- Home
- Thaireform
- ในกระแส
- “ค่าจ้างเพื่อครอบครัวมนุษย์” ดร.ณรงค์ หนุนเพิ่มค่าจ้างให้เป็นธรรม
“ค่าจ้างเพื่อครอบครัวมนุษย์” ดร.ณรงค์ หนุนเพิ่มค่าจ้างให้เป็นธรรม
กรรมการปฏิรูป ดันข้อเสนอ “สร้างความเป็นธรรม เพื่อลดความเหลื่อมล้ำด้านแรงงาน” เร่งปฏิรูป ออกยุทธศาสตร์ 3 ด้าน เพิ่มรายได้ เพิ่มผลิตภาพ เพิ่มสวัสดิการ เชื่อสามารถแก้ปัญหาแรงงานได้ครอบคลุม
วันที่ 6 มกราคม รองศาสตราจารย์ ดร.ณรงค์ เพ็ชรประเสริฐ กรรมการปฏิรูป และกรรมการสมัชชาปฏิรูป กล่าวภายหลังการประชุมร่วมคณะอนุกรรมการแรงงาน และคณะกรรมการเครือข่ายผู้ใช้แรงงานเพื่อการปฏิรูป ณ ห้องชวนชม โรงแรมรามาการ์เด้นส์ กรุงเทพฯ ว่า การประชุมครั้งนี้เป็นการร่วมพิจารณาข้อเสนอ “การสร้างความเป็นธรรม เพื่อลดความเหลื่อมล้ำด้านแรงงาน” โดยมีประเด็นการปฏิรูปแรงงานที่สำคัญ 3 ด้าน คือ 1.ด้านสิทธิและการสร้างความเข้มแข็ง 2.ด้านรายได้และสวัสดิการ 3.ด้านการพัฒนาความรู้ ทักษะ และเพิ่มผลิตภาพ ซึ่งทั้ง 3 ด้านจะสามารถแก้ไขปัญหาของแรงงานได้อย่างครอบคลุม
รศ.ดร.ณรงค์ กล่าวถึงแนวทางการเพิ่มค่าจ้างแรงงานว่า ค่าจ้างขั้นต่ำจะต้องอยู่ในอัตราที่ทำให้แรงงานไร้ฝีมือและพึ่งเริ่มทำงานสามารถเลี้ยงตนเองได้ ส่วนค่าจ้างที่เป็นธรรม จะต้องมาจากค่าจ้างขั้นต่ำบวกกับทักษะและวิชาชีพของแรงงาน แต่ข้อเท็จจริงกลับพบว่า คนทำงาน 5 ปีก็ยังได้ค่าจ้างขั้นต่ำเช่นเดิม
“หากคนงานมีรายได้ไม่เพียงพอ ย่อมส่งผลให้อัตราการเกิดลดลง ในที่สุดกำลังแรงงานก็จะลดลงตามไปด้วย ดังนั้นคนงานจะต้องมีรายได้เพียงพอต่อการเลี้ยงดูคู่ครองและลูกอีก 2 คน โดยค่าจ้างระดับนี้อาจเรียกว่า “ค่าจ้างเพื่อครอบครัวมนุษย์””
ส่วนการพัฒนาความรู้ ทักษะและเพิ่มผลิตภาพนั้น รศ.ดร.ณรงค์ กล่าวว่า จะมีการบรรจุวิชาด้านแรงงาน ในหลักสูตรตั้งแต่ระดับมัธยม เพื่อสร้างการรับรู้ในเรื่องสิทธิและโอกาส จัดตั้งศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนและศูนย์การศึกษาในเขตอุตสาหกรรม รวมทั้งมีการสอนภาษาไทยให้แก่แรงงานต่างด้าว และสอนภาษาอังกฤษ จีน ญี่ปุ่นให้แก่แรงงานไทย
“การพัฒนาทักษะฝีมือของแรงงาน ควรส่งเสริมให้เอกชนเข้ามามีบทบาทในเรื่องนี้เพิ่มขึ้น เนื่องจากนายจ้างย่อมจะเข้าใจดีว่าตนเองต้องการคนที่มีทักษะในด้านใด เช่น ต้องการนักบัญชี นักคอมพิวเตอร์ ก็ส่งไปเรียนเพิ่มได้ตามต้องการ โดยรัฐทำหน้าที่เป็นผู้กำกับมาตรฐานและสนับสนุนด้านเงินทุน โดยจัดกองทุนพัฒนาทักษะและฝีมือแรงงานดอกเบี้ยต่ำ ให้นายจ้างกู้ไปใช้พัฒนาแรงงานตามความต้องการ รวมทั้งนำเงินลงทุนดังกล่าวไปลดหย่อนภาษีได้” รศ.ดร.ณรงค์ กล่าว และว่า ข้อเสนอการปฏิรูปแรงงานดังกล่าวจะสามารถนำเสนอต่อสาธารณะและรัฐบาลได้ในช่วงเดือนเมษายนนี้
เมื่อถามถึงแผนปฏิบัติการปฏิรูปประเทศไทยของรัฐบาลอภิสิทธิ์ ในเรื่องการจัดศูนย์เลี้ยงเด็กในเขตโรงงานอุตสาหกรรม รศ.ดร.ณรงค์ กล่าวว่า เป็นการแก้ปัญหาตามอาการ เพราะหากมองไปที่สาเหตุจะพบว่า แม่ไม่สามารถเลี้ยงดูลูกได้ เนื่องจากระบบการทำงานในบ้านเราไม่ส่งเสริมให้พ่อแม่ลูกอยู่ร่วมกัน อีกทั้งระบบยังกดดันให้คนต้องทำงานวันละ 12 ชั่วโมงแล้วใครจะเป็นคนดูแลลูก
“การสร้างที่อยู่อาศัยให้แก่แรงงาน ในบริเวณใกล้เขตอุตสาหกรรมหรือสถานที่ทำงาน จะทำให้พ่อแม่ลูกได้อยู่ด้วยกัน ที่สำคัญยังจัดให้มีสถานที่เลี้ยงเด็กอ่อนที่แม่สามารถกลับมาให้นมลูกได้ ขณะเดียวกันยังช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทางอีกด้วย”