“หลานพุทธทาส” เปิดหน้าสู้!! ออกตัว คัดค้านโครงการปรับภูมิทัศน์เขาพุทธทอง
“เมตตา พานิช” หลานพุทธทาส เปิดหน้าสู้ ออกโรงแจงปมปรับภูมิทัศน์บนเขาพุทธทอง ยันไม่เห็นด้วย ทำโครงการใช้หินจำนวนมาก ภูเขาถูกขุดทำลายเพิ่มขึ้น ทำเสร็จคุ้มค่าหรือไม่ยังไม่มีคำตอบ หวั่นเกิดปัญหาซ้ำรอย สระนาฬิเกร์ วัยรุ่นใช้นั่งคุยแสดงกริยาไม่เหมาะสม ต้นไม้อายุ 100 ปี อาจล้มตายถูกดินถม ย้ำเพิ่งจะรู้สึกตัวว่าเป็นเกมการเมือง การต่อสู้กับอำนาจวัตถุนิยมอันเลวร้าย ยากที่คนธรรมดา-พระบวชใหม่จะมองเห็น
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2556 นายเมตตา พานิช หลานพระธรรมโกศาจารย์ (พุทธทาส อินทปัญโญ) ในฐานะประธานกรรมการธรรมทานมูลนิธิ คณะธรรมทาน ไชย สวมโมกข์ ได้เขียนบทความเรื่อง ความจริงกรณีปรับภูมิทัศน์บนเขาพุทธทอง โดยยอมรับว่าเป็นหนึ่งในบุคคลที่ไม่เห็นด้วยกับโครงการก่อสร้างดังกล่าว
นายเมตตา ระบุว่า “ ตามโครงการนี้ ถ้าจะทำให้สำเร็จเต็มโครงการจะต้องใช้ก้อนหินมากมาย ภูเขาอาจจะถูกขุดทำลายเพิ่มขึ้นอีก และเมื่อทำเสร็จแล้วจะได้ใช้ประโยชน์คุ้มค่าจากการลงทุนหรือไม่ ยังไม่มีคำตอบหรือคำอธิบายที่ชัดเจนจากเจ้าของโครงการ การจัดสวนหินให้เป็นที่นั่งโดยคิดว่าจะใช้เป็นที่ฝึกสมาธิ อาจเกิดปัญหาทำนองเดียวกันกับที่เคยเกิดเหตุการณ์ที่สระนาฬิเกร์ บันไดที่นั่งข้างสระนาฬิเกร์ มีบ่อยครั้งที่วัยรุ่นมานั่งคุยกันและแสดงกิริยาที่ไม่เหมาะสมกับสถานที่ จนกลายเป็นสาเหตุหนึ่งที่ต้องแก้ปัญหาด้วยการปิดประตูวัดไม่ให้สามารถขับรถเข้ามาได้โดยสะดวก”
นายเมตตา ระบุด้วยว่า “ ผมทราบเรื่องนี้ เพราะมีพระแวะมาบอกที่บ้าน ว่ามีการสั่งทรายหินปูนและเหล็กขึ้นไปบนเขาเป็นจำนวนมาก ท่านถามผมว่าเขาจะทำอะไรกัน ตอนแรกท่านคิดว่าเป็นการจัดเรียงหินซ่อมส่วนที่ชำรุดแบบง่าย ๆ ท่านจึงชักชวนพระขึ้นไปช่วยกันในวันกรรมกร วันถัดมาใกล้มืด พระสิงห์ทองมาหาที่บ้าน ท่านบอกว่าดินที่กองถมไว้ที่โคนต้นไม้สูงมาก ถึงระดับเอว ท่านเกรงว่าต้นไม้ขนาดใหญ่อายุกว่าร้อยปีจะตายเสีย รุ่งเช้าผมได้ไปหาผู้ใหญ่บ้านขอให้ช่วยยับยั้งโครงการไว้ก่อนแต่ไม่เป็นผล ผมยังคิดไม่ออกว่าจะทำอย่างไรต่อไป และช่วงนั้นต้องเตรียมงานการอบรมสมาธิคนไทยด้วย จึงไม่ค่อยมีเวลาติดตามเรื่องนี้”
“ประมาณวันที่ 20 ตอนเย็น มีชาวบ้านที่ขายของอยู่หน้าวัดไปหาผม เล่าให้ฟังว่า เมื่อตอนเช้ามีพระลงมาขนก้อนหินบางส่วนที่กองไว้ข้างลานหินโค้ง และมีชาวบ้านหลายคนปรึกษาร่วมกันว่า จะรวมกลุ่มคัดค้าน ขอให้ผมช่วยไปชี้แจงให้ชาวบ้านเข้าใจว่า โครงการที่เขากำลังทำอยู่มีความเป็นมาอย่างไร เวลาประมาณ 18.00 น. หลังจากทำวัตรเย็นเสร็จ ผมจึงออกไปพบกับกลุ่มชาวบ้านที่รออยู่ ชาวบ้านได้เอาใบถ่ายเอกสารให้อ่าน มีใจความว่าพระสิงห์ทองได้ไปขอคำปรึกษาจากเจ้าหน้าที่สำนักงานป่าไม้ ขอให้ช่วยเขียนจดหมายถึงเจ้าอาวาส เพื่อให้คำแนะนำในการแก้ไขและป้องกันไม่ให้ต้นไม้ที่มีอายุกว่า 100 ปี ต้องยืนต้นตายเพราะถูกดินถม”
“ต่อมาวันอาทิตย์ ที่ 25 ได้มีชาวบ้านจากหลายท้องที่ขึ้นไปดูบนเขาพุทธทอง ผมตามขึ้นไปดู เมื่อเวลาประมาณ 9.00 น. และตกเป็นจำเลยว่าเป็นผู้นำการประท้วง เป็นประสบการณ์ครั้งแรกในชีวิตที่ได้เรียนรู้อะไรมากมายจากการแสดงออกถึงความรุนแรง และเพิ่งจะรู้สึกตัวว่าเป็นเกมทางการเมืองเป็นการต่อสู้กับอำนาจของวัตถุนิยมอันเลวร้าย ยากที่คนธรรมดาระดับชาวบ้านหรือแม้แต่พระซึ่งบวชใหม่ จะมองเห็นหรือเข้าใจได้”
นายเมตตา ยังย้ำว่า โดยสรุปแล้วทุกคนที่เกี่ยวข้อง ล้วนรักเคารพท่านพุทธทาส และปรารถนาดีต่อสวนโมกข์ น่าเสียดายที่ไม่ได้มีการพูดคุยเพื่อทำความเข้าใจกัน และรับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่ายให้รอบด้านและครบถ้วน ก่อนตัดสินใจทำ โครงการนี้
ส่วนโมกข์เป็นสมบัติของคนทั้งประเทศ หรือทั้งโลกก็ว่าได้ ควรที่ทุกคนต้องช่วยกันปกป้องรักษาไว้ให้เป็น ไปตามปณิธานของท่านพุทธทาส ตลอดไปชั่วกาลนาน
ท่านพุทธทาส เขียนเป็นลายมือว่า ความสำราญทางกายย่อมต้องแลกมาด้วยความรุ่มร้อนทางใจเสมอ ในกรณีนี้ผมเห็นว่า ความสวยงามสะดวกสบายทางวัตถุย่อมต้องแลกมาด้วยความสูญเสียของสมดุลตามธรรมชาติ ที่ไม่อาจประเมินค่าได้
--------
(อ่านประกอบ : เมตตา พานิช: ความจริงกรณีปรับภูมิทัศน์บนเขาพุทธทอง)