นายหน้ายอมรับ ค่าซื้อที่ดินการเคหะฯ - ชาวบ้าน 28.8 ล. เงินจาก บ.แลนด์ฯ

เขียนวันที่

วันอังคาร ที่ 25 กันยายน 2561 เวลา 20:30 น.

เขียนโดย

isranews

หมวดหมู่

ข่าว | Isranews | ข่าวทั่วไปศูนย์ข่าวสืบสวน | เรื่องเด่น - สำนักข่าวอิศรา

Tags

1 ใน 3 นายหน้าแจง‘อิศรา’ ปมการเคหะฯขายที่ดินโครงการร่มเกล้าพาร์ควิลล์ -ชาวบ้าน 8 ราย 28.8 ล. ยอมรับ เงินค่าที่ดิน บ.อสังหาฯ เป็นผู้จ่ายเช็ค ธ.แลนด์แอนด์เฮ้าส์ ทำสัญญากันไว้ก่อนแล้ว กระทำโดยสุจริต ให้การดีเอสไอไม่หนักใจ ส่วนกระบวนการอนุมัติเป็นเรื่องของผู้ขาย

piclanndddd25 9 18

กรณี การเคหะแห่งชาติ (กคช.) ตัดขายที่ดินบางส่วนของโครงการเคหะชุมชนและบริการชุมชนหารายได้ร่มเกล้า ระยะที่ 10 (พาร์ควิลล์ร่มเกล้า) เนื้อที่ 0-2-83.4 ไร่ (22 x 47 เมตร) ในราคารวมทั้งสิ้น 28,897,000 บาท ถูกร้องเรียนว่าเอื้อประโยชน์ให้แก่เอกชนและอยู่ระหว่างการตรวจสอบของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) และหน่วยงานเกี่ยวข้อง

สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานไปแล้วว่า การซื้อขายที่ดินแปลงนี้มีการจ่ายเงินเป็น 2 ลอต ครั้งแรกวันทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดิน ระหว่างชาวบ้านกับการเคหะฯ เมื่อวันที่ 13 ต.ค.2558 ผู้ซื้อ (ชาวบ้าน) จ่ายเงินจำนวน 5,800,000 บาท ครั้งที่สองวันจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ วันที่ 5 พ.ย.2558 ผู้ซื้อชำระเงินที่เหลือจำนวน 23,097,000 บาท การชำระเงินในครั้งที่สอง ผู้ซื้อชำระเป็นเช็คเงินสดจากธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ถูกนำเข้าบัญชีของการเคหะฯ

ความคืบหน้าในเรื่องนี้ เมื่อเวลาประมาณ 12.44 น. วันที่ 25 ก.ย.2561 สำนักข่าวอิศรา ได้ใช้โทรศัพท์หมายเลข 081 4075xxx ของสำนักข่าวติดต่อสอบถาม นายจุลศักดิ์ มาศไตร ผู้รับมอบอำนาจในการซื้อขายที่ดิน ผ่านทางโทรศัพท์ส่วนตัวของนายจุลศักดิ์ หมายเลข 0815559xxx นายจุลศักดิ์ยอมรับว่า เป็นนายหน้าและเป็นผู้รับมอบอำนาจจากชาวบ้านทั้ง 8 รายในการซื้อขายที่ดินจริง เนื่องจากเป็นความสะดวกของชาวบานในการจดทะเบียนต่อสำนักงานที่ดิน การซื้อขายใช้เวลาเจรจากับการเคหะฯกว่า 2 ปีก่อนที่การเคหะฯจะอนุมัติ ส่วนกระบวนการอนุมัติขายเป็นเรื่องภายในของการเคหะฯเอง ชาวบ้านและเอกชนไม่เกี่ยวข้อง

นายจุลศักดิ์กล่าวอีกว่า ความเป็นมาก็คือชาวบ้านกลุ่มนี้เป็นเจ้าของที่ดินตาบอดซึ่งอยู่ติดกับที่ดินโครงการของการเคหะฯ แล้วขายที่ดินให้แก่ บริษัทแลนด์แอนด์เฮ้าส์ เนื่องจากที่ดินไม่มีทางเข้า-ออก ชาวบ้านก็ติดต่อขอซื้อที่ดินแปลงนี้เพื่อเป็นทางเข้า-ออกกับการเคหะฯ ทำสัญญาซื้อขายกับการเคหะฯที่สำนักงานที่ดิน หลังจากนั้นก็โอนสิทธิ์ให้แก่ บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์

นายจุลศักดิ์ กล่าวอีกว่า ส่วนเงินค่าซื้อที่ดินในครั้งนี้ เป็นเงินของบริษัทแลนด์แอนด์เฮ้าส์ จ่ายเป็นแคชเชียร์เช็คธนาคารแลนด์แอนด์เฮ้าส์สั่งจ่ายการเคหะฯ เนื่องจากชาวบ้านทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินแปลงนี้ไว้กับบริษัทแลนด์ฯไว้ก่อนแล้ว เงินจำนวนนี้จึงไม่ใช่เงินของชาวบ้าน เป็นข้อเท็จจริงซึ่งตนเองกับนายภิรมย์ แฟงทอง และนายเจริญพนิช จันทภิรมย์รักษ์ ร่วมกันเป็นนายหน้าและเป็นตัวแทนในการจดทะเบียนซื้อขาย ได้ไปให้การต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษไว้แล้ว

“ผมกับพวกอีก 2 คนเป็นผู้รวบรวมที่ดินจากชาวบ้านซึ่งส่วนใหญ่เขาเป็นญาติพี่น้องกัน เสร็จแล้วเมื่อได้ที่ดินแปลงใหญ่ก็เอาไปเสนอขายให้บริษัทแลนด์ฯ แต่ที่ดินที่รวบรวมตรงนี้ไม่มีทางเข้า-ออก ก็ต้องติดต่อขอซื้อจากการเคหะฯ ติดต่อซื้อได้แล้วแล้วก็โอนต่อให้บริษัทแลนด์ฯ ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ การเคหะฯได้ขายที่ดินมีรายได้ ชาวบ้านก็มีทางออกสู่ถนนสาธารณะ ทั้งหมดเป็นไปตามข้อเท็จจริงและกระทำโดยทุจริต จึงไม่ได้หนักใจว่าใครจะมาตรวจสอบ ส่วนกรณีดีเอสไอพวกผมก็เดินทางไปให้การแล้ว”นายจุลศักดิ์กล่าวและว่า

เรื่องนี้ไม่น่าจะมีประเด็นอะไร ส่วนการขายที่ดินเป็นเรื่องของการเคหะฯ พูดง่ายๆ ก็คือถ้าเรามีเงินเป็นหมื่นล้านแล้วผู้ขายไม่สมัครใจขายให้ ก็คงไม่มีการซื้อขายเกิดขึ้น

สำนักข่าวอิศรารายงานว่า ในช่วงท้ายของการชี้แจงนายจุลศักดิ์พยายามสอบถามสำนักข่าวอิศราว่า การซื้อขายที่ดินในครั้งนี้ ในส่วนของการเคหะฯเองมีประเด็นใดที่เห็นว่าอนุมัติถูกต้องหรือไม่ถูกต้อง

ขณะที่ พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.) ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวอิศรา ถึงเรื่องนี้ว่า กรณีการกระทำความผิดของเอกชนนั้น คณะกรรมการที่เกี่ยวข้องได้มีการพิจารณาตรวจสอบในเรื่องนี้เช่นกัน ที่ผ่านมามีการพูดกันมากในเรื่องประเด็นเรื่องทางเข้าทางออกของหมู่บ้าน แต่ตนอยากให้ไปดูในประเด็นเรื่องว่าการขายที่ดินมีความคุ้มค่าหรือไม่ หรือว่ามีการกินหัวคิว มีการทุจริตเกิดขึ้น ซึ่งตรงนี้ตนไม่อยากจะไปกล่าวหาหรือไปบอกว่ามีหลักฐานว่าเขากระทำความผิด

เมื่อถามถึงผลการสอบสวนในคดีนี้ที่ให้ฝ่ายกฎหมายไปตีความเพิ่มเติม พล.อ.อนันตพร กล่าวว่า "ขณะนี้ผลการตีความยังไม่มาถึง แต่เมื่อพอได้ผลมาก็ต้องไปดูด้านเจตนาการทุจริตเป็นหลักและดูว่ามีความเสียหายเกิดขึ้นมากน้อยแค่ไหน เราคงไปอ้างหรือกล่าวหาว่าเขาทุจริตก่อนเลยก็คงทำไม่ได้" (อ่านประกอบ : 'อนันตพร' ยันผลสอบการเคหะฯตัดขายที่ดินให้เอกชนถึงมือแล้ว-รอฝ่ายกม.ตีความอำนาจเพิ่ม)