- Home
- Thaireform
- ในกระแส
- “สมพล” เปรียบคอร์รัปชั่นเมืองไทยสารพัดโรค หมอต้องร่วมกันรักษา
“สมพล” เปรียบคอร์รัปชั่นเมืองไทยสารพัดโรค หมอต้องร่วมกันรักษา
ที่ปรึกษา ภตค. แจงภาคีเครือข่ายฯ เริ่มต้นดี รบ.ได้ผูกพัน ให้คำสัญญาต่อต้านคอร์รัปชั่นอย่างจริงจังตามนโยบายเร่งด่วน เผยเดินเครื่องต่อ เน้นเชิงรุก จับตาโครงการรัฐใช้เงินแบบ “ฆ่าช้างเอางา”
นายสมพล เกียรติไพบูลย์ ประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ต.ล.ท.) และที่ปรึกษาภาคีเครือข่ายต่อต้านคอร์รัปชั่น (ภตค.) ให้สัมภาษณ์กับศูนย์ข้อมูลข่าวสารปฏิรูปประเทศไทยถึงการต่อต้านทุจริตคอร์รัปชั่นในภาคเอกชน และแนวทางการขับเคลื่อนต่อไปของภาคีเครือข่ายฯ ภายหลังที่ได้จัดกิจกรรมเดินรณรงค์ “รวมพลังต่อต้านคอร์รัปชั่น” ณ สวนลุมพินี เมื่อวันอาทิตย์ (25 ก.ย.) ที่ผ่านมา
นายสมพล กล่าวว่า ที่ผ่านมาภาคีเครือข่ายต่อต้ายคอร์รัปชั่นได้ดำเนินการเรื่องใหญ่ๆ มา 2 เรื่อง คือ ในช่วงเดือนมิถุนายน ที่เป็นการเปิดตัวภาคีเครือข่ายฯ และเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องมาประชุมสัมมนากัน ถือเป็นการเปิดตัวที่ยิ่งใหญ่ครั้งหนึ่ง และการเดินรณรงค์ต่อต้านคอร์รัปชั่นเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งได้รับความสนใจจากภาคีฯ เกินความคาดหมาย โดยสิ่งที่มีความภาคภูมิใจอย่างยิ่ง คือ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน และพล.อ.ธีรเดช มีเพียร ประธานวุฒิสภา ฝ่ายนิติบัญญัติได้มาร่วมรณรงค์และร่วมปฏิญาณด้วย
“นับเป็นจุดเริ่มต้นการขับเคลื่อนที่ดี และเป็นเรื่องที่รัฐบาลได้ผูกพัน ให้คำมั่นสัญญากับประชาชนไว้ จะดำเนินการต่อต้านคอร์รัปชั่นในทุกรูปแบบอย่างจริงจัง ตามที่รัฐบาลได้กำหนดไว้เป็น 1 ใน 7 มาตรการหลักของรัฐบาล” นายสมพล กล่าว
สำหรับการทำงานของภาคีเครือข่ายฯ ที่ผ่านมานั้น ที่ปรึกษา ภตค. กล่าวว่า เรื่องที่ให้ความสำคัญ คือ การยกเรื่อง “การจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐ” ที่ถือว่าเป็นจุดรั่วไหลหรือจุดที่ก่อให้เกิดการทุจริตคอร์รัปชั่นที่สำคัญในภาครัฐและภาคเอกชน, ได้หารือกับหน่วยงานกำกับภาครัฐ เช่น ป.ป.ช. สตง. ป.ป.ท. รวมทั้งกระทรวงการคลังที่เป็นผู้ออกระเบียบการจัดซื้อจัดจ้าง ว่าจะอุดช่องโหว่เหล่านี้อย่างไร รวมไปถึงหารือโครงการต่างๆ ของภาครัฐ ที่ใช้เงินจำนวนมากสร้างขึ้น มีขบวนการทุจริตคอร์รัปชั่นอยู่ด้วย ซึ่งโครงการเหล่านั้นเมื่อสร้างเสร็จแล้วกลับไม่ได้ใช้ประโยชน์คุ้มค่ากับเม็ดเงินที่ลงไป เรียกว่า “ฆ่าช้างเอางา”
นายสมพล กล่าวอีกว่า ประเทศไทยมีงบประมาณเพื่อการพัฒนา หรือสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐานไม่มาก แต่ก็ยังถูกฉกฉวยไปก่อสร้างในลักษณะที่ไม่ได้ใช้ผลประโยชน์คุ้มค่า แม้แต่การก่อสร้างที่ไม่ได้มาตรฐานตามเม็ดเงินที่กำหนดไว้ เนื่องจากมีการทุจริตคอร์รัปชั่น และจะต้องใช้เงินงบประมาณอีกจำนวนมหาศาลไปในการซ่อมบำรุงรักษา
ที่ปรึกษา ภตค. กล่าวถึงสิ่งที่เป็นรูปธรรมในการดำเนินงานของภาคีเครือข่ายฯ ต่อจากนี้จะผลักดันให้มี 1.กระบวนการเปิดเผยข้อมูลในการจัดซื้อจัดจ้างที่ชัดเจน ลบคำว่า “ล็อคสเปค” ออกให้ได้ 2.กระบวนการตรวจรับต้องมีมาตรฐาน 3.เมื่อสร้างเสร็จแล้วต้องมีช่วงเวลาค้ำประกันคุณภาพ แต่ทั้งหมดนี้ก็ขึ้นอยู่กับความเอาจริงเอาจังของกระบวนการตรวจสอบและการบังคับใช้กฎหมายด้วย
“ทุจริตคอร์รัปชั่นเป็นเรื่องที่ใหญ่มาก และเรื้อรัง กัดกร่อนการเจริญเติบโตของประเทศ ซึ่งในระดับโลกลำดับการคอร์รัปชั่นของไทยอยู่ในลำดับที่ 78 จาก 178 และในเอเชียเราอยู่ในลำดับที่ 14 จาก 33 ประเทศ นับว่า แย่อยู่แล้วในสายตาต่างประเทศ” ที่ปรึกษา (ภตค.) กล่าว และว่า ดังนั้นการแก้ไขต้องเริ่มที่ 1.แก้ปัญหาผู้ใช้อำนาจของรัฐ (นักการเมือง ข้าราชการ องค์กรรัฐวิสาหกิจหรือองค์กรมหาชน) ที่มีการได้มาอย่างไม่ถูกต้องชอบธรรม ต้องไม่ยอมรับหรือนิ่งเฉยกับคำกล่าวที่ว่า ส.ส. ได้มาจากการซื้อเสียงก็ต้องมาถอนทุน 2.กำหนดขอบเขตอำนาจของผู้มาใช้อำนาจต้องเป็นไปอย่างเหมาะสม มีการถ่วงดุลการใช้อำนาจซึ่งกันและกัน ไม่ให้มีการใช้อำนาจอย่างเตลิดเปิดเปิง 3.มีระบบตรวจสอบที่เข้มงวด ทั้งตรวจสอบภายในและภายนอก 4.การบังคับใช้กฎหมาย ไม่เลือกที่รักมักที่ชัง 5.เปิดเผยและประจารคนที่มีความผิดให้สังคมรับรู้ แม้ในอดีตจะมีนักการเมืองและข้าราชการติดคุกอยู่บ้าง แต่เป็นพวกปลาซิวปลาสร้อย
นายสมพล กล่าวด้วยว่า ปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นเหมือนกับ “โรค” ที่อยู่ในร่างกาย ถ้าจะแก้ไขต้องให้หมอที่ชำนาญการทุกด้านมาช่วย จะใช้หมอคนเดียวมารักษาโรคทุกชนิดย่อมไม่ได้ หรือได้ก็นานมากจนคนไข้ 'ตาย' ไปก่อน
“ภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชนจะต้องเข้ามาร่วมกัน โดยเฉพาะสื่อที่ต้องเข้ามาร่วมมือกันอย่างเต็มที่ มาประจารคนที่ไม่ดี การแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นเป็นเรื่องระยะยาวที่ต้องเริ่มทำ เริ่มสร้างเยาวชนอย่างที่กรุงเทพมหานครได้สร้างโครงการ “โตไปไม่โกง” ให้ฝังเข้าไปในเด็กและเยาวชน ซึ่งอาจต้องใช้เวลา 5 ปี 10 ปี หรือ 20 ปีแต่ก็ต้องทำและทำคู่ขนานไป”
ติดตามบทสัมภาษณ์ฉบับเต็ม พร้อมคลิปวีดีโอได้ที่นี่เร็วๆ นี้