- Home
- Thaireform
- ในกระแส
- "ผู้ประสบภัย"ชี้ข้อดีศูนย์พักพิง ช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย-เก็บเงินไว้ลงทุนหลังน้ำลด
"ผู้ประสบภัย"ชี้ข้อดีศูนย์พักพิง ช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย-เก็บเงินไว้ลงทุนหลังน้ำลด
ผู้ประสบภัย ย้ำ เงินช่วยเหลือน้ำท่วม รบ.ต้องจ่ายให้เท่ากันทุกคน เชื่อเป็นยาดีเรียกขวัญ-กำลังใจ ขณะที่ตัวเลข 5,000 บาท ชาวบ้านเผยยอมรับได้-เข้าใจดี ผู้เดือดร้อนมีจำนวนมาก
วันที่ 1 พฤศจิกายน “ศูนย์ข้อมูลข่าวสารปฏิรูปประเทศไทย” ได้ลงพื้นสัมภาษณ์ผู้ประสบภัยในศูนย์พักพิงมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ซึ่งเป็นสถานที่หนึ่งในหลายแห่งของกรุงเทพฯ ที่ถูกดัดแปลงให้เป็นศูนย์พักพิง โดยนายทวีศักดิ์ ภาษิต เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลเจ้าพระยา หนึ่งในผู้ประสบภัยจากหมู่บ้านมั่นคง ตำบลบางสีทอง อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี ที่อพยพมายังศูนย์ฯ พร้อมภรรยาและบุตรอีก 3 คน กล่าวว่า ก่อนที่จะตัดสินใจย้ายเข้ามายังศูนย์พักพิง มรภ.สวนสุนันทา ตนและครอบครัวได้ย้าย
ที่อยู่มาแล้วถึง 3 ครั้ง นั่นคือ จากบ้านที่บางกรวย ย้ายออกมาอยู่บ้านเช่า แต่สุดท้ายน้ำก็ท่วมอีก จนต้องย้ายไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราวที่ศูนย์ฝึกอาชีพบางพลัดเก่า กระทั่งในที่สุดก็ย้ายมาจบลงที่ศูนย์ฯ แห่งนี้ เนื่องจากต้องการหาที่พักที่อยู่ใกล้โรงพยาบาล เนื่องจากลูกคนกลางป่วย
“เราย้ายที่พักหลายครั้ง ลูกก็มีถามบ้างว่าย้ายทำไม ผมก็อธิบายไปว่า น้ำท่วมการเดินทางเข้าออกบ้านไม่สะดวก ถึงย้ายหลายครั้งก็ต้องอดทน ส่วนเด็กๆ ก็มีบ่นบ้างว่าอยากกลับบ้าน เพราะที่ศูนย์พักพิงไม่มีพื้นที่สำหรับวิ่งเล่นเหมือนกับที่บ้าน" นายทวีศักดิ์ กล่าว และว่า อย่างไรก็ตาม สภาพความเป็นอยู่ในศูนย์พักพิงแห่งนี้ก็นับว่าสะดวกสบาย เพราะสถานที่พักไม่แออัด มีห้องอาบน้ำ มีอาหารและสาธารณูปโภคในการอำนวยความสะดวก
ส่วนสิ่งที่อยากให้รัฐบาลช่วยเหลือหลังจากนี้ นายทวีศักดิ์ กล่าวว่า คงเป็นเรื่องเงินช่วยเหลือ เพราะการย้ายที่อยู่อาศัยในช่วงที่ผ่านมา ทำให้เสียค่าใช้จ่าย 2 ทาง ทั้งค่าผ่อนบ้าน และค่าบ้านเช่าที่หวังจะใช้เป็นที่พักพิง
ด้านผู้ประสบภัยอีกรายหนึ่งจากหมู่บ้านภาณุ อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี กล่าวว่า ตนพร้อมภรรยาและลูก ได้ตัดสินใจย้ายเข้ามาอยู่ที่ศูนย์พักพิงแห่งนี้ตั้งแต่วันที่ 25 ตุลาคม เนื่องจากอยู่ใกล้บ้าน อีกทั้งก่อนหน้านี้ได้พยายามหาห้องเช่าชั่วคราว แต่ก็ไม่มีที่ใดว่าง
“ศูนย์อพยพก็มีความสะดวกสบายดี มีห้องน้ำและห้องอาบน้ำ ถึงแม้ในบางครั้งจะรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย เนื่องจากไม่ใช่บ้าน ไม่ค่อยมีความเป็นส่วนตัว แต่ก็ต้องปรับสภาพให้ได้ อย่างไรก็ตาม การย้ายมาอยู่ในศูนย์พักพิงก็เป็นการช่วยประยัดค่าใช้จ่ายได้อีกทาง ทำให้หลังน้ำลดมีเงินเหลือไว้เป็นทุนต่อไป”
ผู้ประสบภัยรายนี้ กล่าวอีกว่า เหตุการณ์น้ำท่วมครั้งนี้ ทำให้ธุรกิจการขายส่งอะไหล่รถจักรยานยนต์ของตนต้องหยุดชะงักลงแต่ความเสียหายคงไม่มากนัก เนื่องจากอะไหล่ได้ถูกขนย้ายขึ้นไว้พื้นที่ชั้น 2 ของบ้านแล้ว เหลือแต่เพียงรถยนต์ รวมถึงเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้านที่จมน้ำอยู่ ซึ่งคาดว่าความเสียหายดังกล่าวจะมูลค่าหลายหมื่นบาท แต่ทั้งนี้ ก็ไม่ได้กระทบกับความเป็นอยู่มากนัก เพราะยังพอมีเงินเก็บสำรองอยู่ แต่อย่างไรก็ตาม หลังน้ำลด รัฐบาลควรให้เงินช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัยไม่มากก็น้อย เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ ขณะเดียวกันควรให้ในจำนวนที่เท่ากัน เพื่อความยุติธรรมแก่ผู้เดือดร้อนทุกคน
ขณะที่นางสาวอัญชลี ระลึกมูล อาชีพค้าขายเสื้อผ้า ซึ่งย้ายเข้ามาในศูนย์พักพิงดังกล่าว เมื่อกลางดึกของวันที่ 31 ตุลาคมที่ผ่านมา หลังจากระดับน้ำในซอยจรัญสนิทวงศ์ 78 เขตบางพลัด กรุงเทพฯ เพิ่มขึ้นสูงเกือบ 2 เมตร กล่าวว่า ตนและญาติพี่น้อง ซึ่งประกอบด้วยเด็กและผู้สูงอายุ รวม 11 คน ตัดสินใจลอยคอออกจากพื้นที่ดังกล่าว เพื่อเข้ามาพักอาศัยในศูนย์พักพิงแห่งนี้ เนื่องจากเป็นศูนย์ฯ ที่อยู่ใกล้บ้าน ซึ่งน่าจะทำให้มีโอกาสได้กลับเข้าไปดูบ้านได้บ้าง ขณะที่ความเป็นอยู่ในศูนย์พักพิงก็มีความสะดวกสบาย ทั้งเรื่องอาหาร สถานที่ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ที่พูดจาไพเราะและให้การดูแลเป็นอย่างดี
เมื่อถามว่า สถานการณ์น้ำท่วมส่งผลต่อการประกอบอาชีพหรือไม่ น.ส.อัญชลี กล่าวว่า ก็มีบ้างเล็กน้อย แต่ก็พออยู่พอกิน อีกทั้งเมื่อเข้ามาอยู่ในศูนย์พักพิงก็ไม่ได้เลยค่าใช้จ่ายอะไร ก็น่าจะอยู่ได้ ส่วนเรื่องที่จะให้รัฐบาลเข้ามาช่วยเหลือนั้น ตนและครอบครัวเห็นว่า หากรัฐบาลจะให้เงินช่วยเหลือตามที่ประกาศครอบครัวละ 5,000 บาทก็ยอมรับได้ เพราะเข้าใจว่า ผู้ที่เดือดร้อนมีจำนวนมาก เพียงแต่กังวลว่า ผู้ที่ไม่มีบ้านเป็นของตนเอง เช่าบ้านอยู่จะได้รับการช่วยเหลือด้วยหรือไม่
ทั้งนี้ มติคณะรัฐมนตรี ประจำวันที่ 1 พฤศจิกายน 2554 เห็นชอบมาตรการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย (เพิ่มเติม) โดยการช่วยเหลือประชาชนทั่วไปที่ได้รับผลกระทบ ในส่วนของศูนย์พักพิงผู้ประสบภัย เห็นชอบให้กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ร่วมกันปรับปรุงรูปแบบให้เป็นศูนย์พัฒนาฝีมือและคุณภาพชีวิตชั่วคราว โดยจัดบริการเบ็ดเสร็จให้ความช่วยเหลือ ด้านอาหาร เครื่องอุปโภคบริโภค การดูแลสุขภาพให้บริการทางการแพทย์ การเยียวยาจิตใจและจัดให้มีกิจกรรมที่เหมาะสมกับแต่ละกลุ่มวัย รวมทั้งเร่งการฝึกอบรมอาชีพระยะสั้นที่เป็นประโยชน์และตรงตามความต้องการของประชาชนเพื่อนำไปประกอบอาชีพและสร้างรายได้ต่อไป
โดยให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ประสานกับกระทรวงแรงงานและกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนและกำหนดหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนในการรับฝึกอบรมเฉพาะประชาชนที่พักอยู่ในศูนย์พักพิงผู้ประสบภัย โดยไม่นับรวมผู้ที่เดินทางไป–กลับ ทั้งนี้ ในระหว่างที่ฝึกอบรมอาชีพผู้เข้ารับการฝึกอบรมจะได้รับเบี้ยเลี้ยง 120 บาทต่อวัน และหากประสงค์จะทำงานต่อจะจัดหางานให้ทำต่อในศูนย์พักพิง เช่น ทำอาหาร ดูแลเด็ก ผู้สูงอายุและผู้พิการ เป็นต้น โดยได้รับค่าจ้างตามอัตราขั้นต่ำของแต่ละพื้นที่ รวมทั้งหางานอาชีพให้ทำนอกศูนย์พักพิงที่มีตำแหน่งงานว่างอยู่กว่า 30,000 ตำแหน่ง
อีกทั้ง ในส่วนของผู้ประสบภัยที่บ้านเรือนพังหรือเสียหาย ในพื้นที่ซึ่งน้ำลดแล้ว ครม. เห็นชอบให้กระทรวงมหาดไทยเร่งสำรวจความเสียหายเพื่อจัดงบประมาณช่วยเหลือผู้ได้รับความเสียหาย ซึ่งจะได้รับความช่วยเหลือไม่เกินครอบครัวละ 30,000 บาท และประสานการช่วยเหลือในรูปแบบอื่นๆ เช่น การรวมพลังช่วยเหลือกันในชุมชน และการจัดกิจกรรมเพื่อสังคมของภาคเอกชนเพื่อซ่อมสร้างบ้าน เป็นต้น