- Home
- Thaireform
- ในกระแส
- ภคต.เล็งยื่นหนังสือถึงนายกฯ เร่งครม.ผ่านประกาศเปิดเผยราคากลาง
ภคต.เล็งยื่นหนังสือถึงนายกฯ เร่งครม.ผ่านประกาศเปิดเผยราคากลาง
ภาคีเครือข่ายต่อต้านคอร์รัปชั่น เกาะติดงบฯ ฟื้นฟูผู้ประสบภัย เตรียมเสนอ 4 มาตรการแนะรบ.อย่างเป็นรูปธรรม แฉมีหลายโครงการผักชีโรยหน้า ทำงานซับซ้อน จี้สร้างกลไกเปิดเผยข้อมูล ตรวจสอบกระบวนการทุจริต
วันที่ 14 ธันวาคม ภาคีเครือข่ายต่อต้านคอร์รัปชั่น จัดประชุมระดมความคิดเห็น เรื่อง “การเฝ้าระวังการใช้เงินงบประมาณช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย” ณ ห้องประชุม 2201 หอการค้าไทย โดยมี นายสมพล เกียรติไพบูลย์ ประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานภาคีเครือข่ายต่อต้านคอร์รัปชั่น และคุณหญิงชฎา วัฒนศิริธรรม สมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) ร่วมแถลง
นายสมพล กล่าวว่า การระดมความคิดเห็นในวันนี้ถึงสถานการณ์ปัจจุบันที่รัฐบาลกำลังจะใช้เงินจำนวนมาก เพื่อฟื้นฟูผู้ประสบอุทกภัย ทางภาคีเครือข่ายฯ ได้ระดมความเห็นและสรุปว่า จะมีมาตรการในการเสนอแนะรัฐบาลอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและโปร่งใส ทั้งหมด 4 ประการ คือ 1.การใช้งบประมาณอย่างไม่มีประสิทธิภาพ 2.การจัดสรรงบประมาณในพื้นที่ฐานเสียงตนเองและพวกพ้อง และมีผลประโยชน์แอบแฝง 3.การจัดซื้อจัดจ้าง ตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบ กำหนดรายละเอียดหรือสเป็กงาน กำหนดเงื่อนไข คำนวณราคากลาง ออกประกาศประกวดราคา การขายแบบ การรับและเปิดซอง การประกาศผลและการอนุมัติ และ4.การจัดซื้อจัดจ้างที่สูงกว่าราคาเป็นจริง ซึ่งสิ่งเหล่านี้เห็นได้ชัดจาก ศปภ.แล้วว่ามีปัญหารุนแรง
"บทสรุปของหอการค้าไทยก่อนหน้านี้ ระบุว่า สถานภาพปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นในไทย ยังเป็นปัญหาที่มีความสำคัญลำดับต้นๆ ของประเทศ ที่มีจุดอันตราย 3 เรื่อง คือ 1.เสถียรภาพการเมือง 2.สภาพเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย และ3.ปัญหาคอร์รัปชั่น ที่ดูมีความรุนแรงมากขึ้นและถือเป็นเรื่องคอขาดบาดตายที่รัฐบาลต้องเร่งแก้ไขตามที่ได้ประกาศนโยบายไปก่อนหน้านี้” นายสมพล กล่าว และว่า ส่วนข้อกังวลเกี่ยวกับการใช้เงินอย่างไม่มีประสิทธิภาพ เนื่องจากมีบางโครงการผักชีโรยหน้า มีการทำงานซับซ้อน บางโครงการจัดทำอย่างรีบด่วนเพื่อเร่งใช้เงิน โดยไม่คำนึงว่ามีความจำเป็นหรือไม่เป็นการฆ่าช้างเอางา
นายสมพล กล่าวถึงวิธีการแก้ไขและแนวทางการเฝ้าระวังทุจริต ทางภาคีเครือข่ายฯ เสนอว่า ขอให้มีกลไกการเปิดเผยข้อมูลอย่างชัดเจนทางเว็บไซต์ ทั้งภาครัฐและเอกชน โดยเปิดเว็บไซต์พิเศษขึ้นมา เพื่อแสดงการใช้เงินทุกก้อน บริษัทที่ใช้ ใครรับผิดชอบ เป็นเงินจำนวนเท่าไหร่แล้วสามารถออกมาได้ทันทีแบบเรียลไทม์ และมีกลไกในการตรวจสอบกระบวนการทุกขั้นตอนอย่างละเอียด เพื่อความโปร่งใสของรัฐบาล
"ด้านกลไกการสื่อสาร จะทำคลิปวิดีโอชุด “รู้สู้โกง” โดยทีมที่ทำ “รู้สู้ฟลัด” เพื่อให้เข้าถึงปัญหาคอร์รัปชั่น ซึ่งจะออกมาเร็วๆ นี้ สร้างกลไกการมีส่วนร่วม ทำโครงการตาสัปปะรดและตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลในภาคสนาม ผ่านอาสาสมัคร และสร้างกลไกการติดตามการใช้งบประมาณ จากนั้นเมื่อได้ผลการตรวจสอบจะเปิดเผยข้อมูลสู่สาธารณะ และเสนอรัฐบาลให้ความจริงจังกับการบังคับใช้กฎหมายกับผู้ที่กระทำความผิด”
นายสมพล กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ทางภาคีเครือข่ายฯ จะเร่งรัดการเปิดเผยราคากลาง ที่ขณะนี้ยังไม่ได้รับมติเห็นชอบจาก ครม. โดยคาดว่าภายอาทิตย์นี้นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานภาคีเครือข่ายฯ จะทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี อย่างเป็นลายลักษณ์อักษร
“ทางภาคีเครือข่ายฯ เชื่อมั่นว่านายกฯ จะรับข้อเสนอดังกล่าวนี้ เพราะนายกฯ เคยพูดว่า รัฐบาลจะให้ความตรงไปตรงมาในเหล่านี้ โดยก่อนหน้านี้ได้จัดประชุมเพื่อทบทวนเรื่องงบประมาณและความซ้ำซ้อนในการใช้งบประมาณ ซึ่งหากรัฐบาลทำให้เกิดความชัดเจน จะทำให้ต่างชาติเห็นถึงความโปร่งใส อันจะเป็นประโยชน์ในการกู้ยืมเงินจากต่างประเทศในอนาคต และความโปร่งใสดังกล่าวนี้ก็เป็นมาตรฐานสากล ไม่ใช่มาตรฐานที่คิดขึ้นเอง”
ขณะที่นายประมนต์ กล่าวถึงกระบวนการตรวจสอบและฝ้าระวังที่จะระดมอาสาสมัครทั่วประเทศที่จะลงไปทำงานภาคสนามและเฝ้าระวังเตือนภัยถึงสิ่งที่ไม่ถูกต้องนั้น จะต้องนำอาสาสมัครมาฝึกอบรมเกี่ยวกับข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องก่อนจะลงไปสู่ภาคปฏิบัติ ทั้งนี้ แม้จะเกรงว่าอาจมีบางคนในรัฐบาล ต่อต้านหรือไม่เห็นด้วยกับโครงการ ทางภาคีเครือข่ายฯ ก็จะต้องมีวิธีการในการกดดัน เผยแพร่และนำเสนอผ่านสื่อหรือช่องทางต่างๆ เพื่อให้สิ่งที่นำเสนอในวันนี้ไปสู่ประชาชน ให้เกิดการผลักดันไปสู่รัฐบาล
ด้านคุณหญิงชฎา กล่าวว่า ทุกโครงการของรัฐบาลที่จะออกมาจากนี้ ขอให้เปิดโอกาสให้ประชาชนที่อยู่ในท้องถิ่น และเป็นผู้เสียหาย ได้มีส่วนในการให้ข้อคิดเห็นและติดตามกระบวนการปฏิบัติ ไม่ใช่คิดกันเองแล้วดำเนินการ