- Home
- Thaireform
- ในกระแส
- อานันท์ ไฟเขียว กสม.เข้าพบสัปดาห์หน้า หารือแลกเปลี่ยนข้อมูลมาบตาพุด
อานันท์ ไฟเขียว กสม.เข้าพบสัปดาห์หน้า หารือแลกเปลี่ยนข้อมูลมาบตาพุด
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนฯ ประชุมวาระเร่งด่วนพิจารณารับเรื่องร้องเรียน ปชช.ได้รับผลกระทบจากการพัฒนามาบตาพุด ยันมีหลายประเด็นที่ต้องพิจารณาร่วมกันแบบบูรณาการ
นายแพทย์ชูชัย ศุภวงศ์ เลขาธิการคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กล่าวถึงผลการประชุมคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ วันนี้ (8 ก.ย.) ว่า มีการพิจารณาวาระเร่งด่วน กรณีเครือข่ายประชาชนภาคตะวันออกยื่นหนังสือร้องเรียนขอให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติตรวจสอบความถูกต้องในการออกประกาศประเภทโครงการหรือกิจการที่อาจจะมีผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรง ทั้งทางด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติและสุขภาพ ตามมาตรา 67 วรรคสองของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และติดตามตรวจสอบการแก้ไขปัญหาผลกระทบจากการพัฒนาอุตสาหกรรมที่จังหวัดระยอง
ผลการพิจารณาของ กสม. มีดังนี้
1. กสม. เห็นว่าเรื่องนี้มีผลกระทบต่อสิทธิบุคคล ชุมชน และสังคมไทยโดยรวม จึงพิจารณาว่า เป็นเรื่องที่สำคัญและเร่งด่วน มีหลายประเด็นที่ต้องพิจารณาร่วมกันแบบบูรณาการ มีประเด็นที่เชื่อมโยงกันหลายประเด็น ไม่ว่าเรื่องธุรกิจกับความรับผิดชอบต่อสังคม กระบวนการยุติธรรม ผลกระทบต่อสุขภาพของกลุ่มคนที่อ่อนแอ เช่น เด็กทารก หญิงตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุ ผู้ใช้แรงงาน ผลกระทบต่อสิทธิชุมชน และสิ่งแวดล้อม
2. กสม.เห็นว่าโจทย์ในการพิจารณาเบื้องต้น คือ การพิจารณาหาความจริงว่ามีเหตุผลใดที่ข้อเสนอของคณะกรรมการ 4ฝ่ายแก้ปัญหามาบตาพุดที่ให้มี 18 โครงการกิจกรรมที่อาจมีผลกระทบอย่างรุนแรงต่อสุขภาพ คุณภาพชีวิต และทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม เหตุใดทางคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติพิจารณาตัดเหลือเพียง 11 โครงการกิจการ
ทั้งนี้ นพ.ชูชัย ได้ประสานงานติดต่อไปยังคณะกรรมการสี่ฝ่ายแก้ปัญหามาบตาพุด ในขั้นต้น นายอานันท์ ปันยารชุน ประธานคณะกรรมการสี่ฝ่ายแก้ปัญหามาบตาพุด ได้ตอบรับแล้วที่ศ.อมรา พงศาพิชญ์ ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ จะไปพบปะหารือแลกเปลี่ยนข้อมูลในสัปดาห์หน้า
รวมทั้งได้ทำหนังสือด่วนที่สุดถึงคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเพื่อขอข้อมูลทั้งหมด ในกระบวนการพิจารณา ตลอดจนมติของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อม และคณะอนุกรรมการชุดต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องในการได้มาซึ่ง 11 โครงการ กิจการที่อาจส่งผลกระทบรุนแรงต่อคุณภาพชีวิต และทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม ว่ามีเหตุผลหลักฐานทางวิชาการรองรับแค่ไหนเพียงใด เพื่อประกอบการพิจารณาของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติต่อไป