- Home
- Thaireform
- ในกระแส
- “สมพร” ชี้ นโยบายพัฒนาประเทศ ละเว้นมิติทางสังคมเกือบสิ้นเชิง
“สมพร” ชี้ นโยบายพัฒนาประเทศ ละเว้นมิติทางสังคมเกือบสิ้นเชิง
แนะผู้บริหารท้องถิ่น ไม่ผูกติดนักการเมือง พุ่งเป้าหมายที่ปชช. ฐานรากประเทศ สร้างความเป็นพลเมืองร่วมรับผิดชอบสังคม ด้าน อปท. ต้องเป็น รร. ประชาธิปไตยเบื้องต้นให้ชาวบ้าน
วันที่ 17 เมษายน นายสมพร ใช้บางยาง กรรมการสมัชชาปฏิรูป (คสป.) ในฐานะประธานคณะกรรมการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อการปฏิรูป ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับประเด็นการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น ผ่านรายการชั่วโมงปฏิรูป ทาง FM 100.5 ดำเนินรายการโดยนายภิญโญ ไตรสุริยะธรรม
นายสมพร กล่าวว่า สังคมไทยวันนี้จะต้องตั้งสติ และทบทวนกันใหม่ว่าปัญหาของบ้านเมืองจะปล่อยให้เป็นเรื่องของใครคนใดคนหนึ่งไม่ได้แล้ว และต้องย้อนคิดว่าเป็นความผิดของตนเองด้วยหรือไม่ที่ร่วมกันทำให้เกิดปัญหาเหล่านี้ขึ้น
“ในฐานะที่เราเป็นคนไทย เป็นเจ้าของอธิปไตยเราได้ทำอะไรเพื่อตัวเอง เพื่อสังคมบ้าง ที่ผ่านมาสังคมเราไม่ใช่สังคมที่สอนให้คนคิด เป็นสังคมที่ชอบโทษคนอื่น ที่สุดแล้วหากเรากลับมาพิจารณาจากความเป็นตัวตนของเราเอง จะทำให้มองเห็นความเป็นจริงในสังคมและเห็นทางออกของปัญหาว่าสุดท้าย เราเองที่จะต้องเป็นผู้แก้ เพราะเราคือเจ้าของประเทศ คือเจ้าของอำนาจอธิปไตย จะนิ่งดูดาย หรือไปโทษราชการ โทษฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ได้ อะไรที่ทำได้ และเกิดประโยชน์ต่อส่วนรวมก็ควรทำ”
นายสมพร กล่าวต่อว่า ในฐานะที่ประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจ สิ่งที่สามารถทำได้ขณะนี้ คนหนึ่ง เสียงหนึ่งจะต้องทำส่งต่อไปหลายๆ เสียงทุกอย่างจึงจะสามารถเกิดขึ้นได้ ทุกวันนี้มีหลายความคิด หลายพลังดีๆ แต่ยังติดอยู่กับความคิดที่ว่า “ธุระไม่ใช่”
“เราต้องคิดใหม่แล้วว่า “ธุระใช่” อะไรที่ทำให้สังคมเดือดร้อน จะปล่อยทิ้งไว้ไม่ได้ จะให้ใครมาทำลายบ้านเมืองไม่ได้ ทั้งนี้ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเองต้องแสดงบทบาทเป็นโรงเรียนประชาธิปไตยเบื้องต้นให้กับชาวบ้าน แต่ไม่ได้หมายความว่าทำวันนี้แล้วพรุ่งนี้จะมีการเปลี่ยนแปลง ที่สุดแล้วทั้งหมดที่กล่าวมา ต้องอาศัยการสร้างเครือข่ายให้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เริ่มต้นจากสร้างพลังความเป็นตัวตนของตนเองก่อน ทุกอย่างจึงอยู่ที่วิธีคิด สังคมไทยทุกวันนี้ต้องสอนให้รู้จักคิดเป็นระบบ และอยู่บนพื้นฐานความจริงตามหลักสากล”
กรรมการสมัชชาปฏิรูป กล่าวด้วยว่า ผู้บริหารท้องถิ่น หรือราชการต้องไม่ผูกติดกับนักการเมือง แต่ต้องผูกติดกับประชาชน เอาประชาชนเป็นเป้าหมาย เพราะประชาชนคือฐานที่ยิ่งใหญ่ของท้องถิ่น
“เมื่อท้องถิ่นเป็นส่วนหนึ่งของประชาชน จะแสดงถึงความเป็นพลเมือง และเมื่อมีความเป็นพลเมืองแล้ว ความรับผิดชอบในสังคมก็จะเกิด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องสร้างความมั่นใจว่าสามารถดูแลเป็นที่พึ่งของประชาชนและรักษาวัฒนธรรมวิถีชีวิตได้ แต่วันนี้คงยังทำไม่ได้ถึงขั้นนั้น เนื่องจาก งบประมาณยังน้อย อำนาจก็ยังถูกควบคุม อีกทั้งมีระเบียบกฎหมายที่จำกัดสิทธิอยู่ แต่ศักยภาพของท้องถิ่นก็ยังแสดงออกมาได้ในระดับหนึ่ง เพราะที่ผ่านมาหลายท้องถิ่นสามารถบริหารจัดการได้แม้ไม่มีเงินเลย แต่เอาประชาชนเป็นกำลัง”
นายสมพร กล่าวว่า สังคมไทยวันนี้ชัดเจนว่าต้องพุ่งน้ำหนักไปที่ส่วนท้องถิ่น ไปที่การกระจายอำนาจ และสิ่งที่สำคัญที่สุด คือ ต้องสร้างกระบวนการเรียนรู้ให้เกิดขึ้นกับสังคมมากขึ้น
“ที่ผ่านมานโยบายพัฒนาประเทศเราเน้นพัฒนาเศรษฐกิจเป็นส่วนใหญ่ ติดที่วัตถุ และนายทุน โดยละเว้นมิติทางสังคมเกือบจะสิ้นเชิง สังคมคือความเป็นชาติไทย ส่วนเศรษฐกิจ นายทุน หรือทุนนิยม แสดงถึงความเป็นชาติฝรั่งที่มุ่งเอาผลประโยชน์ของบ้านเรา ฉะนั้น จึงต้องสร้างกระบวนการเรียนรู้ และวิธีคิดให้เกิดขึ้นเร็วที่สุด”
นายสมพร กล่าวอีกว่า ความแตกต่าง แตกแยก และแบ่งฝ่ายในสังคมปัจจุบัน ไม่ใช่เรื่องของท้องถิ่น แต่เป็นความรู้สึกของส่วนรวม สังคมภาพรวม เราต้องสร้างจิตสำนึกของคนให้ผูกติดกับท้องถิ่น ผูกติดกับตัวตน ไม่ใช่ผูกติดกับการเมือง หรือสีนั้นสีนี้ ชุมชนจึงจะสามารถช่วยกันคิดและแก้ไขกันเองได้
“ที่สุดแล้วจะไม่มีสีใดๆ นอกจากสีความเป็นตัวตนของตัวเอง ส่วนสังคมภายนอกที่มาต่อสู้กันทุกวันนี้ แน่นอนว่ามีความรู้สึกที่แตกต่างกัน เรื่องของสี ของฝ่ายไม่ได้มาจากชาวบ้าน แต่เป็นประเด็นทางการเมือง และเป็นจิตสำนึกที่ต้องคิดเหมือนกันว่า สิ่งที่ทำลงไปเกิดประโยชน์ต่อสังคมส่วนรวมหรือไม่ ซึ่งผมก็คงไม่อาจจะสอนจระเข้ให้ว่ายน้ำได้”