- Home
- Thaireform
- ในกระแส
- “เอ็นนู” ยุรัฐใจแข็ง ประกาศปฏิรูป ปรับระบบที่ขัดผลประโยชน์นายทุน
“เอ็นนู” ยุรัฐใจแข็ง ประกาศปฏิรูป ปรับระบบที่ขัดผลประโยชน์นายทุน
กรรมการสมัชชาปฏิรูป ชี้ประเทศนี้เดินด้วยนายทุน รัฐบาลต้องใจแข็ง แก้ปัญหาการผูกขาดให้ได้ พร้อมเสนอสร้างตลาดกลางในท้องถิ่น เชื่อทำได้จริง ประโยชน์ตกอยู่กับชาวบ้าน สุดท้ายจะได้คะแนนเสียงตรึม
นายเอ็นนู ซื่อสุวรรณ อดีตรองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ในฐานะกรรมการสมัชชาปฏิรูป กล่าวถึงมาตรการร่วมเดินหน้าปฏิรูปประเทศไทย ในส่วนกระบวนการประชาวิวัฒน์ โดยเฉพาะเรื่องอาหาร ต้นทุนของภาคเกษตร เรื่องพ่อพันธุ์ แม่พันธุ์ ที่เป็นสาเหตุทำให้ไก่ หมู และไข่มีราคาสูงว่า อย่างที่ทราบกัน ในแง่ปศุสัตว์มีผู้ดูแลอยู่ไม่กี่บริษัท ครอบคลุมหมดตั้งแต่พันธุ์สัตว์ อาหารสัตว์ รวมถึงตลาดที่รับซื้อ ทำให้ราคาที่ขึ้นลงขึ้นอยู่กับบริษัทใหญ่ๆ ส่งผลกระทบต่อเกษตรกรรายย่อยอยู่อย่างลำบาก หากไม่เข้าไปเป็นเครือข่าย ยกเว้นเกษตรรายย่อยที่เลี้ยงแบบไม่มุ่งขาย เหลือถึงขาย ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี หากมีการจัดหาโดยตรงไปตรงมา ไม่มีผู้หาประโยชน์จากการจัดหา
กรรมการสมัชชาปฏิรูป กล่าวถึงราคาอาหารสัตว์ พบว่า ลูกค้าจำนวนหนึ่งได้เข้าอยู่ในระบบพันธะสัญญาแล้วมีปัญหา เพราะถึงแม้ว่าบริษัทจะครอบคลุมระบบทั้งหมด แต่ชาวบ้านหลังจากหักจากค่าพันธุ์สัตว์ อาหารสัตว์ และการรับซื้อ ปรากฏว่าไม่คุ้ม เพราะส่วนใหญ่ต้องลงทุนในเรื่องโรงเรือนเพิ่ม แต่ในขณะเดียวกันรับรายได้จากทางบริษัทเหล่านั้นอยู่ทางเดียว ดังนั้นรัฐบาลต้องแก้ปัญหาตรงนี้ตามไปด้วย
“รัฐบาลต้องแก้ปัญหาการผูกขาดให้ได้ การแทรกแซงก็เป็นส่วนหนึ่ง ประเทศนี้เดินด้วยนายทุนเป็นส่วนใหญ่ หากรัฐเดินเข้าไปต้องมียุทธวิธีพอสมควร เพื่อไม่ให้กระทบกับภาพใหญ่ ที่สำคัญต้องสร้างตลาดกลางในท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็นพืชหรือสัตว์ เพื่อให้ชาวบ้านค้าขายในท้องถิ่นได้ ขณะนี้กลายเป็นว่า บริษัทยักษ์ใหญ่คุมหมด รวมถึงการขนส่งมาที่โรงงานส่วนกลาง ทุกจุดต้องวิ่งเข้าจุดเดียว และนำออกมาขายโดยบริษัท”
ในส่วนของไข่ไก่ ที่จะมีการทดลองให้มีทางเลือกการซื้อขายกันเป็นกิโล นั้น นายเอ็นนู กล่าวว่า มีกระแสที่กังวลว่า ไข่ที่ชั่งกิโลจะไม่ได้มาตรฐานที่แน่นอน มีขนาดไข่ไม่เท่ากัน ซึ่งเป็นเรื่องที่กำหนดได้ไม่ยาก การดูด้วยตาเปล่า และวิธีการคัดไซส์ไข่ จะมีเทคนิคที่สามารถปรับได้ สามารถทำให้เฉลี่ยเท่ากันหมดได้ ประเด็นสำคัญคือ จะทำอย่างตรงไปตรงมาหรือไม่
“จุดอ่อนอีกประการหนึ่งในเรื่องพันธุ์สัตว์ ให้ราชการเป็นคนทำทั้งหมดทุกกระบวนการไม่ได้ จะต้องมีคนนอกหรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องโยงอยู่ด้วย การทำอยู่ฝั่งเดียวอาจมีการเบียดบังได้ ฉะนั้นต้องมีสมาคมผู้คุ้มครองผู้บริโภค หรือหน่วยงานต่างๆ เข้าไปร่วม พร้อมทั้งฝ่ายเทคนิค ที่เกี่ยวกับการตวงวัดเข้าไปร่วม เพื่อวางหลักการ”
นายเอ็นนู กล่าวอีกว่า เป็นโอกาสที่ดีว่า ไหนๆ ประกาศปฏิรูป ปรับระบบต่างๆ รัฐบาลจะต้องใจแข็งพอ เพราะการทำทุกเรื่องนั้นจะไปขัดประโยชน์คนบางกลุ่มบางพวกแน่นอน แต่สุดท้ายประโยชน์จะไปตกที่ชาวบ้าน ซึ่งก็เชื่อว่า รัฐบาลจะได้คะแนนเสียงมากกว่า ได้คะแนนเสียงจากนายทุน
สำหรับประเด็นการเปิดเผยข้อมูลราคากลางสินค้าต่างๆ เพื่อป้องกันการถูกเอารัดเอาเปรียบ กรรมการสมัชชาปฏิรูป กล่าวว่า ยังดีกว่าไม่ทำ แต่ข้อสำคัญคือ ทำอย่างไรให้ข้อมูลนี้ไปถึงตัวชาวบ้านจริงๆ โดยเฉพาะข้อมูลที่จะลงไปในเว็บไซต์ ไม่มีทางจะถึงชาวบ้าน ฉะนั้นต้องกระจายไปที่ อบต. เพื่อให้ อบต. กระจายออกไปให้มากที่สุด ต้องมีออกมาเป็นกระดาษ ให้ อบต. สามารถไปติดไว้ในที่ชุมชน อย่างศาลาประชาคม เพื่อบอกว่า วันนี้ราคาเปลี่ยนไปอย่างไร นอกจากตัวเลขเฉยๆ แล้ว ต้องมีกลุ่มหนึ่งที่ให้ข้อมูล วิเคราะห์แนวโน้มขึ้นหรือลง คล้ายๆกับการเช็คราคาหุ้น
“ทำไมสังคมเรามีแต่หุ้น ทำไมไม่มีราคาสินค้า จะสังเกตว่า พวกพ่อค้ามีหอการค้า มหาวิทยาลัยหอการค้า มีทีมสนับสนุน แต่ชาวบ้านไม่มี ซึ่งก็เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะมาช่วยตรงนี้ ในการที่ไม่ให้ข้อมูลแค่เฉพาะตัวเลขดิบ เพราะหากให้เช่นนั้นชาวเขาก็ไม่เข้าใจอยู่ดี”