- Home
- Thaireform
- ในกระแส
- จี้รัฐตอบโจทย์ ตั้ง"ไจก้า" ที่ปรึกษาแก้ปัญหาน้ำท่วมระยะยาว
จี้รัฐตอบโจทย์ ตั้ง"ไจก้า" ที่ปรึกษาแก้ปัญหาน้ำท่วมระยะยาว
รศ.ดร.กัมปนาท ภักดีกุล ระบุ แม้ไจก้าจะเชี่ยวชาญเรื่องน้ำ แต่ภูมิประเทศญี่ปุ่น กับไทย ไม่เหมือนกัน ดังนั้นรัฐบาลต้องตอบให้ประชาชนให้เข้าใจด้วย พร้อมหนุนหากเป็นการช่วยเหลือแบบให้เปล่า
หลังจากคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (กยน.) ประชุมนัดแรก โดยเห็นชอบให้องค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (Japan International Cooperation Agency : JICA) เข้ามาเป็นที่ปรึกษาเพื่อวางแผนบริหารจัดการน้ำในประเทศไทยระยะยาว นั้น
รศ.ดร.กัมปนาท ภักดีกุล คณะทรัพยากรสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า รัฐบาลต้องตอบโจทย์ว่า เหตุผลของการเลือกไจก้าเป็นที่ปรึกษา วางแผนระบบน้ำถาวร ซึ่งแม้ไจก้าจะมีความเชี่ยวชาญทางด้านน้ำ แต่ภูมิประเทศญี่ปุ่น กับไทย ไม่เหมือนกัน อีกทั้งความคิด บริบททางสังคม แน่นอนย่อมแตกต่างกัน ดังนั้นรัฐบาลต้องตอบให้ประชาชนให้เข้าใจด้วย ไม่ว่าเหตุผลจะเป็นความสนิทสนม ใกล้ชิดกับไทย หรืออาจเป็นไปได้ว่า ช่วงเหตุการณ์สึนามิไทยไปช่วยญี่ปุ่น ในส่วนนี้ ไจก้าเลยมาช่วยไทย เป็นต้น
"มีความเป็นไปได้ ที่รัฐบาลอาจอธิบายว่า ไม่ได้ยึดโมเดลไจก้าทั้งหมด เพียงแค่ให้คำปรึกษา แต่จะทำหรือไม่ทำเป็นอีกเรื่องหนึ่งก็ได้ รัฐบาล ก็ต้องตอบโจทย์ ข้อนี้ด้วย แต่หากไจก้าให้คำปรึกษาโดยไม่คิดค่าใช้ ผมก็สนับสนุน แต่หากต้องใช้งบประมาณ ก็ไม่ควร"
ทั้งนี้ มีรายงานก่อนหน้านี้ว่า รัฐบาลญี่ปุ่นกำลังจัดทำแผนแม่บทการกู้คืนระบบโครงสร้างพื้นฐานภายในประเทศไทย เพื่อให้ความช่วยเหลือประเทศไทยในการฟื้นฟูประเทศภายหลังเกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ในลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา โดยการช่วยเหลือครั้งนี้จะเป็นการช่วยเหลือแบบให้เปล่า โดยมีการเผยแพร่การกำหนดแผนแม่บทใหม่เกี่ยวกับมาตรการอุทกภัยบริเวณแม่น้ำเจ้าพระยาโดย JICA ทางเว็บไซต์ http://www.th.emb-japan.go.jp/th/jis/2011/1178.htm ดังนี้
1. เนื่องจากได้รับการขอความร่วมมือจากประเทศไทย ทางรัฐบาลญี่ปุ่นจึงได้จัดแผนแม่บทใหม่ขึ้น ชื่อว่า "แผนมาตราการปัญหาอุทกภัยบริเวณลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา" ซึ่งเป็นความร่วมมือทางด้านเทคโนโลยีการประเมินโครงการพัฒนาแบบเร่งด่วน โดยองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (JICA)
2. ความร่วมมือในครั้งนี้ ประกอบไปด้วย การปรับปรุงแผนแม่บทที่เคยจัดทำก่อนหน้านี้ ของ JICA ให้เป็นแผนแม่บทใหม่ การจัดทำโครงการนำร่องด้านการฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภคที่ได้รับความเสียหาย เพื่อตอบสนองความต้องการแบบเร่งด่วน และแผนการความร่วมมือด้านการเงินแบบให้เปล่า ซึ่งพิจารณาเพื่อตอบสนองความต้องการด้านการฟื้นฟูและปรับปรุงที่จำเป็นในระยะสั้นหลังจากนี้
3. ประเทศไทย ได้เกิดเหตุการณ์ฝนตกหนักต่อเนื่องครั้งใหญ่ในรอบ 50 ปี ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2554 ส่งผลให้เกิดอุทกภัยครอบคลุมพื้นที่ถึง 62 จังหวัดทั่วประเทศ รวมถึงกรุงเทพมหานคร และจังหวัดที่ตั้งของนิคมอุตสาหกรรม เช่น จังหวัดอยุธยา เป็นต้น ก็ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ครั้งนี้ด้วย ทางประเทศญี่ปุ่น มีความประสงค์ที่จะช่วยเหลือด้านต่างๆหลังเหตุการณ์อุทกภัย จึงได้จัดส่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบจาก JICA มาตั้งแต่วันที่ 19 ตุลาคม พ.ศ.2554 เพื่อเฝ้าสังเกตสถานการณ์ความเสียหายอย่างต่อเนื่อง และได้พิจารณาความช่วยเหลือเพื่อฟื้นฟูและปรับปรุงหลังจากเหตุการณ์นี้ด้วย และเนื่องจากทาง JICA ได้เคยช่วยเหลือโดยการเสนอมาตรการอุทกภัยครบวงจร ชื่อว่า " การประเมินโครงการมาตรการด้านอุทกภัยในพื้นที่แม่น้ำเจ้าพระยา" (พ.ศ. 2539-2542) ซึ่งครอบคลุมด้านต่างๆเช่น ด้านความเสียหายจากอุทกภัย ด้านการป้องกันพื้นที่ทางการเกษตร ด้านการใช้น้ำ และการใช้ที่ดิน เป็นต้น
รัฐบาลไทย (กรมชลประทาน และกรมทรัพยากรน้ำ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) จึงได้ร้องขอความร่วมมือให้ทาง JICA พิจารณาโครงการเพิ่มเติม จากสถานการณ์การพัฒนาเมืองและอุตสาหกรรมแบบก้าวกระโดดและความเปลี่ยนแปลงทางด้านภูมิอากาศที่เกิดขึ้นโดยมิได้คาดหมาย