- Home
- Thaireform
- ในกระแส
- ศธ.สั่งรวมพลเยาวชน แสดงพลังรักชาติ รักประชาธิปไตย
ศธ.สั่งรวมพลเยาวชน แสดงพลังรักชาติ รักประชาธิปไตย
ถือฤกษ์ดีวันพฤหัสบดีที่ 9 เดือน 9 เวลา 9 นาฬิกา เปิดโอกาสให้เยาวชนแกนนำจากกทม. ปริมณฑล และต่างจังหวัดกว่า 2 หมื่นคน ร่วมงาน รมว.ศธ. แจงมติครม.วันนี้ เห็นชอบมาตรการล้อมคอกนักเรียนตีกัน
วันนี้ (7 ก.ย.) ณ ห้องประชุม ชั้น 2 กระทรวงศึกษาธิการ นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) แถลงข่าว การจัดงาน “ชุมนุมเยาวชนคนรักชาติ รักประชาธิปไตย” ว่า การจัดงานชุมนุมเยาวชนคนรักประชาธิปไตย จะจัดขึ้นที่สนามศุภชลาศัย สนามกีฬาแห่งชาติ กรุงเทพมหานคร วันพฤหัสบดี ที่ 9 ก.ย. 53 ซึ่งถือเป็นโอกาสสำคัญ และถือเป็นวันมงคล เนื่องจากตรงกับวันพฤหัสบดีที่ 9 เดือน 9 เริ่มตั้งแต่เวลา 9 นาฬิกา เพื่อเปิดโอกาสให้เยาวชนแกนนำจากกรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และต่างจังหวัดกว่า 2 หมื่นคน รวมทั้งเจ้าหน้าที่ ครู อาจารย์มาร่วมแสดงพลัง ภายใต้กรอบต่างๆที่มีเนื้อหาในการบูรณาการในกิจกรรมของลูกเสือ ให้ส่งเสริมการรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ส่งเสริมประชาธิปไตย จิตอาสา ช่วยเหลือผู้อื่น และให้เยาวชน แสดงออกในทางสร้างสรรค์ ซึ่งเป็นความต้องการของสังคมขณะนี้
“โครงการนี้เป็นหนึ่งในนโยบายของ ศธ. ที่มุ่งเน้นชัดเจนในการปฏิรูปการศึกษาทศวรรษที่ 2 ที่มีเป้าหมายจะฝึกนักเรียนและนักศึกษา ให้เป็นพลเมืองยุคใหม่ ที่เก่ง ดี มีสุข ฉะนั้นกิจกรรมนี้ จึงตอบสนองนโยบาย 4 ด้าน คือ 1.การสร้างการศึกษาเพื่อความเป็นพลเมือง ถือเป็นการเริ่มต้นในการบูรณาการกิจกรรมลูกเสือ การบำเพ็ญประโยชน์ จิตอาสา ศาสนา การเรียนการสอน มาดำเนินการที่จะสร้างเยาวชนให้เป็นพลเมืองดี 2.ตอบสนองต่อแผนปรองดองแห่งชาติ ที่ ศธ.เป็นกระทรวงแรกที่ได้มีการประกาศเดินหน้าแผนปรองดองเพื่อสร้างสังคมสันติสุข และแน่นอนที่สุด กระบวนการสร้างความปรองดองนั้น มีจุดเน้นให้นักเรียน นักศึกษา และครูอาจารย์เป็นฐานสำคัญในการขยายผลให้คนไทยอยู่ด้วยกันด้วยความร่วมรักสามัคคี และเห็นประโยชน์ซึ่งกันและกัน 3.เพื่อการแสดงออกในการแสดงออกซึ่งความจงรักภักดี ให้เยาวชนภาคภูมิใจ ในสังคมที่มีสถาบันกษัตริย์เป็นประมุข และสุดท้าย 4. เป็นกิจกรรมดำเนินการเพื่อสนองความสามัคคีกลมเกลียว เน้นกิจกรรมที่ให้เยาวชนได้มีโอกาสแสดงออกโดยผ่านการใช้กิจกรรมของลูกเสือ”
ทั้งนี้ กิจกรรมของงานจะมีการจัดประกวดรณรงค์ให้เด็กสื่อถึงแนวคิดประชาธิปไตย คุณธรรม จริยธรรม ความเป็นไทย การต่อต้านยาเสพติด แนวทางเศรษฐกิจพอเพียง แนวคิดสร้างสรรค์ของเยาวชนในการสร้างเอกลักษณ์ของชาติ โดยการเน้นความสามัคคี , กิจกรรมส่งเสริมเรื่องราวของชาติไทย ,การประกวดดนตรีลูกทุ่ง เยาวชน , การแปรอักษร , การสวนสนาม, การกระโดดร่มเพื่อนำธงชาติขึ้นสู่ยอดเสาและเชิญธงชาติร่วมกัน เพื่อประกาศจุดยืนของประชาชนยุคใหม่ที่มีคุณภาพร่วมกัน พร้อมส่งต่อแนวคิดผ่านแนวทางเยาวชน สู่โรงเรียน ชุมชน ครอบครัวและสังคม ที่เป็นพลังของคนรุ่นใหม่ โดยการจัดงานในครั้งนี้จะมีการถ่ายทอดสดผ่านสถานีโทรทัศน์ NBT ตั้งแต่เวลา 16.00-17.00 น.
จากนั้น รมว.ศธ. กล่าวถึง มติครม.วันนี้ เห็นชอบว่า ควรที่จะมีมาตรการป้องกันแก้ไขนักเรียนตีกัน โดยให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องถือปฏิบัติการอย่างเคร่งครัดและให้มีคณะกรรมการมาร่วมกันเพื่อแก้ไขปัญหาการทะเลาะวิวาทของนักเรียน โดยการบูรณาการทำงานร่วมกันของหน่วยงานภาครัฐ เอกชนที่เกี่ยวข้อง โดยมีกระทรวงศึกษาธิการ เป็นแกนหลัก ทำแผนปฏิบัติการ เพื่อให้ขับเคลื่อนไปในทิศทางเดียวกัน
“สำหรับมาตรการ และยุทธศาสตร์การป้องกันนักเรียนตีกัน มี 2 ประเด็นหลักที่สำคัญ คือ 1.มาตรการเชิงรุก คือ เสนอให้สถานศึกษาทำข้อมูลประวัตินักเรียน ประวัติผู้ปกครอง เก็บไว้ที่โรงเรียน สถานีตำรวจในท้องที่ และศูนย์เสมารักษ์ กระทรวงศึกษาธิการ เพื่อสุ่มตรวจ การออกหมายเรียกมาเพื่อเป็นการป้องกัน เฝ้าระวังการทะเลาะวิวาท 2.เฝ้าระวังจุดใหญ่ หรือพื้นที่เสี่ยงและกลุ่มนักเรียนที่เสียง โดยตั้งคณะกรรมการ 4 ชุด มีผู้ตรวจการ ศธ.เป็นหัวหน้าคณะแต่ละชุด มีเจ้าหน้าที่ สารวัตรนักเรียน ฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมกันดำเนินการตรวจจุดเสี่ยง นักเรียนกลุ่มเสี่ยง หากพบ จะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด”
ส่วนมาตรการสำหรับโรงเรียน ผู้บริหารสถานศึกษา ครู อาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษาที่ต้องกำกับดูแลความประพฤติของนักเรียน นายชินวรณ์ กล่าวว่า สถานศึกษาต้องดำเนินการตามมาตรการ หากเกิดกรณีทะเลาะวิวาทกัน จะดำเนินการปิดสถานศึกษาชั่วคราว และหากซ้ำซ้อนจะปิดสถานศึกษาเป็นการถาวร ในระยะสั้น อาจจะต้องมีการจัดตั้งภาคีเครือข่ายระดับนักเรียน เพื่อนช่วยเพื่อน สภานักเรียน เยาวชน ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ทำกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ และภาคีผู้ปกครอง มีส่วนร่วมรับผิดชอบในพฤติกรรมของนักเรียน โดยเฉพาะนอกเวลาเรียน และมาตรการระยะยาว จะจัดการดูแลนักเรียนรายบุคคลอีกด้วย
“ครม.ยังรับข้อเสนอของ ศธ.ในการส่งเสริมหน่วยงานของรัฐ และทุกภาคส่วนได้ตระหนักถึงปัญหาการทะเลาะวิวาทของนักเรียนโดยตรง ให้นักเรียนได้ช่วยกัน สร้างแบบอย่างที่ดี ให้สื่อมวลชนส่งเสริมข่าวสารนักเรียนที่ทำความดี ลดการนำเสนอข่าวยั่วยุ และด้านกฎหมายมอบให้หน่วยงานต่างๆ ส่วนข้อเสนอในการจัดส่งนักเรียนที่ทะเลาะวิวาทลง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ยังคงเป็นเพียงข้อเสนอหนึ่งของ ศธ.เท่านั้น ยังไม่ได้มีการเห็นชอบชัดเจนของ มติครม.แต่อย่างไร”