- Home
- Thaireform
- ในกระแส
- กรมสุขภาพจิต เผยกรุงเทพฯ จุดบอดความสุข
กรมสุขภาพจิต เผยกรุงเทพฯ จุดบอดความสุข
กรมสุขภาพจิต เผยผลการสำรวจพบ ปชช.ทุกภาคมีค่าดัชนีความสุขเพิ่มขึ้น แต่กรุงเทพฯ ตรงกันข้ามมีความสุขต่ำลง ต้นเหตุการเป็นเมืองใหญ่ จราจร ประชากรแออัด มลภาวะสูง และเป็นพื้นที่ปะทะกันจากหลายๆ ฝ่าย
นายแพทย์อภิชัย มงคล อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวถึงผลการสำรวจดัชนีชีวัดความสุขของแต่ละจังหวัดในประเทศไทยที่เปิดเผยออกมาเมื่อเร็วๆ นี้ โดยพบว่า พังงาเป็นจังหวัดที่มีค่าดัชนีความสุขสูงสุด 2 ปีติดต่อกัน ว่า หากเปรียบเทียบจังหวัดใกล้เคียงกันอย่าง พังงาและภูเก็ต สังเกตว่า ภูเก็ตเป็นเมืองที่มีความเจริญและมีความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจสูงกว่าพังงามาก แต่เมื่อสำรวจเชิงลึกแล้ว ประชากรในเมืองภูเก็ตไม่ได้เป็นเจ้าของที่ดินเอง ประกอบกับการมีธุรกิจขนาดใหญ่หลายอย่างทำให้เมื่อเทียบกับพังงา ซึ่งส่วนใหญ่ประชากรมีที่ดินเป็นของตัวเองและเป็นเมืองที่สงบ จึงเป็นปัจจัยทำให้พังงาเป็นจังหวัดที่มีค่าดัชนีความสุขสูงสุด
อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า ผลการสำรวจพบว่าประชาชนในทุกภาคมีค่าดัชนีความสุขเพิ่มขึ้น แต่กรุงเทพมหานครกลับมีค่าดัชนีที่ต่ำลงเรื่อยๆ ซึ่งมองว่า น่าจะมาจากปัจจัยคล้ายกับการเปรียบเทียบภูเก็ตและพังงา คือ สภาพของกรุงเทพฯทั้งด้านการเป็นเมืองใหญ่ การจราจรที่แออัด มลภาวะ สุขภาวะ จำนวนประชากร กลายเป็นปัจจัยทำให้กรุงเทพฯกลายเป็นจุดบอดของประเทศไทยด้านความสุข
“กรุงเทพฯ เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าเป็นเมืองที่มีความเจริญมากที่สุดของประเทศ ในทางกลับกันก็เป็นพื้นที่ของการปะทะกันจากหลายๆ ฝ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มักจะมีการเปรียบเทียบระหว่างฐานะและความเป็นอยู่หรือความเหลื่อมล้ำ เช่น มีรถยนต์ขับราคา5แสนบาท แต่ก็มักเอาไปเปรียบเทียบกับคนที่ขับรถยนต์ ราคา30ล้านบาท เป็นต้น กลายเป็นว่าคนกรุงเทพฯมีความสุขลดลง เพราะสนใจแต่จะเทียบกับผู้อื่น ขาดความพอใจในสิ่งที่มี”
สำหรับเกณฑ์การสำรวจดัชนีความสุขนั้น อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า แต่ละประเทศหรือแต่ละองค์กรมีเกณฑ์การวัดผลทั้งต่างและคล้ายกัน ขึ้นอยู่กับสิ่งที่ต้องการวัดผล สำหรับประเทศไทยมีเกณฑ์วัดผลของตนเองโดยสามารถวัดผลในเชิงลึกและเหมาะสำหรับประเทศไทย ต่างจาการวัดผลของต่างประเทศที่สำรวจวัดผลเพียงแค่เล็กน้อยจึงนำมาแปรผล
“เรื่องดัชนีชี้วัดความสุขและนิยามความก้าวหน้าของประเทศ มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกัน ต้องมองว่า เรื่องของความสุขเป็นส่วนหนึ่งของความก้าวหน้าและเป็นปัจจัยสำคัญ คนไทยให้ความสำคัญต่อชีวิตด้านสุขภาพมากที่สุดถึงร้อยละ74 ซึ่งอาจหมายถึงการมีสุขภาพที่ดีก็เป็นความสุขได้เช่นกัน” นพ.อภิชัย กล่าว และว่า ประเทศไทยจะวัดผลเชิงลึกโดยมองไปถึงเรื่องคุณค่าชีวิต สิ่งแวดล้อม ความเป็นอยู่ วัฒนธรรม ขณะที่ต่างประเทศเลือกที่จะวัดจากดัชนีมวลรวมประชาชาติ (จีดีพี) หรืออาจเลือกวัดผลจากความพึงพอใจของประชากรเท่านั้น ทำให้เกิดภาพว่า ความก้าวหน้าวัดได้จากจีดีพี แต่ความสุขไม่ได้ใช้จีดีพีวัดเพียงอย่างเดียว