- Home
- Thaireform
- ในกระแส
- ส.ว.กทม. ซัด คนจมน้ำ-ชาวบ้านลำบาก รบ.จ้องเขมือบงบฯ ‘นิวไทยแลนด์’
ส.ว.กทม. ซัด คนจมน้ำ-ชาวบ้านลำบาก รบ.จ้องเขมือบงบฯ ‘นิวไทยแลนด์’
“รสนา” ชี้ยุทธการบริหารน้ำภาครัฐแบบตั้งรับ-ถอยหนี ทำสังคมพ่ายแพ้กระเจิดกระเจิง- ปชช.ลำบากเดือนร้อน อัด “ปลอดประสพ” จ้อแต่ปล่อยทิ้งฝั่งธนฯ ตามธรรมชาติ ทั้งที่เครื่องสูบที่มี ยังทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ
วันที่ 4 พฤศจิกายน นางรสนา โตสิตระกูล สมาชิกวุฒิสภากรุงเทพมหานคร กล่าวกับ "ศูนย์ข้อมูลข่าวสารปฏิรูปประเทศไทย” ถึงความคืบหน้ากรณีนำอุปกรณ์ผลักดันน้ำภูมิปัญญาชาวบ้านไปติดตั้งบริเวณคลองพระยาราชมนตรีตัดกับบางบอน เพื่อผลักน้ำไปจนถึงสถานีสูบน้ำคลองพระราชมนตรี และสูบออกอ่าวไทยผ่านจังหวัดสมุทรสาครและจังหวัดสมุทรปราการ ตั้งแต่วันที่ 30 ตุลาคมที่ผ่านมาว่า ขณะนี้ได้ติดตั้งอุปกรณ์ผลักดันน้ำในบริเวณดังกล่าวไปแล้ว 2 ตัว ซึ่งข้อมูลจากสำนักงานระบายน้ำ บางบอน พบว่า วันที่ 30 ต.ค. ปริมาณน้ำในคลองสูงขึ้น 0.30 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง (รทก.), วันที่ 31 ต.ค. ปริมาณน้ำสูงขึ้น 0.33 เมตรจาก รทก. วันที่ 1 พ.ย. สูงขึ้น 0.37 เมตรจาก รทก. 2 พ.ย.สูงขึ้น 0.42 เมตรจาก รทก. และล่าสุดวันที่ 3 พ.ย. ปริมาณน้ำสูงขึ้น 0.52 เมตรจาก รทก . อัตราการไหลของน้ำมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันสภาพน้ำที่ไหลผ่านอุโมงค์ก็ยังใสขึ้นอีกด้วย
“จากการล่องสำรวจจากจุดที่ติดตั้งอุปกรณ์ผลักดันน้ำไปถึงประตูน้ำคลองราชมนตรี พบว่า แม้ปริมาณน้ำจะไหลมากขึ้น แต่ช่วงปลาย อัตราการไหลของน้ำจะแผ่วลง เนื่องจากไม่มีแรงผลัก ขณะเดียวกันยังพบว่า สถานีสูบน้ำคลองพระยาราชมนตรีมีเครื่องสูบน้ำ 10 เครื่อง เสีย 1 เครื่อง และเปิดใช้งานมีเพียง 2 เครื่องเท่านั้น เนื่องจากระดับน้ำในคลองติดลบ ไม่มีน้ำให้สูบออก แต่หลังจากติดตั้งอุปกรณ์ผลักดันน้ำ ทางสถานีได้เปิดใช้เครื่องสูบอีก 1 เครื่อง เนื่องจากมีปริมาณน้ำในคลองเพิ่มขึ้น แต่ทั้งนี้ ก็ยังถือว่าน้อยอยู่ เนื่องจากคลองดังกล่าวสามารถรับ 1-1.5 เมตร ดังนั้น ถ้าสามารถหาเครื่องมือ อุปกรณ์เพิ่มรวมถึงเงินที่จะนำมาใช้เป็นค่าน้ำมันในการเดินเครื่องยนต์ได้ก็จะติดตั้งเพิ่มให้ครบ 11 ตัว ไล่ตั้งแต่ภาษีเจริญไปถึงปลายทางคลองราชมนตรี”
เมื่อถามถึงบทบาทของภาครัฐ ที่นายปลอดประสพ สุรัสวดี รมว.วิทยาศาสตร์ ในฐานะหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) ระบุว่า ต้องปล่อยฝั่งธนฯ ให้เป็นไปตามธรรมชาติ นางรสนา กล่าวว่า ถ้าบอกว่าให้เป็นไปตามธรรมชาติ ก็เท่ากับปล่อยให้เป็นไปตามยถากรรม เพราะหากดูตัวเลขหลังจากดำเนินการผลักน้ำก็จะพบว่า น้ำไหลได้ดีขึ้น ซึ่งถ้าสามารถผลักน้ำมายังสถานีสูบน้ำคลองพระยาราชมนตรีได้อย่างต่อเนื่องก็จะมีน้ำให้สูบลงทะเล แต่ขณะนี้ระบบเครื่องสูบน้ำที่มีอยู่ยังไม่ได้เปิดใช้อีกหลายเครื่อง การทำงานจึงยังไม่เต็มประสิทธิภาพ ดังนั้น คงบอกให้ปล่อยไปตามธรรมชาติไม่ได้
ขณะที่แนวทางบริหารจัดการน้ำที่รัฐทำมาตลอดนั้น ส.ว.กรุงเทพฯ กล่าวว่า หากเปรียบเทียบกับยุทธการการรบก็มีแต่ ‘ตั้งรับ’ กับการ ‘ถอยหนี’ ไม่ได้มีการทำงานเชิงรุกแต่อย่างใด ทั้งที่น้ำเป็นระบบที่จัดการได้ตามหลักวิทยาศาสตร์ ธรรมชาติของน้ำจะต้องไหลจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำ อีกทั้งเรายังมีคลองที่บรรพบุรุษขุดไว้เพื่อใช้รับน้ำ แต่เวลานี้คลองเต็มไปด้วยขยะ น้ำจึงออกมาวิ่งตามถนน
“การบริหารที่ทำให้สังคมพ่ายแพ้ กระเจิดกระเจิง ถอยไม่เป็นขบวนเช่นนี้ ถ้าเป็นยุครบทัพจับศึก แม่ทัพที่บอกให้ถอยหนีอย่างเดียว อีกทั้งยังหนีไม่เป็นขบวน จนชาวบ้านลำบากเดือนร้อน ถึงขั้นต้องตัดหัวเสียบประจาน ที่สำคัญอย่ามาพูดว่าจะเอาเงิน 9 แสนล้านบาทมาทำ ‘นิวไทยแลนด์’ เพราะแม้แต่การบริหารน้ำยังไม่มีฝีมือ ใครจะวางใจ อีกทั้งเวลานี้ผู้คนลำบากจมน้ำ แทนที่จะคิดช่วยเหลือ หาทางเอาน้ำลงทะเล แต่กลับมาคิดเรื่องเงิน 9 แสนล้านบาท ถามว่าเป็นเวลาที่เหมาะหรือไม่”