- Home
- Thaireform
- ในกระแส
- ข้อสังเกตร่างพ.ร.บ.คุ้มครองผู้รับงานไปทำที่บ้าน พ.ศ. ....
ข้อสังเกตร่างพ.ร.บ.คุ้มครองผู้รับงานไปทำที่บ้าน พ.ศ. ....
คณะรัฐมนตรีรับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติคุ้มครอง ผู้รับงานไปทำที่บ้าน พ.ศ. ....
วานนี้ (15 มิ.ย.) ในการประชุมคณะรัฐมนตรี รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้รับงานไปทำที่บ้าน พ.ศ. .... และผลการพิจารณาของกระทรวงแรงงาน และให้แจ้งสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป
ข้อเท็จริง 1. สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาได้ส่งข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้รับงานไปทำที่บ้าน พ.ศ. .... มาเพื่อดำเนินการโดยมีข้อสังเกต ดังนี้
1.1 เมื่อพระราชบัญญัตินี้มีผลใช้บังคับ กระทรวงแรงงานในฐานะหน่วยงานที่ต้องปฏิบัติควรต้องออกกฎกระทรวงกำหนดประเภทของงานที่รับไปทำที่บ้านให้มีความชัดเจนและควรมีการพิจารณาปรับปรุงให้ทันกับสภาวะการจ้างงานอยู่เสมอ
1.2 เพื่อให้การคุ้มครองผู้รับงานไปทำที่บ้านเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ กระทรวงแรงงานควรจัดให้มีการจดทะเบียนการเป็นผู้จ้างงานและผู้รับงานไปทำที่บ้าน ตลอดจนจัดตั้งองค์กรเพื่อพัฒนาความรู้และสมรรถนะให้แก่ผู้รับงานไปทำที่บ้านตามความเหมาะสมของงบประมาณแผ่นดินและความพร้อมของหน่วยงานสนับสนุนในอนาคต
1.3 ในการกำหนดอัตราค่าตอบแทนในงานที่รับไปทำที่บ้านตามมาตรา 28 ให้คณะกรรมการ คำนึงถึงการเพิ่มค่าใช้จ่ายอื่นที่ผู้รับงานไปทำที่บ้านอาจต้องรับภาระเพิ่มจากการรับงานไปทำที่บ้าน อาทิ ค่าวัสดุ ค่าสาธารณูปโภค และค่าขนส่ง ที่อาจเป็นภาระของผู้รับงานไปทำที่บ้านเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมทั้งผู้จ้างงานและผู้รับงานไปทำที่บ้านด้วย
2. สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้แจ้งให้กระทรวงแรงงานรับข้อสังเกตตามข้อ 1. ไปพิจารณาดำเนินการ เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไปตามมติเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2551
3. กระทรวงแรงงานได้พิจารณาข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญตามข้อ 1. แล้วดังนี้
3.1 เมื่อพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้รับงานไปทำที่บ้าน พ.ศ. .... มีผลบังคับใช้แล้ว ในเบื้องต้นกระทรวงแรงงานจักได้ดำเนินการจัดทำคำชี้แจงพระราชบัญญัติฯ โดยจะมีการอธิบายถึงประเภทของงานที่รับไปทำที่บ้านเพื่อให้เกิดความชัดเจนในการปฏิบัติตามกฎหมาย และหากสภาวะการจ้างงานเปลี่ยนแปลงไป กระทรวงแรงงานจักได้มีการออกกฎกระทรวงกำหนดประเภทงานที่รับไปทำที่บ้านให้ทันต่อสภาวะการจ้างงานต่อไป
3.2 ปัจจุบันยังไม่มีบทบัญญัติบังคับให้มีการจดทะเบียนผู้จ้างงานและผู้รับงานไปทำที่บ้าน แต่มีการรวมกลุ่มของผู้รับงานไปทำที่บ้าน โดยมีวัตถุประสงค์ให้กลุ่มผู้รับงานไปทำที่บ้านกู้เงินจากกองทุนเพื่อผู้รับงานไปทำที่บ้านตามระเบียบกรมการจัดหางาน ว่าด้วยกองทุนเพื่อผู้รับงานไปทำที่บ้าน พ.ศ. 2546 ส่วนข้อสังเกตในประเด็นการจัดตั้งองค์กรเพื่อพัฒนาความรู้และสมรรถนะให้แก่ผู้รับงานไปทำที่บ้านนั้น กระทรวงแรงงานจักได้ทำการศึกษาแนวทางความเป็นไปได้ในการจัดตั้งต่อไป
3.3 ในประเด็นตามข้อ 1.3 นั้น เป็นอำนาจของคณะกรรมการที่สามารถกระทำได้ ซึ่งนอกจากจะต้องคำนึงถึงในประเด็นดังกล่าวแล้ว คณะกรรมการจำต้องคำนึงถึงค่าตอบแทนของแรงงานในระบบที่ทำงานประเภท ลักษณะงานและปริมาณงาน เหมือนกับงานของผู้รับงานไปทำที่บ้าน ตลอดจนภาวะการจ้างงานและกลไกตลาดในงาน นั้น ๆ