลกระทบ
3.ปัญหาหนี้สินเกษตรกรและหนี้นอกระบบ ให้ชลอการฟ้องร้องดำเนินคดีการยึดที่ดินที่เป็นหลักประกันเงินกู้ และปรับโครงสร้างหนี้ พร้อมให้รัฐสนับสนุนหรือเปิดระเบียบให้เกิดการบูรณาการกองทุนจากหน่วยงานต่างๆ ของรัฐให้เอื้อต่อการจัดการของชุมชนให้สามารถใช้เป็นแหล่งแก้ปัญหาหนี้สินของชุมชนได้
4.ปัญหาด้านการเมืองและความขัดแย้งจากการใช้อำนาจรัฐ ให้รัฐใช้นโยบายสมานฉันท์ระหว่างบุคคลและกลุ่มคนที่มีความคิดแตกต่างกันทางการเมือง ให้ยุติการไล่ล่าจับกุมผู้มีความคิดต่าง ไม่ใช้นโยบายทหารนำการเมืองในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้เปิดให้พื้นที่จัดการปัญหาเองมากขึ้น และให้รัฐแก้ปัญหาผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่น
5.แก้ปัญหาด้านสังคม ยาเสพติด เยาวชน และความปลอดภัย และ 6.ปัญหาการกระจายอำนาจสู่ชุมชนท้องถิ่น และระบบการจัดสรรงบประมาณ เสนอให้รัฐกระจายภารกิจ งบประมาณ บุคลากรสู่พื้นที่ให้ชุมชนท้องถิ่นสามารถจัดการงานพัฒนาต่างๆ ด้วยตนเองได้มากขึ้น และให้เปิดให้ชุมชนเป็นผู้จัดทำโครงการและใช้งบประมาณภายใต้แผนยุทธศาสตร์จังหวัด และติดตามตรวจสอบการทำงานและการใช้งบประมาณตามยุทธศาสตร์จังหวัด
ส่วนแนวทางการปฏิรูปประเทศไทยของภาคชุมชนท้องถิ่นนั้นได้กำหนด 5 แนวทางหลัก คือ 1.ผนึกพลังการทำงานร่วมกันทุกระดับทั้งชุมชน ท้องถิ่น ท้องที่ โดยให้สภาองค์กรชุมชนมีบทบาทจัดเวทีสาธารณะนำเสนอปัญหาและแผนพัฒนาชุมชนท้องถิ่นโดยให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินงานและสนับสนุน 2.จัดเวทีสมัชชาปฏิรูประดับจังหวัด ประกอบด้วยองค์กรชุมชน สภาองค์กรชุมชน ภาคประชาสังคม ท้องถิ่น ท้องที่ ภาคธุรกิจ ราชการ ภาควิชาการ จัดทำข้อเสนอเชิงนโยบายสาธารณะหรือประเด็นปัญหาเร่งด่วนที่ต้องแก้ไข 3.สร้างการกระจายอำนาจและงบประมาณจากส่วนกลางลงสู่ท้องถิ่นโดยชุมชนท้องถิ่นมีอำนาจในการบริหารจัดการตนเองและเป็นประโยชน์ต่อชุมชนสูงสุด 4.ปฏิรูประบบจังหวัด วิเคราะห์ความพร้อมของจังหวัด เช่น การเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด การมีส่วนร่วมในการประเมินและตรวจสอบการทำงานของหน่วยงานของรัฐ และ 5.ขยายรูปธรรมการจัดการตนเองในด้านต่างๆ ร่วมกันของชุมชนท้องถิ่นให้ขยายสู่พื้นที่อื่น
ทั้งนี้ แผนการขับเคลื่อนขบวนการปฏิรูปประเทศของภาคเครือข่ายองค์กรชุมชน ได้มีมติกำหนดแผนระยะสั้น (3-4 เดือน) ดังนี้ 1.คณะทำงานขับเคลื่อนการปฏิรูปเบื้องต้นในระดับจังหวัดต้องดำเนินการประสานเครือข่ายองค์กรชุมชน ท้องถิ่น ท้องที่ ภาคประชาสังคม เข้าร่วมในกระบวนการขับเคลื่อนการปฏิรูปในระดับจังหวัด 2.จัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ สัมมนา สร้างความเข้าใจเป้าหมายการปฏิรูปประเทศไทย สิทธิชุมชนในการจัดการตนเอง รูปธรรมปัญหาความเดือดร้อนในขระดับชุมชน หมู่บ้าน ตำบล และจังหวัด 3.ศึกษาและจัดทำข้อมูลปัญหาความเดือดร้อนเร่งด่วนของชุมชนท้องถิ่นเชิงรูปธรรม และเสนอประเด็นสำคัญที่ส่งผลกระทต่อคนในพื้นที่เป็นประเด็นในการปฏิรูป 4.จัดกลไกความสัมพันธ์และบทบาทการทำงานร่วมกันทุกระดับตั้งแต่จังหวัด อำเภอ ตำบล ให้มีหลักคิดและแนวทางขับเคลื่อนในทิศทางเดียวกัน และ 5.สร้างปฏิบัติการปฏิรูปการจัดการตนเองในชุมชนท้องถิ่นตามประเด็นสำคัญและผลึกกำลังร่วมของชุมชนในพื้นที่