“หมอชูชัย” ชี้ แก้รัฐธรรมนูญไม่เกิดประโยชน์ต่อคนไทย
แนะรัฐรวมกลไกมุ่งสร้างเสริมวัฒนธรรมประชาธิปไตยที่ฐานราก เปิดพื้นที่ให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการปฏิรูปสังคม 3 ประเด็นหลัก “ที่ดิน-ภาษี-กระจายอำนาจ”
นพ.ชูชัย ศุภวงศ์ อดีตรองประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ 2550 และกรรมการสมัชชาปฏิรูป กล่าวถึงการออกมาคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญของประชาชนกลุ่มต่างๆ โดยเฉพาะพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย(พธม.) ว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2 มาตราในรัฐสภาขณะนี้นั้น ไม่ได้ทำให้ชีวิตและความเป็นอยู่ของคนไทยดีขึ้น โดยในมาตรา 190 ไม่มีความจำเป็นต้องแก้ไข เพราะหากรัฐสภารีบออกกฎหมายลูก ปัญหาต่างๆ จะหมดไป หรือหากสงสัยว่าขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญ ก็มีตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเป็นผู้ชี้ขาดต่อไป ส่วนกติกาการเลือกตั้งที่เป็นอยู่หรือเสนอแก้ใหม่ไม่ได้ช่วยให้ระบอบประชาธิปไตยในสังคมไทยดีขึ้นแต่อย่างใด
"รัฐบาลและรัฐสภารวมทั้งกลไกต่างๆ ของรัฐควรมุ่งไปสร้างเสริมวัฒนธรรมประชาธิปไตย โดยเฉพาะประชาธิปไตยที่ฐานรากหรือชุมชนท้องถิ่น โดยสนับสนุนให้ประชาชนรวมกลุ่ม เปิดเวทีหรือพื้นที่สาธารณะให้มากขึ้น รวมทั้งให้ใช้สื่อของรัฐอย่างเต็มที่ สนับสนุนให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการพัฒนาหรือปฏิรูปสังคม ในทุกระดับตั้งแต่ท้องถิ่นจนถึงระดับชาติ ส่งเสริมให้ประชาชนตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ หากทำเช่นนี้ได้ก็จะเป็นการสร้างวัฒนธรรมประชาธิปไตยอย่างแท้จริง"
นพ.ชูชัย กล่าวว่า ปัจจุบันไม่ว่าจะแก้กติกาทางการเมืองอย่างไร ก็เชื่อได้ว่าจะได้นักการเมืองที่ดี ไม่ว่า ส.ว. หรือ ส.ส. ไม่เกิน 30 % เพราะสามารถใช้เงินสกปรก ที่โกงกินกันมายึดอำนาจรัฐได้ ซึ่งดูดีและแนบเนียนกว่าการยึดอำนาจรัฐโดยการใช้ปืน จึงขอเรียกร้องให้สมาชิกวุฒิสภา หรือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ดีร่วมกับประชาชนกลุ่มต่างๆ ในสังคมช่วยกันปฏิรูปประเทศไทยในเรื่องที่สำคัญ คือ การปฏิรูปที่ดิน การปฏิรูประบบภาษี และการกระจายอำนาจไปสู่ท้องถิ่น ทั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและชุมชนท้องถิ่นซึ่งจะเป็นการสร้างวัฒนธรรม ประชาธิปไตยจากฐานล่างดังกล่าวแล้ว ต่อจากนั้นการปฏิรูปในประเด็นอื่นๆ ก็จะตามมา” อดีตรองประธานคณะกรรมาธิการฯ กล่าว
นพ.ชูชัย ยังตั้งข้อสังเกตว่า การชุมนุมสาธารณะในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นการชุมนุมของ พธม. กลุ่ม แนวร่วมประชาธิปไตยแห่งชาติ(นปช.) หรือประชาชนกลุ่มต่างๆ มีลักษณะการชุมนุมที่สงบและไม่ใช้ ความรุนแรง ซึ่งเป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ มาตรา 63 แสดงว่าวัฒนธรรมการชุมนุมสาธารณะมีการยกระดับขึ้นอย่างน่ายินดี