- Home
- Thaireform
- ในกระแส
- รัฐบาลเปิด 4 กรอบยุทธศาสตร์ปฏิรูปประเทศไทย
รัฐบาลเปิด 4 กรอบยุทธศาสตร์ปฏิรูปประเทศไทย
นายกรัฐมนตรี นั่งหัวโต๊ะเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการปฏิรูประเทศไทย พิจารณากรอบยุทธศาสตร์ปฏิรูป ทั้งเศรษฐกิจ ยุติธรรม คุณภาพชีวิต การศึกษา ดีเดย์แถลง 1 ม.ค.ปีหน้า เป็นของขวัญปีใหม่ให้คนไทย
วันที่ 15 ธันวาคม ณ ห้องสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการปฏิรูประเทศไทย โดยมีนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี คุณหญิงสุพัตรา มาศดิตถ์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี นายกนก วงษ์ตระหง่าน ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมการประชุม
ภายหลังการประชุม นายสาทิตย์ กล่าวถึงผลการประชุมสรุปสาระสำคัญว่า การประชุมเป็นการพิจารณาเรื่องสำคัญ 4 กรอบของยุทธศาสตร์ปฏิรูปประเทศไทย ประกอบด้วย เศรษฐกิจ ยุติธรรม คุณภาพชีวิต และการศึกษา โดยในเรื่องการศึกษาที่ประชุมได้หารือกันถึงเรื่องการสำรวจเด็กที่อยู่นอกระบบการศึกษา เพื่อดึงให้มีการศึกษาเข้าถึงเด็ก ซึ่งมีตัวเลขของเด็กในระดับต่าง ๆ นับเป็นแสนคนที่จะมีการดึงเข้ามา รวมทั้งโครงการที่เกี่ยวข้องกับเรื่องการศึกษา
ส่วนเรื่องยุติธรรม นายสาทิตย์ กล่าวว่า ที่ประชุมได้พูดถึงเรื่องของยุติธรรมชุมชน และอื่น ๆ ทั้งนี้ เนื่องจากมีรายละเอียดอีกมาก หลังจากที่ได้หารือกันแล้วก็จะมีการนำไปปรับในบางเรื่อง และจะได้มีการสรุปอีกครั้งในวันที่ 20 ธันวาคมนี้
"บางเรื่องที่เสนอไป นายกรัฐมนตรีก็ให้ไปหาข้อมูลเพิ่มเติม และให้มีการนำมาเสนออีกครั้งหนึ่ง จริง ๆ แล้วมีหลายคณะ เช่น คณะที่ผมทำนั้น เราดูแล้วว่าในคนทุกกลุ่มอายุจะมีสวัสดิการเข้าไปดูแลหมด แต่ยังขาดในกลุ่มอายุที่แม่ตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ จนกระทั่งเด็กมีอายุถึง 2 ปีที่ยังไม่มีสวัสดิการเข้าไปดูแล ตรงนี้ได้มีการพูดถึงว่าศูนย์พัฒนาเด็กเล็กจะต้องมีครอบคลุมทุกตำบลทั่วทั้งประเทศภายในปี 2555 ขณะนี้ยังขาดอยู่ประมาณ 400 กว่าตำบล และมีการพูดถึงเรื่องของภาคเอกชนที่จะมาลงทุนให้ และจะให้ผลประโยชน์ทางภาษีแก่ภาคเอกชน เป็นต้น"
นายสาทิตย์ กล่าวว่า นอกจากนี้จะมีการดูแลแม่ที่ตั้งครรภ์จนกระทั่งเด็กมีอายุครบ 2 ปี โดยผ่านโรงพยาบาลสร้างเสริมสุขภาพตำบล ที่นายกรัฐมนตรีได้ให้ไปดูว่า เราจะให้สิทธิประโยชน์อะไร และสารอาหารที่ยังขาด ซึ่งจะไปดูเพิ่มเติม ส่วนการดูแลเรื่องที่ดินครบวงจร ที่จะมีการดูตั้งแต่เรื่องคดีคนจน จะมีคณะกรรมการที่เป็นกลไกระดับชาติที่จะมาดูเรื่องนี้ และไปดูเรื่องการสนับสนุนแผนที่ทำมือของภาคประชาชน การไปทำเรื่องการแยกพื้นที่ที่ทับซ้อนอยู่กับที่ของรัฐออกมา เพื่อที่จะมาดำเนินการให้สามารถเข้าไปทำกินได้ มีการปรับสัดส่วนเรื่องพื้นที่ป่าไม้ภายในประเทศให้สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง จะมีแนวทางเรื่องการประกาศเขตเศรษฐกิจการเกษตรพิเศษ เป็นต้น
ในส่วนงานของนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เรื่องวินมอเตอร์ไซค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันที่ 17 ธันวาคมนี้จะเสร็จคิดว่าคงครบถ้วนแล้ว ไม่มีปัญหาอะไร
ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อแผนนี้ออกมาแล้วจะช่วยอะไรประเทศไทยได้บ้าง รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในวันที่แถลงเรื่องปฏิรูปประเทศไทย วันที่ 1 มกราคม 2554 นายกรัฐมนตรีจะตอบคำถามและบอกว่า เมื่อประกาศแผนนี้ไปแล้วคนไทยใครจะได้ประโยชน์บ้าง จำนวนเท่าไร
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า มีแผนการใช้งบประมาณในอนาคตหรือไม่ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จะอยู่ในแผนนี้ซึ่งจะทำแผนเสร็จในวันที่ 24 ธันวาคมนี้
รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า แนวทางนี้เป็นแนวทางที่ไปลดความเหลื่อมล้ำในประเทศ และการปฏิรูปมุ่งการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง แผนปฏิรูปก็เป็นการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างอย่างหนึ่ง เช่น โครงสร้างของการกระจายรายได้ การเข้าไม่ถึงทรัพยากร การเข้าไม่ถึงบริการสาธารณะของรัฐ หรือกลุ่มคนที่อาจจะเป็นคนชายขอบ กลุ่มคนที่อาจจะถูกสวัสดิการละเลยมา แล้วนำเข้ามาอยู่ในระบบสวัสดิการด้วย ฉะนั้นเงื่อนไขตรงนี้จะเป็นเงื่อนไขที่นำไปสู่สังคมที่เป็นธรรมและเท่าเทียมมากขึ้น ส่วนจะทำให้กลุ่มเรียกร้องหมดหรือไม่นั้นเป็นอีกประเด็นหนึ่ง
ผู้สื่อข่าวถามว่า กลุ่มที่ยังไม่ได้รับความเป็นธรรมในสังคม มีจำนวนกี่เปอร์เซ็นต์จากคนไทย 60 กว่าล้านคน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอให้รอดูในแผนปฏิรูปฉบับสมบูรณ์ที่จะมีการแถลง ซึ่งจะมีการพูดถึงตัวเลขเหล่านี้ชัดเจน ที่ไม่พูดก่อนเพราะจะมีบางตัวที่จะต้องไปปรับ
"เราประกาศไปแล้วว่าจะแถลงวันที่ 1 มกราคม 2554 เป็นของขวัญให้ประชาชน โดยก่อนถึงวันที่ 1 จะมีการแถลงเรื่องอื่น โดยจะได้แจ้งอีกครั้ง กำลังเตรียมกันอยู่ และที่เตรียมกันอยู่ตอนนี้คือเรื่องผลงานที่รัฐบาลทำไปใน 2 ปี "
ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้มีการพูดถึงเรื่องของกระบวนการยุติธรรมหรือไม่ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มีการพูดถึงเรื่องของระบบยุติธรรมชุมชน ที่คนยังไม่ค่อยรู้มากนัก เป็นเรื่องของเครือข่ายยุติธรรมชุมชนในระดับชุมชนที่จะเข้าไปดูแลในเรื่องของการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมของคนในชุมชน ซึ่งกระทรวงยุติธรรมยืนยันว่าได้ผลมาก และเป็นเรื่องที่ควรจะมีการขยายผลต่อ
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับเรื่องของคนจน คนด้อยโอกาส ที่เมื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้วอาจจะเสียเปรียบคนซึ่งมีอำนาจมากกว่า ว่าจะมีกลไกใด ๆ ขึ้นมาดูแลคนเหล่านี้ รวมถึงการยุติธรรมเบื้องต้น เช่น คนที่ส่งเรื่องร้องเรียนเข้าไปยังหน่วยงานต่าง ๆ ก็ควรจะมีเกณฑ์มาตรฐานกลางที่มาดูแลกระบวนการร้องเรียนต่าง ๆ ให้มีการตอบสนองอย่างทันเวลาทันท่วงที ซึ่งเรื่องนี้คนยากคนจนหรือคนด้อยโอกาสมักจะเสียเปรียบคนใหญ่คนโต เพราะสามารถไปหาระดับอธิบดี ปลัดกระทรวง ได้ แต่คนจนเข้าไม่ถึง ฉะนั้นต้องมีการปรับเรื่องเกณฑ์มาตรฐานกลาง เป็นต้น