- Home
- Thaireform
- ในกระแส
- ทุ่มงบฯ 80 ล. พัฒนาอาจารย์-นศ. จุฬาฯ ก้าวไกลระดับโลก
ทุ่มงบฯ 80 ล. พัฒนาอาจารย์-นศ. จุฬาฯ ก้าวไกลระดับโลก
เชฟรอนมุ่งลดปัญหาการขาดแคลนบุคลากรด้านวิศวกรรมปิโตรเลียม ทุ่มงบกว่า 80 ล้านบาท พัฒนาอาจารย์-นักศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก้าวไกลระดับโลก
เมื่อเร็วๆนี้ บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมลงนามในข้อตกลงความเข้าใจ ในการจัดตั้งโครงการความร่วมมือเพื่อสนับสนุนการศึกษาในสาขาวิศวกรรมปิโตรเลียม ซึ่งในการดำเนินโครงการครั้งนี้ เชฟรอนได้สนับสนุนด้านงบประมาณในวงเงิน 82.5 ล้านบาท ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2553-พฤษภาคม 2557 รวมระยะเวลา 4 ปี
นายไพโรจน์ กวียานันท์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด อดีตบัณฑิตวิศวกรรมศาสตร์บัณฑิต สาขาวิศกรรมปิโตรเลียมรุ่นแรก จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ขณะนี้ในท้องตลาดมีความต้องการบุคลากรด้านธรณีวิทยาและวิศวกรรมปิโตรเลียมเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากอุตสาหกรรมในประเทศไทยมีความเติบโตเพิ่มขึ้นทุกปี ด้วยเหตุนี้ เราจำเป็นต้องพัฒนาแหล่งพลังงานใหม่ๆ ซึ่งต้องใช้บุคลากรด้านดังกล่าวเป็นจำนวนมาก
“เรามีความกังวลว่า ปัจจุบันคณาจารย์ในมหาวิทยาลัยมีจำนวนไม่เพียงพอ ทั้งตอนนี้ยังเริ่มเกษียณอายุลง การสร้างนิสิตเพียงอย่างเดียวก็คงไม่ได้ช่วย เราจึงต้องมองให้ครบทั้งวงจรว่าพัฒนานิสิตอย่างเดียวไม่ได้ ต้องพัฒนาทั้งอาจารย์และอุปกรณ์การเรียนการสอน ซึ่งห้องปฏิบัติการต่างๆ ก็เก่าไปตามกาลเวลา และเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เข้ามาก็มีการเปลี่ยนแปลง ถ้าจะให้การเรียนการสอนมีประสิทธิภาพมากขึ้น จำเป็นต้องพัฒนาห้องแลปต่างๆ ด้วย และถ้าอาจารย์มีความแข็งแรงเพียงพอก็จะช่วยให้ อาจารย์ไม่ต้องสอนเพียงอย่างเดียว แต่จะมีเวลามากพอไปทำวิจัยพัฒนาองค์ความรู้ของตัวเองและของประเทศด้วย”
ด้านศาสตราจารย์ นายแพทย์ภิรมย์ กมลรัตนกุล อธิการบดี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า เชพรอนได้ให้การพัฒนาทั้งนิสิตและอาจารย์ควบคู่กัน โดยในด้านอาจารย์นั้นเราพบว่าปัจจุบันมีอาจารย์ในด้านสาขาวิชานี้น้อยมาก มีเพียง 5 ท่าน เท่านั้น จำนวนอาจารย์มีน้อย เพราะคนที่มาเป็นอาจารย์ต้องมีการเสียสละมาก เพราะการเลือกทำงานภาคราชการและภาคบริษัทเอกชน เงินเดือนมีความแตกต่างกันมาก ประมาณ 10 เท่าขึ้นไป ดังนั้น แทนที่จะทำอะไรอย่างอื่นจึงต้องเริ่มพัฒนาอาจารย์ก่อน
" การคัดเลือก เราคัดจากนิสิตที่มีความประสงค์ที่เป็นอาจารย์ ซึ่งอาจจะไม่ใช่คนที่เก่งที่สุด แต่ต้องรักความเป็นอาจารย์และต้องการเสียสละเพื่อสังคม ส่งไปศึกษาต่างประเทศ ระหว่างนี้เราเอาอาจารย์ต่างประเทศมาสอนเสริมในบางจุด เพื่อให้อาจารย์ได้มีโอกาสทำวิจัยใหม่ๆ ด้วย ช่วยในการผลิตบุคลากรในด้านนี้ออกมาตามปริมาณความต้องการของสังคม และช่วยลดการนำเข้าบุคลากรจากต่างประเทศ ช่วยลดการรั่วไหลเงินตราไปต่างประเทศได้เป็นจำนวนมาก"
อธิการบดี จุฬาฯ กล่าวอีกว่า ถ้ามองในอนาคตแล้วนี่คือตัวอย่างที่ดีให้ภาคเอกชนอื่นๆ ถ้ามาร่วมมือกับมหาวิทยาลัยจะยิ่งช่วยเสริมศักยภาพการพัฒนาบุคลากรไปด้วยกัน แทนที่จะต่างคนต่างเดิน มหาวิทยาลัยเองมีหน้าที่ผลิตบุคลากรในการทำงานตามบริษัทห้างร้านต่างๆ อยู่แล้ว เป็นการตอบโจทย์ร่วมกันดีกว่าต่างคนต่างเดิน นำไปสู่การพัฒนาด้านวิศวกรรมปิโตรเลียมอย่างยั่งยืนในอนาคต
ด้านอาจารย์ธนพงศ์ บุญแต่ง อาจารย์ประจำสาขาวิชาวิศวกรรมปิโตรเลียม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงการส่งเสริมให้เกิดการวิจัยนั้น โครงการนี้ จะสามารถช่วยพัฒนาวงการปิโตรเลียมในประเทศไทยได้มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องงานวิจัยของอาจารย์ ที่ในอดีตต้องต่างคนต่างทำ แต่นี่เรามีเป็นรูปเป็นร่างจากบริษัท อาจจะมีงานวิจัยที่เสนอมามากขึ้น เป็นการกระตุ้นให้อาจารย์แต่ละคนมีส่วนร่วมทางอุตสาหกรรม โดยเฉพาะการส่งเสริมคนที่อยากทำงานด้านการศึกษาหรือด้านการวิจัย วิชาการ มีอาชีพตรงนี้เพิ่มขึ้น เนื่องจากประเทศไทยมีนักวิจัยทางด้านปิโตรเลียมจริงๆ น้อยมาก ซึ่งถ้าทำเต็มรูปแบบครบวงจรก็สามารถช่วยผลักดันพัฒนาประเทศได้
ส่วนดร. ทรงภพ พลจันทร์ รองอธิบดีกรมเชื้อเพลิง ซึ่งได้เข้าร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามข้อตกลงความเข้าใจ ในการจัดตั้งโครงการความร่วมมือเพื่อสนับสนุนการศึกษาในสาขาวิศวกรรมปิโตรเลียม กล่าวว่า ปัจจุบันการลงทุนเกี่ยวกับปิโตรเลียมสูงมาก ในอนาคตรัฐบาลต้องการลดการนำเข้าเชื้อเพลิงจากต่างประเทศ จึงต้องเร่งรัดดำเนินการเรื่องนี้ โดยสิ่งที่ขาดแคลนมากที่สุดคือบุคลากร และอาจารย์มีน้อยมาก ขณะนี้ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นสถาบันหลักที่ผลิตบุคคลการเพื่อรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมปิโตรเลียม
“ผมมีความรู้สึกว่าคนที่เป็นอาจารย์จะต้องทุ่มเทเสียสละเป็นอย่างสูง หากไม่ดำเนินโครงการเพื่อสนับสนุนการศึกษาในสาขาวิศวกรรมปิโตรเลียมอย่างต่อเนื่อง ในอนาคตอาจต้องนำเข้านักวิชาการจากต่างประเทศ เมื่อทั้ง 2 หน่วยงานได้ร่วมมือกันก็จะช่วยให้เกิดการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน”
สำหรับโครงการความร่วมมือดังกล่าว ประกอบไปด้วยการสนับสนุนการพัฒนาบุคลากร การให้ทุนอาจารย์ในการศึกษาระดับปริญญาเอกในต่างประเทศ และการให้ทุนนิสิตปริญญาตรีที่สนใจเป็นอาจารย์ในอนาคตในเรียนต่อระดับปริญญา โทและเอก เพื่อรองรับการขาดแคลนบุคลากรในภาควิชาระยะยาว นอกจากนี้ ยังสนับสนุนงานวิจัยให้คณาจารย์ในภาควิชา การจัดหาบุคลากรผู้สอนจากต่างประเทศ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งในแง่วิชาการ รวมไปถึงการพัฒนาห้องปฏิบัติการและเทคโนโลยีทางการศึกษาต่างๆ ด้วย
เชฟรอนเริ่มให้ทุนการศึกษาตั้งแต่ปี 2546 ในสาขาปิโตรเลียมและธรณีวิทยา ปีละ 50 ทุน แก่นักศึกษาปีที่ 3 ในมหาวิทยาลัย 6 แห่งทั่วประเทศ โดยนิสิตที่จบไปจะได้งานเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ อาทิ ปตท.สผ.หรือเชฟรอน หรือบริษัทที่ให้การบริการในเรื่องการสนับสนุนการขุดเจาะหลายบริษัททั้งไทย และต่างประเทศ