- Home
- Thaireform
- ในกระแส
- “อภิสิทธิ์” โทษโครงสร้างศก. ไม่เป็นธรรม ต้นเหตุความขัดแย้งบานปลาย
“อภิสิทธิ์” โทษโครงสร้างศก. ไม่เป็นธรรม ต้นเหตุความขัดแย้งบานปลาย
ยันการแก้ปัญหาคุณภาพสังคม-ประชาธิปไตย มองการเมืองอย่างเดียวไม่ได้ นายกฯ ย้ำชัด อีก 2 สัปดาห์เล็งแก้ปัญหาเศรษฐกิจนอกระบบ ให้พ่อค้าแม่ค้า วินมอเตอร์ไซด์ ฯลฯ เข้าถึงแหล่งเงินทุน อยู่ในสภาวะแวดล้อมที่ดี มีหลักประกันให้ ทั้งในแง่ความเป็นอยู่ ไม่ถูกรังแก
วันที่ 5 พฤศจิกายน สถาบันพระปกเกล้า จัดการประชุมวิชาการสถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 12 ประจำปี 2553 เรื่อง “คุณภาพสังคมกับคุณภาพประชาธิปไตยไทย” (Social Quality and Quality of Thai Democracy) ระหว่างวันที่ 4 - 6 พฤศจิกายน 2553 ณ ศูนย์ประชุมสหประชาชาติ โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ปาฐกถา เรื่อง "คุณภาพสังคมกับคุณภาพประชาธิปไตยไทย”
นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงประเทศมีการพัฒนาประเทศในหลายๆ ด้าน แต่คุณภาพการเมืองตามระบอบประชาธิปไตยยังเป็นปัญหาที่มีความท้าทาย ซึ่ง 18 ปีที่เข้าสู่เส้นทางการเมืองปี 2535 โดยเป็นการเลือกตั้งหลังมีรัฐประหาร 2534 นั้น ในฐานะนักการเมืองฝันอยากเห็นรัฐประหารครั้งนั้น เป็นครั้งสุดท้ายในประเทศไทย
“ผมไม่เห็นด้วยวิธีรัฐประหารในการแก้ไขปัญหา แต่เมื่อผ่านไปแล้วทำอย่างไรให้ประชาธิปไตยเข้าสู่ปกติ ซึ่งก็มั่นใจว่าประชาชนทุกฝ่ายเสียใจไม่อยากให้เกิดขึ้น จึงมารวมพลังขับเคลื่อนสังคม” นายอภิสิทธิ์ กล่าว และว่า คุณภาพของระบบการเมืองและระบอบประชาธิปไตยไม่สามารถแยกออกจากคุณภาพสังคม การศึกษาได้ ข้อสรุปถึงวันนี้จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะพัฒนาเศรษฐกิจด้านเดียว การเมืองด้านเดียว แล้วคาดว่าสิ่งดีๆ จะเกิดขึ้น ดังนั้น การพัฒนาสังคม คุณภาพประชาธิปไตย ต้องมองแบบองค์รวม และอย่าคาดหวัง แยกการพัฒนา จะให้คำตอบอย่างยั่งยืนได้
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คนไทยเราเคยคาดหวังมีรัฐธรรมนูญที่ดี มีกติกาที่ดี สุดท้ายทุกสิ่งจะพัฒนาไปได้ แต่เราก็พบบทเรียนอย่างเจ็บปวดแล้ว ว่า เราไม่สามารถทำตามเจตนารมณ์อย่างเลิศหรูได้ หากการบังคับใช้กฎหมายยังไม่บังเกิด ซึ่งหัวใจการพัฒนาประชาธิปไตย เพื่อนำมาสู่สังคมการเมืองที่ดี คือการสร้างวัฒนธรรมการเป็นพลเมืองของความเป็นประชาธิปไตยให้เกิดขึ้นให้ได้ รวมทั้งต้องเดินหน้าพัฒนาในหลายด้าน โดยเฉพาะรัฐธรรมนูญ ก็ยังมีปัญหาทั้งเนื้อหาสาระ ความแคลงใจเรื่องที่ไปที่มาก็ต้องปรับปรุง ตามจังหวะเวลาที่เหมาะสม และเชื่อว่า หลังจากเลือกตั้ง ประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ยังคงอยู่
“ความขัดแย้งทางการเมือง 2 ปีที่ผ่านมานั้น ประเด็นที่ถูกหยิบขึ้นมา และจะไม่มีมากเท่านี้หากโครงสร้างทางเศรษฐกิจมีความเป็นธรรม การแก้ปัญหาคุณภาพสังคม ประชาธิปไตย จึงมองการเมืองอย่างเดียวไม่ได้ ต้องมองให้ลึกกว่านั้น ซึ่งหัวใจประการหนึ่งของงานปฏิรูป คือการสร้างความสมานฉันท์ ปรองดอง ลดความเหลื่อมล้ำ ความไม่เป็นธรรม และปรับโครงสร้างการจัดสรรทรัพยากร”
สำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจให้สอดคล้องกับสังคมและการเมืองนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า หากประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศยังขาดความมั่นคงในการดำรงชีวิต มีโอกาสสูงที่จะพึ่งพาระบบอุปถัมภ์ และจะไปบั่นทอนคุณภาพประชาธิปไตย ทั้งนี้ มีการพูดถึงการซื้อสิทธิ์ขายเสียงว่า บั่นทอนกระบวนการประชาธิปไตย แต่เรามักมองข้ามกลไกการซื้อเสียงที่แท้จริง โดยนึกเอาง่ายๆ แค่เอาเงินไปแจก ความจริงไม่ใช่ การซื้อสิทธิ์ขายเสียงกลายเป็นระบบที่ฝังตัวกับระบบการสังเคราะห์ ระบบพึ่งพิงต้องแลกเปลี่ยนกัน เพราะประชาชนขาดหลักประกันความมั่นคง
“การก้าวพันจุดนี้ไปได้จำเป็นต้องทำให้เรื่องความเป็นอยู่พื้นฐานของประชาชน ทั้งเรื่องสิทธิและสวัสดิการให้ดีขึ้น เชื่อว่าจะเป็นหัวใจการวางรากฐานให้สังคม อีกทั้ง คุณภาพสังคมจะดี ลักษณะของสังคมต้องให้การยอมรับสมาชิกสังคม ทุกกลุ่มอย่างเท่าเทียมกัน ให้สิทธิให้ความเป็นธรรมกับคนชายขอบ คนไทยพลัดถิ่น เป็นต้น”
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า อีก 2 สัปดาห์รัฐบาลจะดำเนินการแก้ปัญหาเศรษฐกิจนอกระบบ ที่ไม่ได้อยู่กรอบระบบเศรษฐกิจสังคมปกติ เช่น พ่อค้าแม่ขาย หาบแร่แผงลอย มอเตอร์ไซด์รับจ้าง คนทำงานสถานประกอบการเล็กๆ คนเหล่านี้ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนปกติได้ จึงต้องพึ่งพาเงินนอกระบบ อีกทั้งทำงานในสภาวะแวดล้อมที่ไม่มีการดูแลสุขอนามัย และตกเป็นเหยื่อการใช้อำนาจของเจ้าหน้าที่รัฐ ดังนั้น รัฐบาลมีความตั้งใจว่า จะแก้ปัญหาให้คนกลุ่มนี้เป็นการเฉพาะทั้งเรื่องเงินทุน สภาวะแวดล้อม การมีหลักประกันให้ ทั้งในแง่ความเป็นอยู่และไม่ถูกรังแก
นายอภิสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า บทเรียนจากกรณีมาบตาพุด ทำให้การพัฒนาเศรษฐกิจภาคใต้ รัฐบาลมีนโยบายไม่ยัดเยียดกรอบความคิดจากส่วนกลางลงไป แต่ต้องทำให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการตัดสินใจ และจะไม่นำอุตสาหกรรมหนักไปลงที่ภาคใต้ เนื่องจากหวั่นเกรงว่า จะไปกระทบการท่องเที่ยว และทรัพยากรธรรมชาติ ขณะเดียวกัน การพัฒนาเรื่องธรรมาภิบาล จากนี้ไป ไม่ใช่เฉพาะภาคการเมืองเท่านั้น แต่จะครอบคลุมไปถึง ราชการ เอกชน ภาคประชาชน ให้มีความโปร่งใส มีความรับผิดชอบ หลักการสำคัญของธรรมาภิบาลที่จะต้องได้รับการส่งเสริม
ส่วนคุณภาพสังคมกับคุณภาพประชาธิปไตยไทย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ที่เราต้องมีประชาธิปไตย เพราะคนคิดไม่เหมือนกัน สังคมไทยอยู่ภายใต้ความเข้าใจผิดไม่น้อย ซ่อนความหลากหลายไว้นานพอสมคว ดังนั้นสังคมต้องมีกติกาพื้นฐานที่คนต้องเคารพ ซึ่งเป็นสิ่งทีท้าทายทำอย่างไรสร้างค่านิยมรองรับตรงนี้ได้อย่างถูกต้อง,ความคิดเห็นความแตกต่างทางการเมือง เชิงนโยบาย วิสัยทัศน์ เป้าหมายการพัฒนาต้องใช้กระบวนการประชาธิปไตย สุดท้าย ค่านิยมเรื่องการปฏิเสธความรุนแรง เชื่อว่า หากก้าวไม่พ้นเราก็จะตกอยู่ในวังวนความขัดแย้งไม่มีที่สิ้นสุด