- Home
- Thaireform
- ในกระแส
- กยน. ตั้ง 2 คณะอนุกก. ดึง 'ไจก้า' ร่วมทีมที่ปรึกษา
กยน. ตั้ง 2 คณะอนุกก. ดึง 'ไจก้า' ร่วมทีมที่ปรึกษา
กยน. ตั้งกิจจา-ปิติพงษ์ นั่งแท่น อนุกก.จัดการน้ำระยะเร่งด่วนและยั่งยืน แจงภารกิจระยะสั้นสร้างแนวกั้นน้ำถาวร ย้ำทำงานครอบคลุม 25 ลุ่มน้ำ ไม่ได้แก้ปัญหาเฉพาะหน้า เล็งดึงไจก้าร่วมวางแผนระยะยาว
วันที่ 22 พฤศจิกายน คณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (กยน.) ได้จัดการประชุมนัดแรก ณ ห้องสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล โดยมี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นายสุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา ในฐานะเป็นที่ปรึกษา กยน. นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ในฐานะเลขาธิการ (กยน.) นายวิเชียร เชาวลิต เลขาธิการ กยน. และคณะกรรมการครบชุดร่วมประชุม
นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า ทางคณะทำงาน กยน. ได้มีการปรึกษาและเห็นตรงกันว่า การทำงานจะต้องเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีความเข้าใจโครงสร้างการทำงาน จึงได้ตั้ง อนุกรรมการวางระบบจัดการน้ำ ขึ้นมา 2 ชุด คือ 1.อนุกรรมการวางระบบจัดการน้ำอย่างเร่งด่วน โดยมี นายปิติพงษ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา ทำหน้าที่เป็นประธานชุด และ 2.อนุกรรมการวางระบบจัดการน้ำอย่างยั่งยืน โดยมี นายกิจจา ผลภาษี เป็นประธานชุด
รองนายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า คณะทำงานเห็นตรงกันว่า จะให้องค์การความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น หรือไจก้า มาเป็นที่ปรึกษาของคณะกรรมการ เพื่อวางแผนบริหารจัดการน้ำในประเทศไทยระยะยาว เนื่องจากผลการศึกษาการบริหารจัดการลุ่มน้ำของไจก้า มีความสอดคล้องกับข้อมูลของสํานักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ในปี 2543 ทั้งนี้ มีองค์กรแต่ละประเทศแสดงความปรารถนาดีพร้อมที่จะช่วยเหลือและให้คำแนะนำที่มีประโยชน์ ซึ่งทาง กยน. จะพิจารณาความปรารถนาดีของประเทศต่างๆ เหล่านั้นมาปฏิบัติต่อไป
“สำหรับในภาคปฏิบัติจะมีการเริ่มทำงานในระยะสั้น เพื่อในฤดูฝนหน้าจะไม่เห็นกระสอบทรายกั้นตามคูคลองอีกต่อไป จะมีการสร้างอย่างถาวร เช่น วางระบบประตูน้ำและเครื่องสูบน้ำให้ดีกว่าเดิม โดยที่กรอบการทำงานของ กยน. จะครอบคลุม 25 ลุ่มน้ำ ภารกิจไม่ใช่เพื่อจัดการกับสภาพปัญหาที่เกิดขึ้นในปีนี้เท่านั้น แต่จะดูการพัฒนาน้ำทั้งระบบของปีนี้”
นายกิตติรัตน์ กล่าวถึงเรื่องผังเมืองด้วยว่า การก่อสร้างโครงการต่างๆ ที่อาจจะเป็นสิ่งกีดขวางการทำงานของทาง กยน. ได้เตรียมจะเสนอแนวทางให้ ครม. พิจารณาการวางกรอบการอนุมัติ เรื่องผังเมืองให้สอดคล้องและไม่ให้เป็นอุปสรรคต่อกรอบการทำงานของ กยน. เช่น โครงการก่อสร้างใหม่เพื่อการฟื้นฟูประเทศ จึงต้องทำงานร่วมและมีการประสานกับคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ (กยอ.) ต่อไป
“สำหรับเรื่องผังเมืองใหม่ที่จะออกมา ขณะนี้คงต้องใช้เวลาพอสมควร แต่จะทำงานด้วยความรวดเร็วที่สุด เพราะการทำงานต้องแข่งกับเวลาที่ฤดูฝนจะใกล้เข้ามาในไม่กี่เดือนจากนี้ ส่วนเรื่องการบริหารจัดการน้ำจะศึกษาจุดอ่อน จุดแข็งของการทำงานที่ผ่านมา เพื่อปรับปรุงในปีหน้าและอนาคตไม่ให้มีการบริหารจัดการที่ผิดพลาดซ้ำเดิมอีก”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อสอบถามถึงกรณีสิ่งปลูกสร้างเดิมที่กีดขวางทางน้ำ หรือเป็นอุปสรรคต่อการระบายน้ำ นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า ทางคณะทำงานเห็นว่าเป็นสิ่งปลูกสร้างที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมได้ผ่านการพิจารณาที่ดีในระดับหนึ่งแล้ว จึงเชื่อว่าจะมีวิธีการบริหารจัดการที่ดีและคุ้มค่ากว่าการต้องสั่งรื้อถอนหรือย้ายสถานที่ ยกเว้นที่มีความจำเป็นหรือไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว
“สำหรับนิคมอุตสาหกรรมที่ประสบภาวะน้ำท่วม อาจต้องหาทางน้ำอื่นเป็นช่องทางในการระบาย ต้องมีการบริหารจัดการทางน้ำที่ดีพอ ส่วนเรื่องที่ขณะนี้คณะทำงานสามารถดำเนินการได้เลยทันที คือ การสำรวจความตื้นเขินของคู คลองทั้งระดับภูมิภาคและส่วนกลางและสำรวจระบบประตูน้ำที่มีชำรุดเสียหายจากอุทกภัย”
ขณะที่นายอาคม กล่าวเพิ่มเติมว่า ในระยะ 1-3 เดือนข้างหน้า ต้องมีการศึกษาและระบุประเด็นปัญหาออกมาก่อน ว่าที่เราประสบมาในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา มีจุดอ่อนหรือจุดแข็งตรงไหน โดยเฉพาะต้องหาจุดอ่อนว่าทำไมน้ำถึงไหลไม่ออก หรือมีจุดบอดตรงจุดไหนที่ต้องแก้ไขในรอบ 3-4 เดือนข้างหน้า เพื่อให้มั่นใจว่าฝนหน้ามาน้ำจะไม่ท่วม ซึ่งทางคณะจะมีการซึ่งข้อเท็จจริงและระบุประเด็นปัญหาออกมาทั้งหมด
“เมื่อมีการระบุประเด็นปัญหาแล้ว ทางคณะรัฐมนตรีและคณะกรรมการต้องเสนอว่าให้มีการขยายประตูระบายน้ำ หรือในเรื่องของการขุดลอกคลอง ที่เป็นอุปสรรคของทางน้ำไหล หรือแม้กระทั่งในเรื่องสูบน้ำหรือสถานีสูบน้ำต่างๆที่ต้องมีให้พร้อมทั้งหมด เพื่อเป็นการสู้กับน้ำในปีหน้า”
เลขาฯ กยน. กล่าวถึงเรื่องการวางระบบที่ค่อนข้างจะเป็นการแก้ไขในระยะยาวว่า ต้องมองในเรื่องของน้ำ ตั้งแต่ต้นทางในภาคเหนือ ช่วงภาคกลาง และทางปลายทางในเรื่องการป้องกันและการระบายน้ำ อย่างไรก็ตาม ก็มีบางเรื่องที่สามารถทำได้อย่างเร่งด่วน เช่น เรื่องของมาตรการผังเมือง พิจารณาดูว่ามีจุดอ่อนในส่วนใดบ้าง ซึ่งอาจใช้มาตรการต่างๆในกฎเกณฑ์เพื่อไม่ให้การก่อสร้างต่างๆเป็นสิ่งกีดขวางทางน้ำ
“นอกจากนี้ในที่ประชุมยังให้ความสำคัญกับเรื่องระบบข้อมูลและการพยากรณ์ โดยเห็นว่า ปัจจุบันมีระบบการพยากรณ์ที่ค่อนข้างดี มีแบบจำลองต่างๆ เพียงแต่ว่าระบบข้อมูลนั้นยังมีหลายแหล่ง การใช้ข้อมูลที่ไม่ตรงกันนั้นเป็นเรื่องที่ทางคณะกรรมการได้มอบหมายให้คณะอนุกรรมการดำเนินการเร่งด่วนต้องพิจารณาให้เราได้ข้อมูลที่ถูกต้องมากยิ่งขึ้น ซึ่งตรงนี้อาจได้มีการช่วยเหลือจากต่างประเทศด้วย”
ด้านนายวิเชียร กล่าวว่า การพิจารณาเรื่องน้ำนั้นมีขอบข่ายที่กว้างขวาง และมีหลายเรื่องที่ต้องดำเนินการ โดยเฉพาะปัญหาอุทกภัยเป็นปัญหาที่ร้ายแรง ดังนั้นจึงมีความเห็นว่าการแก้ไขปัญหาเรื่องน้ำนั้น นอกจากการที่ต้องวางระบบการป้องกันที่ดีแล้ว การที่จะหลบหนีภัยน้ำก็คงเป็นเรื่องที่ต้องเตรียมการให้ดี ซึ่งอาจจะมีปัญหาของภัยแล้งตามมาได้ ฉะนั้นจึงเห็นว่าควรจะดูให้ครอบคลุมทุกด้าน ทั้งเรื่อง ของการบริหารจัดการ ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ทั้งนี้ ในเรื่องการจัดตั้ง คณะอนุกรรมการฯทั้ง 2 ชุด
เลขาฯ กยน. กล่าวว่า ขณะนี้ได้มีการฟอร์มทีมกันเสร็จแล้ว โดยนัดหมายประชุมครั้งแรกในวันจันทร์ที่ 28 พฤศจิกายน ฉะนั้นทั้งเรื่องเร่งด่วนที่ต้องทำทันที และเรื่องที่ต้องทำอย่างยั่งยืนคงจะได้เริ่มดำเนินการโดยเร็ว ทั้งนี้ เมื่อคณะอนุกรรมการฯ ได้ดำเนินการแล้ว คาดว่าในวันพุธที่ 7 ธันวาคม คณะกรรมการกยน. จะมีการประชุมใหญ่อีกครั้ง เพื่อให้อนุกรรมการฯ ได้รายงานผลในที่ประชุม และวินิจฉัยต่อไป