- Home
- Thaireform
- ในกระแส
- ดร.ปราณี วิพากษ์ประชาวิวัฒน์ 9 ข้อ แก้ปัญหาแค่รายจุด
ดร.ปราณี วิพากษ์ประชาวิวัฒน์ 9 ข้อ แก้ปัญหาแค่รายจุด
แนะรัฐบาลต้องดูทั้งระบบ ทำเป็นโครงสร้างขนาดใหญ่ เรื่องไหนที่ต้องดูแล หรือควรปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาด ค้าน ‘ตรึงราคา LPG’ เสนอให้ใช้วิธีแจกคูปองคนจน ไปซื้อแก๊สหุงต้ม เชื่อเป็นทางออกที่ดีกว่า
รศ.ดร.ปราณี ทินกร อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และกรรมการปฏิรูป กล่าวกับศูนย์ข้อมูลข่าวสารปฏิรูปประเทศไทย ถึงแผนปฏิบัติการประชาวิวัฒน์ 9 มาตรการของรัฐบาลว่า แผนปฏิบัติการบางเรื่องคิดว่ารัฐบาลมาถูกทาง แต่บางเรื่องก็ยังเดินไม่ถูกทาง เพราะเป็นการแก้ปัญหารายจุด ซึ่งรัฐบาลควรต้องดูทั้งระบบ ทำให้เป็นโครงสร้างขนาดใหญ่ ว่า เรื่องอะไรบ้างที่ต้องดูแล เรื่องอะไรบ้างที่ต้องปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาด
รศ.ดร.ปราณี กล่าวถึงแผนปฏิบัติการในแต่ละข้อ เริ่มที่การประกันสังคม เป็นการให้หลักประกันทางสังคมกับกลุ่มผู้ใช้แรงงานนอกระบบ ถือเป็นแนวทางที่ถูกต้อง เพราะปัจจุบันมีแรงงานนอกระบบที่อยู่ในระบบประกันสังคมประมาณ 9 ล้านคน จึงมองว่าเป็นความพยายามที่ดี เพียงแต่ในส่วนของบำเหน็จชราภาพ ผลสุดท้ายแล้วกองทุนจะยั่งยืนมากน้อยเพียงใดนั้น รัฐบาลจะต้องคำนวณตรงนี้ให้ดีๆ ว่า เป็นแนวทางที่ถูกต้องหรือไม่
“หลักใหญ่ๆ เกี่ยวกับเรื่องสวัสดิการ หรือระบบหลักประกันทางสังคมที่รัฐควรจะมอง มีอยู่ 2 ส่วน ได้แก่ หลักประกันสำหรับประชาชน ที่ควรจะมีให้กับทุกคน และอีกส่วน คือ หลักประกันใช้ชีวิตยามชรา หรือ กองทุนชราภาพ ที่ดูแลข้าราชการและแรงงานในระบบอยู่แล้ว แต่คนที่อยู่นอกระบบ เช่น เกษตรกร พ่อค้าหาบแร่แผงลอย และมอเตอร์ไซด์รับจ้างยังไม่ได้รับการดูแลในระบบนี้"
กรรมการปฏิรูป กล่าวว่า การดูแลคนยากจนประเทศไทยยังไม่มีสวัสดิการที่จะสามารถให้ยังชีพอยู่ได้ หรือที่เรียกว่าความจำเป็นพื้นฐานของการดำรงชีวิตที่ชัดเจน เนื่องจากลักษณะการใช้นโยบายของรัฐที่ผ่านมา เป็นลักษณะที่ค่อนข้างจะประชานิยม ไม่ได้ดูเกณฑ์รายได้ เวลาให้ก็จะให้ไปทั้งหมด
ส่วนการปล่อยสินเชื่อให้แท็กซี่ ผู้ค้าหาบเร่แผงลอย และมอเตอร์ไซด์รับจ้างนั้น กรรมการปฏิรูป กล่าวว่า กลุ่มคนเหล่านี้อยู่นอกระบบ ที่ผ่านมาไม่สามารถเข้าถึงระบบสินเชื่อในภาคทางการได้ จึงไปกู้เงินจากนอกระบบ ด้วยอัตราดอกเบี้ยค่อนข้างสูง ดังนั้นมาตรการที่รัฐประกาศจะเป็นการช่วยประชาชนที่อยู่ในภาคไม่เป็นทางการ หรือภาคนอกระบบสินเชื่อของทางการให้ได้เข้าถึงแหล่งสินเชื่อ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่น่าจะทำ แต่มีข้อแม้ว่า คนกลุ่มนี้จะต้องไม่เอาสินเชื่อไปใช้จ่ายฟุ่มเฟือย สุรุ่ยสุร่าย จนไม่สามารถหารายได้มาใช้หนี้คืน
สำหรับการตรึงราคา LPG นั้น รศ.ดร.ปราณี กล่าวว่า อาจไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องนัก เนื่องจากควรจะให้ราคาของพลังงาน ไม่ว่าจะเป็นน้ำมัน หรือ LPG เป็นไปตามราคาตลาด รัฐเพียงจัดการไม่ให้เกิดการเอาเปรียบกัน โดยหากราคาจะสูงขึ้นคนก็จะต้องปรับตัวในการใช้ และต้องประหยัด การไปตรึงไว้บางจุดเป็นการบิดเบือนกลไกตลาด
“หากรัฐบาลคิดจะช่วยคนกลุ่มที่มีรายได้น้อย หรือยากจนจริงๆ ควรจะใช้มาตรการอื่นมากกว่าใช้วิธีตรึงราคา เช่นอาจจะดูว่าใครที่มีรายได้ต่ำกว่าเส้นความยากจน หรือมีรายได้ไม่พอเพียงในระดับหนึ่ง ก็อาจจะส่งคูปองช่วย สำหรับไปซื้อแก๊สหุงต้ม น่าจะเป็นทางออกที่ดีกว่าที่จะมาตรึงราคาในลักษณะนี้ที่จะทำให้ตลาดบิดเบือนไป”
ในส่วนค่าไฟฟรีสำหรับประชาชนที่ใช้ต่ำกว่า 90 หน่วย กรรมการปฏิรูป กล่าวว่า เป็นการแก้ที่ไม่ตรงจุด เพราะในกลุ่มคนที่อาศัยอยู่คนเดียว หรือมีบ้านหลายหลัง และใช้ไฟต่ำกว่า 90 บาท ก็ได้ใช้ไฟฟรีเช่นกัน ดังนั้นมาตรการของรัฐจะต้องการเข้าไปช่วยคนยากจนให้ได้อย่างแท้จริง
รศ.ดร.ปราณี กล่าวถึงเรื่องต้นทุนภาคการเกษตร ว่า ไม่ค่อยแน่ใจว่ารัฐบาลจะทำได้มากน้อยแค่ไหน เพราะโครงสร้างด้านการเกษตรในบางเรื่องจะมีธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีอำนาจค่อนข้างมากในตลาด ทั้งในเรื่องเมล็ดพันธุ์ หรือพ่อพันธ์แม่พันธุ์ และการทำเกษตรพันธะสัญญา ที่ในหลายกรณีอาจมีการเอารัดเอาเปรียบเกษตรกรผู้ยากจน จึงไม่แน่ใจว่าของขวัญชิ้นนี้จะทำได้หรือไม่
สุดท้ายการเปิดเผยข้อมูลต้นทุนให้ผู้บริโภค และ ความปลอดภัยชีวิตและทรัพย์สิน นั้น รศ.ดร.ปราณี กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ดีหากสามารถทำได้ เพราะการเปิดเผยข้อมูลทั้งหลายในประเทศไทยก็เป็นสิ่งที่ควรจะต้องทำ และความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สิน เรื่องอาชญากรรม ก็เป็นสิ่งที่ประชาชนต้องการให้รัฐจัดการอยู่แล้ว