- Home
- Thaireform
- ในกระแส
- สสค. เผยสถานการณ์ความเหลื่อมล้ำ พบเด็กไทยด้อยโอกาสกว่า 13 ล้านคน
สสค. เผยสถานการณ์ความเหลื่อมล้ำ พบเด็กไทยด้อยโอกาสกว่า 13 ล้านคน
นพ.สุภกร เร่งปลดล็อกกลไกที่ติดขัด ชู "ชุมชนตึกแดง" พื้นที่ต้นแบบดูแลเด็กเร่ร่อน ด้านอมรวิทย์ ย้ำ คำตอบด้านการศึกษาอยู่ที่ชุมชนท้องถิ่น
วันที่ 2 เมษายน สำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้ (สสค.) เปิดตัวโครงการ “เด็กไทยคืนห้อง (เรียน)” เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาของเด็กและเยาวชน รวมทั้งประชากรที่ต้องการพัฒนาศักยภาพ ณ ชุมชนตึกแดง เขตบางซื่อ กรุงเทพฯ โดยมี นพ.สุภกร บัวสาย ผู้จัดการ สสค. และดร.อมรวิชช์ นาครทรรพ ที่ปรึกษาด้านวิชาการ สสค. ร่วมงาน
น.พ.สุภกร กล่าวว่า สถานการณ์ความเหลื่อมล้ำทางสังคมในปัจจุบัน พบว่า มีเด็ก เยาวชนและกลุ่มแรงงานขั้นต่ำที่ด้อยโอกาสทางสังคมจำนวน 13.8 ล้านคน ซึ่งสามารถจำแนกออกเป็น 5 กลุ่มด้วยกันคือ 1.กลุ่มเด็กนอกระบบทางการศึกษาประมาณ 2-3 ล้านคน 2.เด็กพิการทางกายและการเจริญเติบโตทางสมองจำนวน 1.7 ล้านคน 3.เด็กชนบทห่างไกลจำนวน 1.6 แสนคน 4.เด็ก เยาวชนที่ต้องคดีจำนวน 50,000 คน รวมทั้งที่พ้นจากการถูกควบคุมและต้องการพัฒนาทักษะอาชีพอีก 10,000 คนต่อปี และ 5.กลุ่มแรงงานขั้นต่ำจำนวน 8.8 ล้านคน ซึ่งส่วนใหญ่หลุดจากระบบการศึกษาตั้งแต่ระดับประถมศึกษา จึงต้องการพัฒนาศักยภาพเพื่อเพิ่มรายได้
“ทาง สสค. ได้เร่งแก้ไขปัญหาของกลุ่มเด็ก เยาวชนและประชาชนที่ด้อยโอกาส โดยจัดทำโครงการสร้างโอกาสทางการศึกษาและพัฒนาทักษะอาชีพ ซึ่งขั้นตอนดำเนินงาน จะมีการศึกษาข้อจำกัดของกลไกการทำงานที่มีอยู่เดิม พร้อมทั้งแก้ปัญหาดังกล่าว ขณะเดียวกัน จะสนับสนุนให้เกิดพื้นที่ต้นแบบ รวมทั้งพัฒนาระบบฐานข้อมูล เพื่อติดตามดูแลอีกด้วย”
น.พ.สุภกร กล่าวถึงชุมชนตึกแดง ที่มีกลุ่ม ซ.โซ่ อาสา เข้าไปร่วมทำงานในพื้นที่นั้น นับว่าเป็นการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบในการดูแลเด็กเร่ร่อน ที่ยังขาดระบบการจัดการดูแลอย่างทั่วถึง ขณะที่ตัวเลขอยู่ที่ 30,000 คนทั่วประเทศ แหล่งชุมชนแออัดที่มีจำนวนเด็กเร่รอนมากที่สุด พบว่า อยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร บริเวณสะพานพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ชุมชนคลองเตย ฯ
ขณะที่นายอมรวิทย์ กล่าวว่า ปัญหาหลักของเด็กและเยาวชนในสลัม มีทั้งปัญหาเด็กเร่รอน ติดยา เด็กยากจนพิเศษ เด็กในสถานพินิจ และแม่วัยรุ่น ขณะเดียวกัน เด็กยังถูกรังแกด้วยความไม่เท่าเทียมและความไม่เป็นธรรมทางการศึกษา ฉะนั้น เป้าหมายในการช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาสในปี 2554 จะต้องมีมาตรการทั้งด้านการป้องกัน แก้ไข เยียวยา และประกันความมั่นคงในอนาคต อาทิ กระจายความช่วยเหลือในกลุ่มเด็กยากจนพิเศษ พิการ สมาธิสั้น จัดโครงการนำร่อง 3-5 จังหวัด เพื่อช่วยประชากรวัยแรงงาน เป็นต้น
“อยากให้เรื่องเด็กไม่ใช่เรื่องการเมือง ไม่ใช่เรื่องฝ่ายค้านหรือรัฐบาล แต่ผู้ใหญ่ต้องทำเพื่อเด็กอย่างบริสุทธิ์ใจ ประการสำคัญ คำตอบที่ดีด้านการศึกษาจะต้องอยู่ที่ชุมชนท้องถิ่นที่จะต้องมีบทบาทในการจัดการศึกษาของตนเอง”