- Home
- South
- ข่าวทั่วไปศูนย์ข่าวภาคใต้
- ฉุกเฉินถาวร! รัฐต่อ พ.ร.ก.รอบที่ 21 ไฟใต้ยังโชนยิงอดีตตร.ดับคาตลาด
ฉุกเฉินถาวร! รัฐต่อ พ.ร.ก.รอบที่ 21 ไฟใต้ยังโชนยิงอดีตตร.ดับคาตลาด
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันอังคารที่ 19 ต.ค.2553 มีมติต่ออายุการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยอาศัยอำนาจตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 หรือ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ต่อไปอีก 3 เดือน โดยให้เหตุผลว่าเพื่อเป็นเครื่องมือในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่เพื่อแก้ไขปัญหาความไม่สงบ
นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า นายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ได้นำเสนอเรื่องการขออนุมัติขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ระยะเวลา 3 เดือนเป็นครั้งที่ 21 โดยให้เหตุผลเรื่องเครื่องมือในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่
ทั้งนี้ จากการประเมินสถานการณ์ที่ผ่านมา โดยเฉพาะในห้วงเดือน ก.ค.ถึง ก.ย.2553 ยังมีความเคลื่อนไหวของผู้ก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่ แม้ว่าจากสถิติดูเหมือนเหตุรุนแรงลดลงในบางส่วน แต่ยังเกิดเหตุการณ์หลายพื้นที่ โดยมีการใช้อาวุธและวัตถุระเบิด ทำให้การปฏิบัติของเจ้าหน้าที่มีการปรับตัวเพื่อเคลื่อนไหว สกัดกั้น ปิดล้อม ตรวจค้น จับกุม และดำเนินการเพิ่มมากขึ้น ในส่วนที่มีการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องใน จ.ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส มีเหตุการณ์เกิดขึ้นประมาณ 168 เหตุการณ์ แต่การขยายผลของการทำงาน เจ้าหน้าที่ทราบผู้ก่อการเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังได้รายงานกลไกต่างๆ พร้อมรายงานคดีความมั่นคงหลายคดีที่เกิดขึ้น ส่วนใหญ่อยู่ในกระบวนการยุติธรรม โดยพนักงานสอบสวนสามารถดำเนินการฟ้องผู้กระทำความผิดได้แล้ว
"นายกรัฐมนตรีได้ให้แนวทางที่ชัดเจนในการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ โดยนโยบายให้ลดลงตามลำดับ และอาจมีการทดลองยกเลิกการใช้ พ.ร.ก.ฉบับนี้หรือทดแทนด้วย พ.ร.บ.ความมั่นคง (พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551) โดยเรื่องนี้นายกรัฐมนตรีจะมอบหมายให้ นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาพิจารณาอีกครั้ง เพื่อกำหนดกฎเกณฑ์และวางแนวทางตามที่นายกรัฐมนตรีให้ไว้" นายปณิธาน กล่าว
กราดยิงนายช่าง อบต.ดับ-พนักงานปั๊มปางตาย
ด้านสถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ยังคงเกิดเหตุรุนแรงรายวันแม้รัฐบาลจะประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 5 ปี 3 เดือนแล้วก็ตาม โดยเมื่อเวลา 16.40 น. วันอังคารที่ 19 ต.ค. พ.ต.ท.วีระชาติ คูหามุข รองผู้กำกับการ สภ.หนองจิก จ.ปัตตานี รับแจ้งเหตุยิงกันมีผู้เสียชีวิต บริเวณหัวสะพานบ้านสายหมอ หมู่ 6 บ้านสายหมอ ต.บางเขา อ.หนองจิก จึงรีบนำกำลังรุดไปตรวจสอบ
ในที่เกิดเหตุพบรถกระบะตอนครึ่ง ยี่ห้ออีซูซุ สีบรอนซ์เงิน ป้ายทะเบียนแดง ฐ-9895 กรุงเทพมหานคร จอดเสียหลักอยู่ในสภาพกระจกหน้า กระจกข้าง และตัวถังมีรอยกระสุนปืนพรุนรอบคัน ภายในรถพบศพ นายพุฒิพงศ์ เหนี่ยวทอง อายุ 28 ปี นายช่างองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) บางเขา อ.หนองจิก มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนอาก้า เอ็ม 16 และปืนพกขนาด .357 และ .38 พรุนทั้งตัว นอกจากนั้นยังพบซองใส่ปืนขนาด .357 ตกอยู่ 1 อัน แต่อาวุธปืนของผู้ตายถูกคนร้ายขโมยไปด้วย และพบจดหมาย 2 ฉบับเขียนข้อความทำนองว่าเป็นการก่อเหตุเพื่อล้างแค้นที่เจ้าหน้าที่รัฐจับกุมผู้บริสุทธิ์
สอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ นายพุฒิพงศ์ เดินทางออกจากสำนักงานเพื่อกลับบ้านในตัวเมืองปัตตานี แต่ขับรถออกมาได้เพียง 500 เมตรถึงบริเวณสะพานจุดเกิดเหตุซึ่งเป็นที่เปลี่ยว มีคนร้าย 4-5 คนดักรออยู่ และใช้อาวุธปืนสงครามทั้งเอ็ม 16 อาก้า และปืนพกขนาด .38 กราดยิงใส่จนนายพุฒิพงศ์เสียชีวิต จากนั้นคนร้ายจึงเข้าไปหยิบปืนในรถ และทิ้งจดหมาย ก่อนจะใช้อาวุธปืนของผู้ตายยิงซ้ำอีกหลายนัด แล้วจึงหลบหนีไป เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
ก่อนหน้านั้น เวลา 13.40 น.วันเดียวกัน เกิดเหตุยิงกันในปั๊มน้ำมันบริษัทปักษ์ใต้ออยล์เทรดดิ้ง จำกัด ตั้งอยู่ริมทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 42 (ปัตตานี-นราธิวาส) ท้องที่หมู่ 5 ต.รูสะมิแล อ.เมืองปัตตานี ทำให้ นายบุญตา คินันติ อายุ 45 ปี ช่างประจำปั๊ม ได้รับบาดเจ็บ
หลังเกิดเหตุ ตำรวจ สภ.เมืองปัตตานี ได้นำกำลังรุดไปตรวจสอบ และสอบสวนจนทราบว่าก่อนเกิดเหตุ นายบุญตากำลังนั่งคุยกับพนักงานในปั๊มบริเวณม้าหินอ่อนข้างตู้จ่ายน้ำมัน จู่ๆ ก็มีคนร้าย 2 คนขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ สีแดง โฉบผ่านมา และใช้อาวุธปืนขนาด .38 กระหน่ำยิงใส่ 2 นัด จนนายบุญตาได้รับบาดเจ็บดังกล่าว เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุของเหตุการณ์ในครั้งนี้
เหนี่ยวไกสังหารอดีต ตร.ปัตตานีคาตลาดกลางเมือง
วันจันทร์ที่ 18 ต.ค. เวลาประมาณ 10.20 น. พ.ต.อ.นฤชา สุวรรณลาภา ผู้กำกับการ สภ.เมืองปัตตานี รับแจ้งเหตุยิงกันในตลาดนัดเสื้อผ้ามือสองกลางเมืองปัตตานี ตั้งอยู่บนถนนกลาพอ ต.จะบังติกอ จึงนำกำลังรุดไปตรวจสอบ ในที่เกิดเหตุพบ ด.ต.อัศวิน นัครามนตรี อายุ 60 ปี อดีตตำรวจ สภ.เมืองปัตตานี มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนพกขนาด .357 เข้าที่ศีรษะ 1 นัด อาการสาหัส จึงรีบนำส่งโรงพยาบาล แต่ ด.ต.อัศวิน ทนพิษบาดแผลไม่ไหว เสียชีวิตในเวลาต่อมา
จากการสอบสวนทราบว่า ผู้ตายเป็นอดีตตำรวจ สภ.เมืองปัตตานี โดยลาออกก่อนเกษียนอายุราชการ (เออร์ลี่ รีไทร์) และเปิดร้านขายของที่บ้าน ก่อนเกิดเหตุผู้ตายพร้อมด้วยภรรยาและลูกไปซื้อสินค้าที่ตลาดเสื้อผ้ามือสอง จังหวะนั้นมีคนร้ายจำนวน 2 คนขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า สีขาว ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน มาจอดใกล้ๆ กับจุดที่ผู้ตายยืนเลือกสินค้าอยู่ จากนั้นคนร้ายที่นั่งซ้อนท้าย สวมเสื้อยืดแขนยาวสีเขียว กางเกงยีนส์ สวมหมวก ได้เดินเข้าไปด้านหลังผู้ตาย และชักปืนพกขนาด .357 ยิงใส่ทันที ท่ามกลางสายตาประชาชนจำนวนมาก เสียงปืนดังก้องจนชาวบ้านแตกฮือกันไปคนละทิศละทาง หลังก่อเหตุคนร้ายได้หยิบปืนประจำกายของ ด.ต.อัศวิน ไปด้วย ก่อนจะวิ่งไปขึ้นรถจักรยานยนต์ขับหลบหนีไป เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
ต่อมา พ.ต.อ.นฤชา ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าของคดีว่า กลุ่มคนร้ายเป็นเด็กใหม่ๆ อยู่นอกพื้นที่ และเพิ่งได้รับการฝึกเป็นหน่วยปฏิบัติการอาร์เคเคในเมือง (หน่วยรบขนาดเล็กที่ผ่านการฝึกแบบจรยุทธ์) มีอาวุธปืนสั้นเป็นอาวุธประจำกายซุกซ่อนอยู่ในเขตเมือง เมื่อจะก่อเหตุก็นำมาใช้ ซึ่งจากการเปรียบเทียบกับอีกหลายคดีเป็นอาวุธปืนชนิดเดียวกันและกระบอกเดียวกัน ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้กระจายกำลังไล่ล่าโดยติดตามทิศทางการเข้าออกเมืองอยู่ พฤติกรรมของคนร้ายกลุ่มนี้ยังไม่มีความชำนาญ แต่ปฏิบัติเป็นประจำ ซ้ำๆ ที่เก่าเวลาเดิม
จ่อยิงหนุ่มฉกรรจ์ดับคาตลาดอีกศพ
วันอาทิตย์ที่ 17 ต.ค. เวลาประมาณ 19.00 น. พ.ต.ท.ต่วนเดร์ จุฑานันท์ รองผู้กำกับการ สภ.ยะรัง จ.ปัตตานี รับแจ้งเหตุยิงกันมีผู้เสียชีวิตที่หน้าร้านขายของชำ เลขที่ 28 บ้านต้นมะขาม หมู่ 4 ต.เมาะมาวี จึงนำกำลังรุดไปตรวจสอบ พบศพ นายนาวาวี ยือรา อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 279/2 หมู่ 4 ต.เมาะมาวี ถูกยิงด้วยอาวุธปืนพกขนาด 11 มม. เข้าที่ศีรษะและลำตัว ในที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนจำนวน 2 ปลอกจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
สอบสวนทราบว่า ขณะที่ผู้ตายกำลังเดินซื้อของอยู่ในตลาดนัดหน้าร้านขายของชำ ได้มีคนร้าย 2 คนขี่รถจักรยานยนต์มาจอดใกล้ๆ แล้วชักปืนจ่อยิงจากด้านหลังต่อหน้าประชาชนจำนวนมาก จากนั้นได้วิ่งไปขึ้นรถจักรยานยนต์หลบหนีไป เบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
ถล่มป้อม อส.สุไหงโก-ลก ดับ1 เจ็บ 1 ฉกปืน 3 กระบอกหนี
วันเสาร์ที่ 16 ต.ค. เวลาประมาณ 18.20 น. พ.ต.อ.นิตินัย หลังยาหน่าย ผู้กำกับการ สภ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส รับแจ้งเหตุคนร้ายไม่ทราบจำนวนยิงถล่มจุดตรวจอาสารักษาดินแดน (อส.) อ.สุไหงโก-ลก บริเวณสามแยกหลังวัดชลเฉลิมเขต ในเขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก ทำให้ อส.เสียชีวิต 1 นาย บาดเจ็บสาหัส 1 นาย จึงรีบนำกำลังรุดไปตรวจสอบ
ในที่เกิดเหตุพบศพ อส.ฮานีฟ อาลี อายุ 24 ปี ถูกยิงด้วยอาวุธปืนสงครามที่ลำตัว ศีรษะ และใบหน้า เสียชีวิตคาที่อยู่บนถนนหน้าบังเกอร์จุดตรวจ ส่วนผู้บาดเจ็บอีก 1 นาย ทราบชื่อคือ อ.ส.ฮาปีซี อาแว อายุ 28 ปี เจ้าหน้าที่มูลนิธิกู้ภัยธารน้ำใจสุไหงโก-ลก เจ้าหน้าที่ช่วยกันนำส่งโรงพยาบาลสุไหงโก-ลก
สอบสวนทราบว่า ขณะเกิดเหตุมี อส.เข้าเวรอยู่ที่ป้อม 2 นาย ส่วนอีก 3 นายเดินทางไปประกอบพิธีละหมาด จากนั้นมีคนร้ายไม่ทราบจำนวนขับรถกระบะยี่ห้อมิตซูบิซิ สีบรอนซ์ทองไม่ทราบหมายเลขทะเบียนมาจอดที่หน้าป้อมจุดตรวจ โดยคนร้ายที่นั่งในกระบะหลังจำนวน 3 คน ได้กระโดดลงมาจากรถ พร้อมใช้อาวุธปืนสงครามเอ็ม16 อาก้า ยิ่งใส่ อส.ทั้ง 2 นายจน อส.ฮานีฟ เสียชีวิตคาที่ ส่วน อส.ฮาปีซี ได้รับบาดเจ็บสาหัส จากนั้นคนร้ายได้วิ่งไปหยิบอาวุธปืน เอชเค และเอ็ม 16 ของเจ้าหน้าที่ อส.ที่วางอยู่ในป้อมจุดตรวจจำนวน 3 กระบอกหลบหนีไปด้วย เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ร้ายรายวันของกลุ่มผู้ไม่หวังดี
เผาเรือล่อตำรวจก่อนกดระเบิดเจ็บ 2
วันศุกร์ที่ 15 ต.ค. เวลาประมาณ 20.30 น. พ.ต.อ.อำนาจ ดี ผู้กำกับการ สภ.สายบุรี จ.ปัตตานี รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้และระเบิดบริเวณสถานที่ท่องเที่ยวหาดวาสุกรี เขตเทศบาลตำบลตะลุบัน อ.สายบุรี จึงรีบนำกำลังรุดไปตรวจสอบ ทั้งนี้ ที่เกิดเหตุอยู่บริเวณอาคารที่ทำการซึ่งจัดไว้เฉพาะสำหรับงานประจำปีของอำเภอ โดยมีซากเรือกอและจำลองถูกเผาได้รับความเสียหาย ใกล้ๆ กันพบหลุมระเบิด มีชิ้นส่วนโทรศัพท์มือถือและสะเก็ดระเบิดกระจายเกลื่อน ส่วนผู้บาดเจ็บมีพลเมืองดีช่วยกันนำส่งโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสายบุรีแล้ว ทราบชื่อคือ จ.ส.ต.ดลเลาะ นีเฮ็ม อายุ 39 ปี ผู้บังคับหมู่งานป้องกันและปราบปราม (ผบ.หมู่ ป.) สภ.สายบุรี ถูกสะเก็ดระเบิดบริเวณใบหน้าและลำตัวอาการสาหัส แพทย์ต้องส่งไปรักษาต่อยังโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ส่วนอีกรายคือ ร.ต.ท.สมบูรณ์ พูนสง อายุ 42 ปี รอง สวป.สภ.สายบุรี ถูกสะเก็ดบริเวณลำตัวได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย
สอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุตำรวจ สภ.สายบุรี ได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้เรือกอและจำลอง จึงเข้าตรวจสอบพื้นที่และประสานรถดับเพลิงเข้าไปฉีดน้ำสกัดเพลิง แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึง คนร้ายได้กดจุดชนวนระเบิดที่วางรอไว้แล้ว จนเกิดระเบิดเสียงดังสนั่น มีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บ 2 นายดังกล่าว เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ของกลุ่มก่อความไม่สงบ
"ประยุทธ์"ล่องใต้ย้ำ จนท.ห้ามละเมิดสิทธิ-"กษิต"พาทูต 9 ประเทศลงพื้นที่
สำหรับกิจกรรมอื่นๆ ในพื้นที่ วันจันทร์ที่ 18 ต.ค. ที่หน่วยเฉพาะกิจยะลา 15 บ้านยีลาปัน ต.บันนังสตา อ.บันนังสตา จ.ยะลา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) พร้อมคณะ เดินทางเข้าร่วมประชุมหารือกับผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจในพื้นที่ โดยมี พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 นายอภินันท์ ซื่อธานุวงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา และ พล.ต.ต.สายัณห์ กระแสแสน ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา พร้อมด้วยหัวหน้าหน่วยกำลังในพื้นที่เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า จากการประชุมรับฟังการสรุปและประเมินสถานการณ์ พบว่าได้มีการกำหนดนโยบายและยุทธศาสตร์ในปี 2554 น้อมนำยุทธศาสตร์พระราชทาน "เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา" มาใช้ในการแก้ไขปัญหา โดยใช้การพัฒนาพื้นที่นำเข้าไป และสร้างความเข้าใจกับประชาชนได้พอสมควร นำไปสู่การขยายผลการปฏิบัติ โดยยุทธศาสตร์ที่จะทำต่อไปคือ
1.ดูว่าในพื้นที่มีความขัดแย้งในเรื่องใดหรือมีเงื่อนไขอะไรบ้าง 2.เร่งพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้ประชาชนมีรายได้จากอาชีพ 3.เรื่องของความยุติธรรมตามกฎหมาย จะดูแลทั้งเจ้าหน้าที่ของรัฐและกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง ซึ่งจะต้องติดตามไปถึงครอบครัวว่าได้รับความเป็นธรรมหรือไม่อย่างไร 4.กระบวนการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นประชาชน และเจ้าหน้าที่จากองค์กรสิทธิมนุษยชนต่างๆ 5.การพัฒนาพื้นที่ และ 6.การรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน
"ผมได้เน้นย้ำกับเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยว่า การกระทำใดๆ นอกกฎหมายไม่ว่าจะพลเรือน ตำรวจ ทหาร จะต้องไม่เกิดขึ้นโดยเด็ดขาด ไทยพุทธไทยมุสลิมต้องไม่ทะเลาะกัน ต้องอยู่ร่วมกันอย่างสันติ ภายใต้รัฐธรรมนูญ ภายใต้รัฐไทย และอยู่ด้วยกันอย่างสันติ รวมทั้งปัญหาแทรกซ้อน เช่น การค้าสินค้าหนีภาษี ปัญหายาเสพติด และการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายทั้งหมดเช่นกัน" ผบ.ทบ. กล่าว
หลังจากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมคณะ ได้เดินทางไปยังหน่วยพัฒนาสันติ 15-1 หน่วยเฉพาะกิจยะลาที่ 15 บ้านเจาะบันตัง หมู่ 9 ต.บันนังสตา เพื่อตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจการปฏิบัติงาน พร้อมพบปะกับกลุ่มผู้นำศาสนาและชาวบ้าน จากนั้นเดินทางต่อไปยังมัสยิดมัรกัสดาวะห์ อ.เมือง จ.ยะลา เพื่อพบปะกับพี่น้องมุสลิม และพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เสร็จแล้วได้เดินทางไปยังวัดเมืองยะลา เพื่อเข้านมัสการพระธรรมสิทธิมงคล เจ้าอาวาสวัดเมืองยะลา ในฐานะเจ้าคณะจังหวัดยะลา ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ
ขณะที่ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้นำคณะทูต 9 ประเทศ ได้แก่ อียิปต์ บาห์เรน เยอรมนี อิตาลี นอร์เวย์ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ แคนาดา และญี่ปุ่น เดินทางลงพื้นที่ จ.นราธิวาส เพื่อดูวิถีชีวิตของประชาชนมุสลิมและรับทราบประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่จริง
----------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ขณะลงพื้นที่ จ.ยะลา (ภาพโดย อะหมัด รามันห์สิริวงศ์)