- Home
- Thaireform
- ในกระแส
- สมาชิกกบข.เลือกออมเพิ่ม รองรับสู่สังคมผู้สูงอายุ
สมาชิกกบข.เลือกออมเพิ่ม รองรับสู่สังคมผู้สูงอายุ
เลขาธิการ กบข. ชี้โครงสร้างประชากรไทยกำลังเปลี่ยนแปลงไปสู่สังคมผู้สูงอายุ เชื่อจะกระทบต่อการจัดสรรงบฯ ของภาครัฐ และอาจทำให้สวัสดิการไม่ครอบคลุม
นางสาวโสภาวดี เลิศมนัสชัย เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) กล่าวถึงโครงสร้างประชากรไทยว่า กำลังเปลี่ยนแปลงไปสู่สังคมผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นผลมาจากจำนวนของประชากรวัยสูงอายุที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทยได้ประมาณการไว้ว่าในปี 2563 ประชากรไทยที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไปจะเพิ่มสูงขึ้นอยู่ที่จำนวนประมาณ 14.5 ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ 20 ของประชากรทั้งประเทศ ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างดังกล่าวจะกระทบต่อการจัดสรรงบประมาณของภาครัฐในการดูแลผู้สูงอายุ และอาจทำให้สวัสดิการจากภาครัฐไม่ครอบคลุมผู้สูงอายุที่อยู่ในภาวะพึ่งพิงจำนวนมากได้
เลขาธิกา กบข.กล่าวว่า สถานการณ์ดังกล่าวจึงชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการเข้าสู่วัยเกษียณ โดยเฉพาะความพร้อมทางด้านการเงิน เนื่องจากผู้เกษียณจะเป็นผู้ที่ขาดรายได้ประจำและมีแต่ค่าใช้จ่ายเสียเป็นส่วนใหญ่ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีเงินออมเพื่อรองรับกับช่วงเวลาดังกล่าว
“ที่ผ่านมา กบข.ในฐานะที่เป็นกองทุนเงินออมเพื่อวัยเกษียณได้ตระหนักถึงความสำคัญในเรื่องดังกล่าว จึงได้มีการแก้ไขกฎหมายเพื่อเพิ่มโอกาสในการออมให้แก่สมาชิกกว่าหนึ่งล้านคนทั่วประเทศด้วยการเปิดให้บริการออมเพิ่ม สมาชิกสามารถที่จะส่งเงินสะสมเพิ่มขึ้นนอกเหนือจากการสะสมเงินในอัตราร้อยละ 3 ของเงินเดือนได้ โดยเริ่มตั้งแต่ร้อยละ 1 ถึงอัตราสูงสุด คือ ร้อยละ 12 เพื่อให้สมาชิกสามารถออมเงินให้สอดคล้องกับแผนการเงินภายหลังเกษียณของตนเองได้มากที่สุด และสามารถดำเนินชีวิตในวัยสูงอายุได้ด้วยความมั่นคงยิ่งขึ้น”
สำหรับบริการออมเพิ่มนั้น นางสาวโสภาวดี กล่าวว่า ปัจจุบันมีสถิติสมาชิกใช้บริการรวมทั้งสิ้น 10,067 ราย คิดเป็นเงินจำนวนกว่า 22 ล้านบาท โดยอัตราการออมที่มีสมาชิกเลือกมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่ง คือ อัตราร้อยละ 12 อันดับสอง คือ อัตราร้อยละ 2 และอันดับสาม คือ อัตราร้อยละ7 แสดงให้เห็นว่าสมาชิก กบข. ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการออมเพื่อสร้างหลักประกันในวัยเกษียณ