- Home
- Thaireform
- ในกระแส
- ‘ม็อบ’ ต้านโรงไฟฟ้าถ่านหินเขาหินซ้อน หวั่น มลพิษกระทบโครงการหลวง
‘ม็อบ’ ต้านโรงไฟฟ้าถ่านหินเขาหินซ้อน หวั่น มลพิษกระทบโครงการหลวง
หลังข้อเสนอไม่เดินหน้า “ชวลิต หงอเทียด” ยัน พื้นที่โดยรอบเป็นที่ดินเกษตรล้วนๆ แนะ ย้ายโรงไฟฟ้าถ่านหินไปสร้างในเขตนิคมอุตสาหกรรม ไม่มีชุมชนเหมาะสมกว่า
วันที่ 19 มีนาคม เครือข่ายภาคประชาชนจังหวัดฉะเชิงเทราและชลบุรี ยังคงปักหลักชุมนุมบริเวณที่ทำการอำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทราอย่างต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 14 มีนาคมที่ผ่านมา เพื่อต่อต้านโรงไฟฟ้าถ่านหินขนาด 540 เมกะวัตต์ ที่กำลังจะสร้างขึ้นบริเวณบ้านเขาแหลมจันทร์ ตำบลเขาหินซ้อน อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา หลังจากที่กลุ่มนายทุนได้นำเสนอรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบด้านสุขภาพ (อีเอชไอเอ) แล้วเสร็จ ก่อนส่งต่อไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
นายชวลิต หงอเทียด ผู้ประสานงานเครือข่ายภาคประชาชนจังหวัดฉะเชิงเทราและชลบุรี กล่าวว่า โรงไฟฟ้าถ่านหินพนมสารคาม เป็นหนึ่งในโครงการประมูลโรงไฟฟ้าเอกชน (ไอพีพี) ตามแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า 2550-2564 หรือแผนพีดีพี 2007 ซึ่งทางเครือข่ายได้มีการคัดค้าน พร้อมทั้งเดินทางไปที่รัฐสภาและศาลาว่าการจังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อเรียกร้องให้มีการย้ายโรงไฟฟ้าถ่านหินไปสร้างในพื้นที่ที่เหมาะสม อย่างเช่น ในเขตนิคมอุตสาหกรรมที่ไม่มีชุมชน เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งเป็นพื้นที่เกษตรกรรม
“รอบพื้นที่โรงไฟฟ้าถ่านหิน เป็นพื้นที่เกษตรล้วนๆ ทั้งสวนมะม่วง ไร่มันสำปะหลัง บ่อเลี้ยงกบ ฯ ประการสำคัญในรัศมี 5 กิโลเมตร ซึ่งเป็นเขตที่ได้รับผลกระทบรุนแรง ยังกินพื้นที่ของโครงการศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อน อันเนื่องมาจากพระราชดำริอีกด้วย แต่กลับพบว่า ในรายงานวิเคราะห์ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) ไม่ได้มีการระบุถึงพื้นที่โครงการพระราชดำริแต่อย่างใด ชาวบ้านจึงมีการรวบรวมรายชื่อกว่า 20,000 ชื่อ เพื่อคัดค้านอีไอเอฉบับดังกล่าว แต่ก็ไม่เป็นผล จึงเป็นที่น่าสงสัย
นายชวลิต กล่าวต่อว่า มลพิษจากการโรงไฟฟ้าถ่านหินจะกระทบต่อทุกครัวเรือนที่ตั้งบ้านเรือนอยู่ในพื้นที่ และตลอดเส้นทางที่มีการคมนาคมขนส่งถ่านหิน เนื่องจากฝุ่นผงจากถ่านหินจะเข้าสู่ปอด ด้วยการหายใจ สูดดม ขณะที่ระเบียบราชการซึ่งระบุถึงขีดจำกัดในการปล่อยมลพิษนั้น ไม่ได้คำนึงถึงการปล่อยซ้ำ ทำให้ส่งผลต่อปริมาณมลพิษที่สะสม ขณะเดียวกัน ชาวบ้านยังไม่มั่นใจว่า ผู้ประกอบการจะสามารถรักษามาตรฐานไว้ได้ เพราะที่ผ่านมามักทำดีเฉพาะช่วงแรกเท่านั้น
ส่วนข้อเรียกร้องที่ทางเครือข่ายเสนอนั้น นายชวลิต กล่าวว่า ต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะกระทรวงพลังงาน คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน รวมทั้งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เดินทางมารับข้อเสนอ เรื่องการย้ายพื้นที่ก่อสร้างโรงไฟฟ้า ตามข้ออ้างดังนี้ 1.เนื่องจากพื้นที่ก่อตั้งโรงไฟฟ้า ส่งผลกระทบต่อพื้นที่โครงการพระราชดำริ ซึ่งเป็นหน่วยงานวิจัยเกี่ยวกับพืชพันธุ์ ซึ่งเกี่ยวข้องโดยตรงกับการประกอบอาชีพเกษตรกรรมของชาวบ้าน 2.อาจเกิดผลกระทบต่อความมั่นคงทางด้านพลังงาน เพราะอาจมีกลุ่มผู้ต่อต้าน ไม่ทราบฝ่ายเข้าไปทำลายโรงไฟฟ้าได้
“สำหรับข้อเสนอดังกล่าว ขณะนี้ทางกระทรวงพลังงาน นำโดยนายวิทิต พิทยธาราธร พลังงานจังหวัดฉะเชิงเทรา เดินทางมารับหนังสือ และส่งต่อไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเป็นที่เรียบร้อย ส่วนคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบในพื้นที่โดยตรงได้เดินทางมารับหนังสือจากทางเครือข่ายฯ เช่นกัน ขณะที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ยังไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ”
นายชวลิต กล่าวถึงการขับเคลื่อนการชุมนุมต่อไปว่า ในวันจันทร์ที่ 21 มีนาคมนี้ หากไม่ได้รับการตอบสนองจากหน่วยงานที่ได้ยื่นข้อเสนอไปก่อนหน้านี้ ทางเครือข่ายจะยกระดับการชุมนุม โดยจะกระจายชาวบ้านไปตามจุดต่างๆ ทั่วจังหวัด เพื่อกดดันต่อไป ขณะเดียวกัน จะมีการยื่นถวายฎีกา โดยประสานงานกับองคมนตรีต่อไป