- Home
- Thaireform
- ในกระแส
- ผลสำรวจ CSI พบปชช. 75% เชื่อสถานการณ์คอร์รัปชั่นไทยรุนแรงขึ้น
ผลสำรวจ CSI พบปชช. 75% เชื่อสถานการณ์คอร์รัปชั่นไทยรุนแรงขึ้น
ประชุม ภตค. มีมติตั้ง “ดุสิต” นั่งเก้าอี้ปธ.เครือข่ายฯ เร่งเดินหน้าต่อต้านคอร์รัปชั่นให้เป็นรูปธรรม ติดตามคำสัญญาพรรคการเมือง พร้อมแถลงผลสำรวจ CSI พบสถานการณ์แย่ลงจาก ธ.ค. ปีที่แล้ว ร้อยละ 3.5 เหลือ 3.4 ในมิ.ย.ปีนี้
วันที่ 29 มิถุนายน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หอการค้าไทยและสภาหอการค้าไทย ร่วมกับภาคีเครือข่าย 23 องค์กร จัดประชุมภาคีเครือข่ายต่อต้านคอร์รัปชั่น (ภตค.) ครั้งที่ 2/2554 และแถลงผลสำรวจดัชนีสถานการณ์คอร์รัปชั่น (CSI) ช่วงระหว่างเดือนพฤษภาคมถึงเดือนมิถุนายนปีนี้ โดยมี นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) นายดุสิต นนทะนาคร ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย นายสมพล เกียรติไพบูลย์ ประธานตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย นางเสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ และดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ร่วมแถลง
นายพยุงศักดิ์ กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้ ได้ข้อสรุปว่า จะทำเรื่องการต่อต้านคอร์รัปชั่นให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น ต้องการความร่วมมือ พร้อมใจกันของทุกฝ่าย โดยเฉพาะกลุ่มสื่อสารมวลชน ที่ต้องทำให้สื่อเกิดความ “สว่าง” เช่นการให้พื้นที่สื่อในการให้ข้อมูลเกี่ยวกับการต่อต้านคอร์รัปชั่น เพราะสื่อมีบทบาทสำคัญในการทำให้ข่าวสารต่างๆ ออกไปในมุมกว้างสู่ประชาชน ให้เกิดความเข้าใจอย่างต่อเนื่องทุกระดับ
“ในกลุ่มของเยาวชน ประชาชนต้องมีการปลูกฝังด้านจิตสำนึก ให้ตระหนักถึงผลร้ายต่อประเทศชาติ ซึ่งต้องทำทั้งระยะกลางและระยะยาวควบคู่กันไป กำลังหาแนวทางให้มีการกระจายแนวความคิดเหล่านี้ไปสู่นักศึกษา และนักเรียน ทั้งนี้ ที่ประชุมมีเป้าหมายเลือกนายดุสิต นนทะนาคร ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เป็นประธานเครือข่ายภาคี 23 องค์กร”
ขณะที่นายดุสิต กล่าวว่า ภายหลังที่พรรคการเมืองทั้งหลายตอบรับต่อข้าเรียกร้องของภาคีเครือข่าย 23 องค์กรและได้พบว่าการคอร์รัปชั่นเป็นหัวใจสำคัญในการบริหารประเทศต่อไปข้างหน้า รัฐบาลที่จะเข้ามาบริหารประเทศชาติต่อไป จะต้องเตรียมบริหารจัดการเรื่องคอร์รัปชั่นให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น
“จะติดตามสิ่งที่พรรคการเมืองต่างๆ ได้ให้คำมั่นสัญญาไว้ ว่าจะดำเนินการจริงหรือไม่ ดำเนินการอย่างไร และจะนำข้อติดตามเหล่านั้นมาแจ้งให้ประชาชนรับทราบ แม้ตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นของประชาชนจะยังไม่น่าพอใจมากนัก แต่เชื่อมั่นว่าจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้นในอนาคต เพราะไม่ได้หวังว่าคอร์รัปชั่นจะหมดลงในเวลาอันสั้น ทั้งนี้ ต้องสร้างความเข้มแข็งให้กับภาคีเครือข่ายฯ และติดตามความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง โดยติดตามได้จากผลงานของรัฐบาลใหม่ ที่จะบ่งชี้ให้เห็นว่า ให้ความสำคัญในการลดปัญหาการคอร์รัปชั่นหรือไม่เพียงใด”
ด้านนางเสาวนีย์ กล่าวถึงผลสำรวจดัชนีสถานการณ์คอร์รัปชั่น (CSI) ระหว่างเดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายนปีนี้ว่า ครั้งนี้เป็นดัชนีที่ทำเป็นครั้งที่ 2 โดยสำรวจ 2,133 ตัวอย่างทั่วประเทศ จากกลุ่มเป้าหมาย 3 กลุ่ม ได้แก่ ผู้ประกอบการ ประชาชน ข้าราชการและภาครัฐ ทำการสำรวจ 3 ประเด็น คือ 1.ความรุนแรงของปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น 2.ทัศนคติและจิตสำนึกของคนในสังคมต่อการทุจริตคอร์รัปชั่น 3.ประสิทธิภาพการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่น ซึ่งประกอบไปด้วย การป้องกัน การปราบปรามและการปลูกจิตสำนึกของประชาชนต่อการทุจริตคอร์รัปชั่น
ด้านความรุนแรงของปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 75 ระบุว่า เดือนมิถุนายนนี้เห็นว่าจะมีความรุนแรงมากขึ้นกว่าเดือนธันวาคมปีที่แล้ว และร้อยละ 70 เห็นว่า ปัญหานี้จะรุนแรงต่อเนื่องไปในปีหน้า อย่างไรก็ตามมีแนวโน้มที่ดีว่า สัดส่วนผู้ที่เห็นว่าปัญหาคอร์รัปชั่นเป็นเรื่องไกลตัวไม่เกี่ยวกับตัวเองโดยตรงมีสัดส่วนลดลงจาก ร้อยละ 31 ในเดือนธันวาคมปีที่แล้ว เหลือร้อยละ 16 ในเดือนมิถุนายนนี้
ขณะที่ด้านทัศนคติและจิตสำนึกต่อการทุจริตคอร์รัปชั่น ประชาชนร้อยละ 61 ไม่เห็นด้วยกับการที่รัฐบาลทุจริตคอร์รัปชั่น แต่มีผลงานและทำประโยชน์ให้สังคมเป็นเรื่องที่รับได้ ประชาชนร้อยละ 59 ไม่เห็นด้วยกับการให้สินน้ำใจ (เงินพิเศษ) เล็กๆ น้อยๆ แก่เจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นเรื่องไม่เสียหาย
ส่วนด้านประสิทธิภาพการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่น ประชาชนร้อยละ 70 พร้อมที่จะแจ้งและรายงานเบาะแสเมื่อมีการทุจริตคอร์รัปชั่น และร้อยละ 43 เห็นว่า รัฐบาลปัจจุบันไม่มีประสิทธิภาพในการต่อต้านคอร์รัปชั่น ส่วนร้อยละ 44 เห็นว่ามีประสิทธิภาพปานกลาง
สำหรับความเชื่อมั่นในประสิทธิภาพของประชาชนและองค์กรอิสระอื่นๆ ที่ทำหน้าที่ต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่น ได้คะแนนสอบผ่านที่ 5.77 จากคะแนนเต็ม 10 ส่วนความเชื่อมั่นต่อสมาคมภาคธุรกิจ เช่น หอการค้าไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เป็นต้น ได้คะแนน 5.67 ด้านความเชื่อมั่นต่อสื่อมวลชนได้คะแนน 5.75 ความเชื่อมั่นต่อผู้ประกอบการได้คะแนน 5.40 ในขณะที่ความเชื่อมั่นภาคประชาชนได้คะแนน 5.81
“โดยสรุปคิดว่าสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น แต่คนมีความหวังว่าในอนาคตจะดีขึ้น เนื่องจากเรามีภาคีเครือข่ายที่มีจิตสำนึกของคนที่เห็นการต่อต้านคอร์รัปชั่นดีขึ้น และเรื่องการปราบปรามคอร์รัปชั่นคนก็มั่นใจมากขึ้น ส่วนเรื่องการป้องกันนับว่ายังทรงตัว”
ขณะที่ดร.ธนวรรธน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ดัชนีปัญหาและความรุนแรงของการคอร์รัปชั่นในปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 3.2 แต่แนวโน้มในอนาคตความรุนแรงอยู่ที่ร้อยละ 2.6 หมายความว่า ประชาชนและทุกภาคส่วนเห็นว่าถ้าไม่มีการทำอะไร คอร์รัปชั่นจะหนักขึ้น รุนแรง แต่ในมิติสร้างการตระหนักรู้และป้องกันปราบปราม พบว่า ประชาชนมีความหวังมากขึ้น ดังนั้น การตระหนักรู้และการกรอบของการสร้างเครือข่ายและดัชนีในอนาคตมีการปรับตัวดีขึ้น และจะทำให้มีมุมมองในการป้องกัน ปราบปรามทำได้ดีขึ้น
“หลังจากรัฐบาลใหม่เข้ามา คาดการณ์ว่า เมื่อมีการสำรวจอีกครั้งดัชนีคอร์รัปชั่นจะดีขึ้นในเชิงของการป้องกัน ปราบปราม สร้างการตระหนักรู้ แม้ปัญหาคอร์รัปชั่นจะค่อยๆ ขยับลดลงไป แต่ดัชนีเกี่ยวกับการป้องกัน ปราบปรามและขับเคลื่อนเรื่องปัญหาคอร์รัปชั่นจะดีขึ้น”