- Home
- Thaireform
- ในกระแส
- เทศบาล-ชุมชนเข้มแข็ง ตัวช่วย "เมืองทอง" ยังไม่จมน้ำ
เทศบาล-ชุมชนเข้มแข็ง ตัวช่วย "เมืองทอง" ยังไม่จมน้ำ
“กุลวดี จินตวร” แจงยังกันน้ำท่วมอยู่ เหตุเมืองทองมีทะเลสาบขนาดใหญ่รองรับน้ำ-ใช้ที่ดินว่างเปล่าเป็น ‘แก้มลิง’ ชี้ชัด หลักการบริหารน้ำ ทำโดยลำพังไม่ได้ ชุมชนต้องร่วมมือ
นางสาวกุลวดี จินตวร ผู้อำนวยการบริหาร บริษัท อิมแพค เอ็กซิบิชั่น เมเนจเม้นท์ จำกัด กล่าวกับ “ศูนย์ข้อมูลข่าวสารปฏิรูปประเทศไทย” ถึงการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่เมืองทองธานี ซึ่งมีเนื้อที่ประมาณ 4,000 ไร่ ให้รอดพ้นจากการถูกน้ำท่วมในขณะนี้ว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดของเมืองทองคือ มีพื้นที่ทะเลสาบ ขนาดประมาณ 300-400 ไร่อยู่ภายในโครงการ ซึ่งจุดดังกล่าวก็ช่วยในการรับน้ำ เก็บกักน้ำได้อย่างมาก โดยเป็นผลจากการออกแบบระบบสาธารณูปโภคของโครงการตั้งแต่ต้น ขณะเดียวกันพื้นที่โดยรอบๆ ของเมืองทองนั้น ส่วนใหญ่ยังเป็นพื้นที่ว่างเปล่า จึงช่วยเป็นแก้มลิงได้อย่างดี
สำหรับหลักการบริหารจัดการน้ำของพื้นที่เมืองทองนั้น นางสาวกุลวดี กล่าวว่า มีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่ทำเฉพาะในช่วงเหตุการณ์น้ำท่วมเท่านั้น เพราะทางโครงการฯได้มีการพร่องน้ำจากทะเลสาบ ผ่านคูน้ำซึ่งออกแบบไว้โดยรอบพื้นที่ไปยังคลองบางพูด และระบายออกสู่แม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อรักษาระดับน้ำในพื้นที่เสมอ ส่วนหลักการบริหารน้ำในภาวะวิกฤตน้ำท่วมเช่นนี้ ยอมรับว่า ไม่สามารถทำงานโดยลำพังได้ เพราะการอยู่อาศัยท่ามกลางชุมชน และเขตเทศบาลนครปากเกร็ด ทำให้การทำงานต้องประสานกับทุกฝ่ายตลอดเวลา
“ที่ผ่านมาการทำงานของเทศบาลนครปากเกร็ด ถือว่า มีความสำคัญอย่างมากต่อการป้องกันน้ำไม่ให้เข้าท่วมพื้นที่เมืองทอง เนื่องจากว่า 3 จุดสำคัญ ซึ่งเป็นช่องทางที่น้ำสามารถเข้าท่วมเมืองทองได้นั้น ทั้งที่ประตูน้ำคลองบางพูด ซึ่งเป็นจุดเชื่อมต่อไปยังแม่น้ำเจ้าพระยา ทางเทศบาลฯ ก็ได้รักษาประตูน้ำ โดยมีพนังกั้นน้ำและปั้มน้ำคอยป้องกัน ทำให้น้ำในคลองบางพูดต่ำกว่าประตูระบายน้ำประมาณ 60-70 เซนติเมตร หมายความว่า เมืองทองยังสามารถถ่ายน้ำไปยังคลองบางพูดได้อีก"
นางสาวกุลวดี กล่าวถึงจุดที่ 2 บริเวณถนนติวานนท์ ฟากที่เชื่อมต่อกับแม่เจ้าพระยานั้น เทศบาลฯ ได้วางแผนอย่างรอบคอบ มีการทำพนังกั้นน้ำริมแม่น้ำเจ้าพระยาถึง 3 ชั้น รวมทั้งเพิ่มความสูงของแนวกระสอบทรายโดยตลอด ขณะเดียวกันหากน้ำล้นเข้ามาได้ถึงถนนติวานนท์ ถนนซึ่งยกสูงกว่าพื้นที่ชุมชนโดยรอบก็จะกลายเป็นกำแพงกันน้ำได้อีกชั้นหนึ่ง ฉะนั้น ลักษณะการออกแบบคันกั้นน้ำของเทศบาลนครปากเกร็ด ในแง่ของชุมชนริมแม่น้ำเจ้าพระยา จึงถือว่าแข็งแรงมาก เมื่อน้ำลุกก็มีแนวป้องกันหลายชั้น
"จุดที่ 3 คือคลองประปา ซึ่งถือว่าเป็นจุดสำคัญที่สุด เพราะพื้นที่โครงการติดกับถนนเรียบคลองประปา และในช่วงที่ผ่านมาก็เคยเกิดเหตุการณ์น้ำจากคลองประปาเอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่ว่างเปล่า ไหลทะลุเข้าจนถึงทะเลสาบ ทางเทศบาลฯ ก็รีบดำเนินการซ่อมแซมแนวป้องกันอย่างรวดเร็ว สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นผลจากการทำงานที่ประสานกันอย่างใกล้ชิด"
นางสาวกุลวดี กล่าวถึงหลักการในการต่อสู้ ป้องกันน้ำว่า นอกจากความร่วมมือจากภาครัฐแล้ว ซึ่งที่สำคัญไม่น้อยไปกว่ากันก็คือ ชุมชนที่เข็มแข็ง เพราะเมื่อเราสร้างคันกั้นน้ำ ชาวบ้านส่วนหนึ่งต้องยอมเสียสละถูกน้ำท่วม ดังนั้น การให้ความช่วยเหลือผู้เดือดร้อนจากการถูกน้ำท่วมก็เป็นเรื่องที่จะต้องทำควบคู่กันไป
“การบริหารจัดการน้ำขณะนี้ ต้องถือว่า ชุมชนปากเกร็ดร่วมกันทำ เพราะเราทำโดยลำพังไม่ได้ เทศบาลฯ ชาวบ้านจะต้องให้ร่วมมือ รวมทั้งเฝ้าระวังในจุดที่อ่อนไหว เพราะถึงแม้ว่าลักษณะกายภาพของเมืองทองจะมีทะเลสาบ มีพื้นที่ในการผันน้ำ รวมถึงมีการบริหารจัดการน้ำต่อเนื่องเป็นทุนเดิมก็ตาม แต่สุดท้ายเราก็ต้องผันน้ำผ่านคลองเพื่อลงสู่แม่น้ำ ซึ่งเราคงไม่มีสิทธิ์ไปทำเองได้ แต่ต้องอาศัยเทศบาลฯ ชุมชนในการช่วยดำเนินการ”
อย่างไรก็ตาม นางสาวกุลวดี กล่าวด้วยว่า เมื่อน้ำเอ่อเข้ามาพื้นที่เมืองทองก็ใช่ว่าเราจะกั้นกำแพงตลอดเวลา บางส่วนที่สามารถแบ่งเบาได้ ทางเมืองทองก็จะดึงลงทะเลสาบทันที ทั้งนี้ เนื่องจากเข้าใจดีว่า น้ำจะต้องมาอยู่แล้ว เพียงแต่ขึ้นอยู่ที่ว่า จะบริหารอย่างไรให้น้ำไหลไปตามจุดที่ต้องการ