จุดตายคดีรัสเซียแทรกแซงเลือกตั้ง-เหตุผล Trump จี้ รมว.ยุติธรรมให้เลิกสอบสวน?

เขียนวันที่

วันศุกร์ ที่ 03 สิงหาคม 2561 เวลา 12:01 น.

เขียนโดย

ศุภเดช ศักดิ์ดวง

หมวดหมู่

Tags

รัสเซียแทรกแซงเลือกตั้ง | Donald Trump | สหรัฐอเมริกา

“…ปัจจุบันสหรัฐฯจึงอยู่ในช่วง ‘สงครามข้อมูลข่าวสาร’ ระหว่างฝ่าย Trump ที่ตราหน้าสื่อเกือบทุกแห่ง (เว้น Fox ที่เข้าข้างรีพับลิแกนสุดขั้ว) ว่าเป็นพวก ‘สื่อปลอม’ (Fake News) ส่วนฝ่ายสื่อที่ยังตระหนักในหน้าที่เรื่องรักษาผลประโยชน์ของชาติ กำลังขะมักเขม้นหาข้อมูลเอกสารการเสียภาษีมาเปิดโปงพฤติการณ์ของ Trump ให้ได้…”

PIC trump 3 8 61 1

ในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมา บุคคลที่ถูกพูดถึงมากเป็นอันดับต้น ๆ ของโลกตอนนี้หนีไม่พ้น ‘Donald Trump’ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา โดยเมื่อวันที่ 2 ส.ค. 2018 ที่ผ่านมา (เวลาไทย) Trump ได้โพสต์ข้อความผ่าน Twitter ระบุถึง รมว.ยุติธรรม Jeff Sessions ควรยุติการสืบสวนคดีรัสเซียแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อปี 2016 ในทันที เนื่องจากคดีดังกล่าว ไม่เป็นเรื่องจริงอย่างสิ้นเชิง และเป็นการใส่ร้ายป้ายสีจากพรรคเดโมแครต สร้างความอับอายให้กับสหรัฐฯเป็นอย่างมาก (อ้างอิงข้อมูลจาก พีพีทีวี)

ปฏิเสธไม่ได้ว่า เป็นคดีที่น่าจับตามากคดีหนึ่งของโลก เนื่องจากหากผลการสอบสวนออกมาพบว่า Trump มีส่วนพัวพันในการร่วมมือกับรัสเซียแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีจริง อาจทำให้เขาต้องหลุดจากตำแหน่ง และถูกดำเนินคดีในข้อหากบฏอีกด้วย

ช่วง 21 วันที่ผมพำนักในสหรัฐฯ เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ทำงานข่าวเชิงสืบสวน ตามโครงการของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ผ่านสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำประเทศไทย ผมเคยถามนักข่าวเชิงสืบสวน ‘ตัวกลั่น’ ในสหรัฐฯหลายคน ที่มีส่วนร่วมในการขุดคุ้ยคดีดังกล่าวว่า คดีนี้คล้ายคลึงกับคดีวอเตอร์เกต (อดีตประธานาธิบดี Nixon มีส่วนพัวพันในการจารกรรมข้อมูลพรรคเดโมแครต จนนำไปสู่การลาออกครั้งแรกและครั้งเดียวในประวัติศาสตร์การเมืองสหรัฐฯ โดยถูกเปิดโปงจาก 2 นักข่าวหนังสือพิมพ์ The Washington Post) เป็นอย่างมาก

นักข่าวสืบสวนสหรัฐฯหลายรายเห็นด้วย แต่บอกว่า อุดมการณ์นักการเมืองพรรครีพับลิแกน (พรรคสังกัดของ Trump) ในปี 1974 (ตอน Nixon โดนคดีวอเตอร์เกต) กับปัจจุบันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะเรื่อง ‘ความซื่อสัตย์’ ที่หาแทบไม่ได้แล้วในยุคนี้ ?

นักข่าวสืบสวนสหรัฐฯหลายราย ยืนยันว่า จุดตายคดีนี้อยู่ที่ เอกสารการเสียภาษีของ Trump ที่มีการระบุข้อมูลรายรับ รายจ่าย เงินบริจาคต่าง ๆ และอาจทำให้เกิดการแกะรอยที่มาของเงิน จนนำไปสู่การเชื่อมโยงกับคดีรัสเซียแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีได้

แต่ปัญหาโอละพ่อคือ ปัจจุบัน Trump ยังไม่ได้ยื่นเอกสารการเสียภาษีให้กับหน่วยงานรัฐ คือ สำนักงานจริยธรรมสหรัฐฯ และคณะกรรมการการเลือกตั้งสหรัฐฯ หรือ FEC ตรวจสอบ เพื่อเปิดเผยข้อมูลให้ประชาชนรับรู้

นับเป็นประธานาธิบดีคนแรกของสหรัฐฯ ที่ไม่ยื่นเอกสารการเสียภาษีให้ภาครัฐ และสังคมตรวจสอบ ?

อย่างไรก็ดีตามกฎหมายการเลือกตั้งของสหรัฐฯ ไม่ได้ระบุว่า บุคคลที่ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี หรือแคนดิเดตผู้สมัครประธานาธิบดีจะต้องยื่นเอกสารแสดงภาษีให้ภาครัฐหรือสังคมตรวจสอบแต่อย่างใด

แต่ตามธรรมเนียมที่ปฏิบัติกันมา แคนดิเดตผู้สมัครประธานาธิบดี รวมถึงประธานาธิบดีทุกราย ต่างยื่นเอกสารแสดงภาษีให้ประชาชนรับรู้ถึงที่มาที่ไปของรายได้ต่าง ๆ ว่า มาจากไหน เอาไปทำแคมเปญการเลือกตั้งเท่าไหร่ นอกจากนั้นนำไปใช้จ่ายอะไรบ้าง เป็นต้น

ผู้เชี่ยวชาญด้านการเมืองในสหรัฐฯรายหนึ่ง กระซิบบอกผมว่า ปัจจุบันนักข่าวหลายรายทราบแล้วว่า ใครเป็นผู้เก็บข้อมูลเอกสารการเสียภาษีของ Trump และพวกเขาเหล่านี้กำลัง ‘ดีล’ ให้ได้มาซึ่งข้อมูลอยู่ และหากทำสำเร็จอาจทำให้ Trump ต้องตกที่นั่งลำบากได้

แต่ประเด็นสำคัญคือ Trump ก็รู้ตัวเองเช่นกันว่า เอกสารการเสียภาษีของเขา อยู่ในมือของใคร ในหน่วยงานไหนบ้าง ดังนั้นหากสื่อมวลชนมีการตีข่าวเอกสารการเสียภาษี Trump อาจทำให้บุคคลที่เก็บข้อมูลเหล่านี้ ‘ซวย’ ได้ ?

เพราะตามรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ ในบทบัญญัติแก้ไขข้อที่ 1 ระบุชัดเจนว่า สื่อมีเสรีภาพในการแสดงความเห็น ดังนั้นหากสื่อนำมาตีพิมพ์ สื่อไม่สามารถถูกรัฐบาลฟ้องได้ โดยมีการอ้างถึงคำพิพากษาศาลสูงสหรัฐฯเมื่อปี 1971 ที่ขณะนั้นหนังสือพิมพ์ The Washington Post และ The New York Times เผยแพร่เอกสารลับเพนตากอนเรื่องสงครามเวียดนาม ถูกรัฐบาล Nixon ฟ้อง แต่ผู้ชนะคือฝ่ายสื่อ

ดังนั้นสมมติว่า สื่อสหรัฐฯได้ข้อมูลเอกสารการเสียภาษีของ Trump มาแล้ว และเผยแพร่ต่อสาธารณะ คนที่ซวยไม่ใช่สื่อ แต่คือคนที่นำข้อมูลเหล่านี้ให้สื่อนั่นเอง เพราะกฎหมายสหรัฐฯให้เสรีภาพสื่อเต็มที่ แต่ไม่ได้ให้เสรีภาพเจ้าหน้าที่รัฐในการนำเอกสารลับทางราชการให้สื่อไปเผยแพร่แต่อย่างใด ?

ปัจจุบันสหรัฐฯจึงอยู่ในช่วง ‘สงครามข้อมูลข่าวสาร’ ระหว่างฝ่าย Trump ที่ตราหน้าสื่อเกือบทุกแห่ง (เว้น Fox ที่เข้าข้างรีพับลิแกนสุดขั้ว) ว่าเป็นพวก ‘สื่อปลอม’ (Fake News) ส่วนฝ่ายสื่อที่ยังตระหนักในหน้าที่เรื่องรักษาผลประโยชน์ของชาติ กำลังขะมักเขม้นหาข้อมูลเอกสารการเสียภาษีมาเปิดโปงพฤติการณ์ของ Trump ให้ได้

ไม่ว่าบรรทัดสุดท้ายของ ‘สงคราม’ ครั้งนี้จะออกมาเป็นยังไง แต่เชื่อว่าต้องถูกจารึกในประวัติศาสตร์การเมืองสหรัฐฯอีกเรื่องหนึ่งอย่างแน่นอน !