- Home
- South
- ข่าวทั่วไปศูนย์ข่าวภาคใต้
- ฟังเสียงคนพื้นที่…เมื่อจีที 200 กำลังกลายเป็นอดีต
ฟังเสียงคนพื้นที่…เมื่อจีที 200 กำลังกลายเป็นอดีต
ปรัชญา โต๊ะอิแต
อับดุลเลาะ หวังนิ
โต๊ะข่าวภาคใต้ สถาบันอิศรา
ชาวบ้าน ผู้นำชุมชน และผู้นำศาสนาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เรียกร้องให้ฝ่ายความมั่นคงยุติการใช้เครื่องตรวจระเบิดจีที 200 หลังผลการทดสอบชี้ชัด “ไร้ประสิทธิภาพ” ขณะที่องค์กรสิทธิมนุษยชนปลุกผู้เสียหายฟ้องร้อง ด้าน ผบ.พตท.แจงไม่เคยใช้ จีที 200 เป็นหลักฐานดำเนินคดี
นายนิมุ มะกาเจ ประธานสภาที่ปรึกษาเสริมสร้างสันติสุข จ.ยะลา และผู้นำศาสนาในพื้นที่ กล่าวว่า เมื่อผลทดสอบ จีที 200 ออกมาชัดเจนแล้ว รัฐคงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยกเลิกการใช้ ส่วนกรณีที่ฝ่ายความมั่นคงอาจตัดสินใจเดินหน้าใช้ต่อไป ก็ต้องเป็นการใช้ในหน่วยงานของรัฐเองเท่านั้น ห้ามนำมาตรวจค้นหรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดกับประชาชน เพราะอาจทำให้เกิดปัญหาตามมา
วอนเลิกหลอกตัวเอง-อย่าดึงดันใช้ต่อ
นายอาหวัง เด่นดาหยัด ผู้ใหญ่บ้านควนหรัน ต.เปียน อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา ซึ่งเคยเชื่อในประสิทธิภาพของเครื่อง จีที 200 เพราะเคยถูกเครื่องมือชนิดนี้ชี้อาวุธปืนพกของตนเอง กล่าวว่า อยากให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติยอมรับผลการทดสอบ เพราะชัดเจนว่า จีที 200 ใช้ไม่ได้ และเห็นด้วยที่สุดที่รัฐบาลประกาศระงับการจัดซื้อและขอให้ประกาศยกเลิกการใช้อย่างเป็นทางการไปเลย
“ผมไม่อยากให้ฝ่ายความมั่นคงดึงดันนำมาใช้ต่อ เพราะไม่เพียงแต่จะสร้างปัญหากับพี่น้องประชาชนฝ่ายเดียว ยังอาจส่งผลถึงเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติเองด้วย จากตัวอย่างที่เคยมีมาแล้วกรณีเจ้าหน้าที่ผู้ใช้เครื่องจีที่ 200 ต้องสูญเสียชีวิตขณะนำไปตรวจหาระเบิด” นายอาหวัง กล่าว และว่าทางออกที่ดีที่สุดในการป้องกันเหตุร้ายคือรัฐต้องทำให้ชาวบ้านเชื่อมั่นและร่วมมือ
ขณะที่ ฮัจยีอับดุลรอหมาน ซิงอูเซ็ง จาก อ.บันนังสตา จ.ยะลา กล่าวว่า รู้สึกงงกับข่าวที่ออกมาเหมือนกันว่าเครื่อง จีที 200 ใช้งานไม่ได้ เพราะเจ้าหน้าที่ในพื้นที่เคยใช้ และเครื่องก็ชี้มาที่ปืนพกของเขาเอง ตอนนั้นก็ไม่ได้คิดอะไรนอกจากคิดว่าน่าจะใช้ได้ดี แต่เมื่อผลการทดสอบออกมาแล้วว่าเป็นเครื่องลวงโลก ฝ่ายความมั่นคงก็น่าจะพิจารณา และให้ความเป็นธรรมกับประชาชน เนื่องจากเครื่องมือนี้เคยชี้เด็กปอเนาะจำนวนมากจนต้องถูกจับกุม จึงอยากให้ฝ่ายความมั่นคงคำนึงถึงจุดนี้ อย่าให้เครื่องที่ใช้การไม่ได้มาชี้ชะตาชีวิตเด็กปอเนาะอีกเลย
นายหลี สาเมาะ กำนัน ต.ปากบาง อ.เทพา จ.สงขลา กล่าวว่า หากฝ่ายความมั่นคงยังนำ จีที 200 มาใช้ในพื้นที่อีก คงไม่เป็นผลดีกับประชาชน และเป็นเรื่องน่าหัวเราะมากกว่า ทางออกที่ดีของปัญหานี้ คือรัฐต้องใช้ความจริงใจกับชาวบ้าน แล้วก็จะได้ความร่วมมือ ซึ่งดีกว่าไปพึ่งเครื่องมือที่รู้อยู่แล้วว่าใช้ไม่ได้ อยากขอให้เจ้าหน้าที่เลิกหลอกตัวเองเสียที
ดักคออย่าอ้างเสริมความมั่นใจ
นายสมพร สังข์สมบูรณ์ นักวิจัยอิสระซึ่งทำงานอยู่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าวว่า เมื่อผลการทดสอบออกมาชัดเจน ก็เห็นด้วยที่จะต้องสั่งระงับการจัดซื้อและยกเลิกการใช้เครื่องทั้งหมด เพราะหากเจ้าหน้าที่ยังยืนยันที่จะใช้ต่อไป คงไม่ใช่เรื่องดีสำหรับประชาชน
“มันไม่ใช่เรื่องของการเสริมความมั่นใจของเจ้าหน้าที่ เพราะขณะนี้ทุกคนรู้แล้วว่ามันใช้ไม่ได้ หากจะยังใช้อีกมันก็เป็นเรื่องตลกสำหรับชาวบ้าน ที่ผ่านมาเครื่อง จีที 200 ก็พลาดมาหลายครั้ง ผมเองเคยเห็นมันชี้ไปที่ต้นมะพร้าว เมื่อเจ้าหน้าที่ปีนขึ้นไปดู ก็พบแค่ถุงน้ำมันและกระป๋องนมที่หนูนำขึ้นไป”
“ส่วนที่ท่ากำชำ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เครื่องจีที 200 ก็เคยชี้ไปที่เด็กคนหนึ่ง แต่ปรากฏว่าเด็กคนนี้เคยประสบอุบัติเหตุ หมอเสริมเหล็กเข้าไปที่ขา แต่เจ้าหน้าที่ไม่รู้ จึงควบคุมตัวเด็กคนนั้นไปเข้าอบรม ต้องเคลียร์กันนานเหมือนกันกว่าจะเข้าใจ สุดท้ายเราต้องไปรับเด็กกลับมาจาก จ.ระยอง”
นายสมพร กล่าวด้วยว่า หลายเหตุการณ์ที่เครื่อง จีที 200 สร้างเงื่อนไขกับคนในพื้นที่ แต่ไม่มีใครกล้าปฏิเสธหรือคัดค้าน จำต้องเดินไปตามชะตากรรมที่เครื่อง จีที 200 กำหนด แต่วันนี้ทุกอย่างจบแล้ว
จี้ตรวจสอบเรือเหาะ-สติ๊กเกอร์บาร์โค้ด
นายอนุกูล อาแวปูเตะ ประธานศูนย์ทนายความมุสลิม จ.ปัตตานี กล่าวว่า เรื่อง จีที 200 ยังไม่จบเพียงแค่นี้ เพราะเรื่องที่น่าเป็นห่วงไม่แพ้ประสิทธิภาพของเครื่อง ก็คือความไม่โปร่งใสในการจัดซื้อและเรื่องผลประโยชน์ เนื่องจากกลายเป็นวลีติดปากคนในสามจังหวัดไปแล้วว่ามี “อุตสาหกรรมความมั่นคง”
“มันเป็นสิ่งที่ประชาชนสงสัย เพราะมันมีอะไรที่บ่งบอกว่ามีผลประโยชน์ซ่อนอยู่ ซึ่งรัฐต้องเร่งสะสาง ที่สำคัญยังมีเครื่องมืออื่นๆ อีก ไม่ว่าจะเป็นเรือเหาะตรวจการณ์ กล้องวงจรปิด ที่มีคำถามว่ากระบวนการจัดซื้อโปร่งใสขนาดไหน ทุกวันนี้ชาวบ้านเข้าใจว่าที่เหตุการณ์ภาคใต้ยืดเยื้อมาถึงขนาดนี้ เพราะเรื่องทุจริตและผลประโยชน์ของรัฐ”
นายอนุกูล เสนอว่า หลังจากนี้หากฝ่ายความมั่นคงจะมีมาตรการอะไรมาใช้ในพื้นที่ ควรมีกระบวนการปรึกษาหารือหรือเปิดโอกาสให้องค์กรภาคประชาสังคมร่วมพิจารณาก่อน และสอบถามความเห็นจากคนในพื้นที่ด้วย ไม่อย่างนั้นจะเกิดความไม่สบายใจ เหมือนมาตรการควบคุมยานพาหนะด้วยการขึ้นทะเบียนและติดสติ๊กเกอร์บาร์โค้ด ซึ่งมีปัญหาตามมามากมาย
บี้รัฐเยียวยาเหยื่อ จีที 200-องค์กรสิทธิแนะฟ้อง
นางอัญชนา หีมมิหน๊ะ แกนนำกลุ่มด้วยใจ (กลุ่มครอบครัวผู้ต้องขังชายแดนใต้) กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่ผลการทดสอบออกมาว่าเครื่องมือนี้ไร้ประสิทธิภาพ และอยากให้รัฐยกเลิกการใช้ เพราะในฐานะแกนนำกลุ่มด้วยใจ ทราบดีว่าชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนกับเครื่องจีที 200 มาก มีผู้ชายจากหลายครอบครัวต้องถูกจับเพราะเครื่องตัวนี้
“อยากให้รัฐช่วยเหลือผู้ต้องขังที่ถูกจับเพราะเครื่องจีที 200 โดยให้สามารถประกันตัวได้ เพราะคนเหล่านั้นโดนจับเนื่องจากความผิดพลาดของเครื่องมือ หรือหากสุดท้ายศาลยกฟ้อง รัฐก็ต้องเยียวยาค่าเสียหายให้ด้วย” นางอัญชนา กล่าว
ความเห็นของแกนนำกลุ่มด้วยใจ สอดคล้องกับ นางอังคณา นีละไพจิตร ประธานคณะทำงานยุติธรรมเพื่อสันติภาพ ที่บอกว่า กองทัพและรัฐบาลต้องรับผิดชอบ เพราะที่ผ่านมากองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) ใช้เครื่องจีที 200 ตรวจค้นรถยนต์ บ้านเรือน และร่างกายประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะในช่วงประกาศยุทธการพิทักษ์แดนใต้ เมื่อปี 2550-2551 ทำให้มีประชาชนนับพันคนต้องถูกควบคุมตัวเนื่องจากถูกเครื่อง จีที 200 ชี้ว่าร่างกายหรือรถยนต์หรือในเคหะสถานปนเปื้อนสารต้องสงสัย
"ขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี และ ผบ.ทบ. (ผู้บัญชาการทหารบก) ออกมาขอโทษประชาชน เนื่องจากนายกฯเป็น ผอ.รมน.โดยตำแหน่ง ส่วน ผบ.ทบ.ก็เป็นรองผอ.รมน.โดยตำแหน่ง ที่สำคัญผู้เสียหายที่ถูกควบคุมตัวมีสิทธิร้องต่อศาลเพื่อให้เยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้นได้ และมีสิทธิฟ้องทั้งทางแพ่งและอาญาฐานทำให้เสื่อมเสียอิสรภาพ และหน่วงเหนี่ยวกักขัง ดังนั้นรัฐต้องจัดให้มีการเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อประชาชนที่ถูกละเมิดสิทธิด้วย" นางอังคณา กล่าว
ขณะที่ นายสุนัย ผาสุก ที่ปรึกษาองค์กรฮิวแมนไรท์วอชท์ ซึ่งเป็นองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนชื่อดัง กล่าวว่า คนที่ต้องสูญเสียอิสรภาพเพราะเครื่อง จีที 200 ต้องฟ้องในแง่ถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน โดยสามารถฟ้องต่อองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ได้เลย เนื่องจากเป็นการละเมิดโดยใช้อำนาจมิชอบ
“พรทิพย์”ลั่นใช้ต่อ-“กสิกร”แจงไม่เคยป้ายผิดใคร
แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า จะใช้เครื่องตรวจระเบิด จีที 200 ต่อไป เพราะเคยบอกแล้วว่าเครื่องนี้ไม่ได้ใช้หลักการทางวิทยาศาสตร์ 100% แต่มีปัจจัยจากตัวผู้ถือทำให้ผลเบี่ยงเบนได้ ทั้งนี้สาเหตุที่จะใช้ต่อ เพราะเจ้าหน้าที่ของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ใช้แล้วแสดงผลแม่นยำทุกครั้ง
แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ ยังกล่าวถึงกรณีที่ผู้เสียหายจากการใช้งานเครื่อง จีที 200 อาจฟ้องกลับเจ้าหน้าที่รัฐเพราะถูกควบคุมตัวโดยมิชอบว่า การควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยเป็นอำนาจตามกฎอัยการศึกและพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 หรือ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และเจ้าหน้าที่ไม่ได้ใช้เครื่อง จีที 200 เพียงอย่างเดียวในการยืนยันความผิด และขอย้ำว่าไม่เคยมีการฟ้องร้องดำเนินคดีผู้ต้องหารายใดโดยอ้างหลักฐานจากเครื่อง จีที 200 อีกทั้งศาลก็ไม่ได้รับฟังผลตรวจของ จีที 200 เป็นหลักฐานในชั้นศาลอยู่แล้ว ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ใช้เครื่องมือนี้เพื่อชี้เป้าและลดขนาดพื้นที่ค้นหาเท่านั้น
ขณะที่ พล.ท.กสิกร คีรีศรี ผู้บัญชาการกองบัญชาการผสมพลเรือนตำรวจทหาร (ผบ.พตท.) กล่าวว่า การที่มีบางฝ่ายอ้างว่าเจ้าหน้าที่ใช้เครื่องมือ จีที 200 ในการจับกุมผู้ต้องสงสัยนั้น เป็นเรื่องเข้าใจผิด เพราะไม่เคยมีการใช้หลักฐานจากจีที 200 ไปดำเนินคดีใคร อีกทั้งการปฏิบัติการในพื้นที่ก็ใช้เครื่องมือหลายชนิด ไม่ใช่จีที 200 เพียงอย่างเดียว
----------------------------------------------------------
หมายเหตุ : ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต
อ่านประกอบ :
- "จีที 200-เรือเหาะ-สติ๊กเกอร์" เครื่องมือเพื่อความมั่นคงในอุตสาหกรรมความไม่มั่นคง
- ผลสอบ "จีที 200" ชี้ชัดไร้ประสิทธิภาพ! นายกฯสั่งทำความเข้าใจทุกหน่วย "เสี่ยง" หากใช้ต่อ
- อังกฤษสั่งห้ามจำหน่ายเครื่องตรวจระเบิดคล้าย "จีที 200" ชุมชนอินเทอร์เน็ตไทยฮือต้านอุปกรณ์ฉาว!