- Home
- Thaireform
- ในกระแส
- “เวิลด์แบงก์” คาด ไทยใช้งบฯฟื้นฟูน้ำท่วม 7.5 แสนล้าน
“เวิลด์แบงก์” คาด ไทยใช้งบฯฟื้นฟูน้ำท่วม 7.5 แสนล้าน
“ดร.กิริฎา” ประเมิน น้ำท่วม เศรษฐกิจสูญ 1.3 ล้านล้าน ฉุดจีดีพีวูบ 1.2% ด้าน ผอ.ธ.โลกประจำประเทศไทย ย้ำ ไทยมีเงินมากพอ สำหรับฟื้นฟูน้ำท่วม ระบุ รบ.เดินหน้าประชานิยมไร้ปัญหา มั่นใจ นักลงทุนไม่ย้ายฐานการผลิต
วันที่ 28 พฤศจิกายน ที่ธนาคารโลกประจำประเทศไทย ดร.กิริฎา เภาพิจิตร นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส ธนาคารโลกประจำประเทศไทย กล่าวถึงการประเมินผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วม ในพื้นที่ประสบภัย 26 จังหวัดระหว่างวันที่ 7 -25 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ในเบื้องต้นพบว่า น้ำท่วมครั้งนี้สร้างความเสียหาย 1.3 ล้านล้านบาท โดยแบ่งเป็นความเสียหายต่อทรัพย์สิน 6.4 แสนล้านบาท และสูญเสียโอกาสทางธุรกิจ 7.1 แสนล้านบาท ซึ่งในส่วนของภาคอุตสาหกรรมถือว่า มีความเสียหายสูงสุดประมาณ 1 ล้านล้านบาท เมื่อแบ่งความเสียหายออกเป็นภาครัฐและเอกชน จึงพบว่า ความเสียหายตกอยู่ที่ภาคเอกชนสูงถึง 94%
ขณะที่ผลกระทบต่ออัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจ (จีดีพี) นั้น ดร.กิริฎา กล่าวว่า ในปี 2554 จีดีพีจะลดลง 1.2% จากที่ประมาณการณ์ไว้ก่อนช่วงน้ำท่วม ซึ่งอยู่ที่ 3.6% เหลือ 2.4% หรือมูลค่าลดลงเกือบ 1 แสนล้านบาท ส่วนที่แนวโน้มของจีดีพีในปี 2555 นั้น คาดว่าจากการก่อสร้าง หรือซ่อมแซมอาคาร บ้านเรือนต่างๆนั้น จะส่งผลให้จีดีพีเพิ่มขึ้น 0.3% ทำให้จีดีพีในปี 2555 จาก 3.7% เพิ่มขึ้นเป็น 4% ทั้งนี้ จีดีพีดังกล่าวประเมินจากความเสียหายจากเหตุการณ์น้ำท่วมเท่านั้น ไม่ได้นำปัจจัยด้านเศรษฐกิจโลกเข้ามาเกี่ยวข้อง
ส่วนรายจ่ายที่ต้องใช้ในการฟื้นฟูและเยียวยา ดร.กิริฎา กล่าวว่า การฟื้นฟูในด้านโครงสร้างพื้นฐาน ภาคการผลิต สังคม สิ่งแวดล้อม คาดว่าต้องใช้เม็ดเงินสูงถึง 7.55 แสนล้านบาท โดยแบ่งเป็นภาครัฐ 2.35 แสนล้านบาท ภาคเอกชน 5.2 แสนล้านบาท ซึ่งในส่วนของภาครัฐนั้น เนื่องจากไตรมาสสุดท้ายของปีไม่มีการผลิตและการบริโภคน้อยลง ทำให้ภาครัฐเก็บภาษีได้ อาทิ ภาษีสรรพสามิตรถยนต์ ภาษีมูลค่าเพิ่มจากการบริโภคได้น้อยลง ทำให้รายรับของภาครัฐลดลง 3.6% ดังนั้น ภาครัฐต้องหารายรับเพิ่ม ส่วนหากจะกู้ยืมนั้น รัฐบาลสามารถกู้ยืมได้ตามเพดานที่กฎหมายกำหนด ส่วนจะกู้จากแหล่งทุนภายในหรือนอกประเทศนั้น ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของภาครัฐ
จากนั้นในช่วงท้าย เมื่อถามถึงความเป็นไปได้ของรัฐบาลที่จะใช้เงินฟื้นฟูเยียวยาน้ำท่วม ควบคู่ไปกับนโยบายประชานิยม นางแอนเน็ต ดิกสัน ผู้อำนวยการธนาคารโลกประจำประเทศไทย กล่าวว่า นโยบายของรัฐบาลหลายชุดที่ผ่านมาเป็นไปด้วยความระมัดระวัง รัฐบาลจึงมีเงินมากพอสำหรับใช้ในการฟื้นฟู ส่วนนโยบายประชานิยม ที่รัฐบาลรับปากกับประชาชนนั้นก็สามารถดำเนินการควบคู่ไปได้ เพียงแต่ต้องจัดลำดับความสำคัญของนโยบายให้เหมาะสม ซึ่งขณะนี้นโยบายหรือมาตรการที่ต้องให้ความสำคัญก็หนีไม่พ้นเรื่องการฟื้นฟู เยียวยาผู้ประสบภัย
ส่วนที่มีความกังวลว่า นักลงทุนต่างชาติจะย้ายฐานการผลิตนั้น นางแอนเน็ต กล่าวว่า ในภาพรวมประเทศไทยยังเป็นประเทศที่ดึงดูดนักลงทุนอยู่ จึงเชื่อว่า นักลงทุนจะไม่คิดย้ายฐานการผลิต
“ภัยพิบัติน้ำท่วมมีความรุนแรงและกระทบต่อชีวิตของประชาชน โครงสร้างพื้นฐาน รวมทั้งเศรษฐกิจของประเทศไทย ดังนั้น น่าจะเป็นเรื่องดีที่รัฐบาลจะถือโอกาสฟื้นฟูประเทศ ควบคู่ไปกับการสร้างพื้นโครงสร้างของประเทศ ทั้งนี้ เนื่องจากประเทศไทยมีการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานน้อยมากเมื่อเทียบกับกว่าประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเดียวกัน”