- Home
- South
- ข่าวทั่วไปศูนย์ข่าวภาคใต้
- นายกฯโยงถล่มใต้รับ"โอไอซี" ทหารปัดตอบปืนถูกปล้น 50 กระบอก
นายกฯโยงถล่มใต้รับ"โอไอซี" ทหารปัดตอบปืนถูกปล้น 50 กระบอก
นายกฯเชื่อกลุ่มป่วนใต้ก่อเหตุครั้งใหญ่บุกถล่มฐานทหารฉวยจังหวะใกล้ประชุม "โอไอซี" ยั่วเจ้าหน้าที่ตอบโต้รุนแรง หวังเป็นเงื่อนไขยกระดับสถานการณ์สู่เวทีโลก ยันเดินหน้าทยอยเลิก พ.ร.ก.-ลดกำลงพล ผบ.ทบ.รับหน่วยปฏิบัติหย่อนความระมัดระวัง สำทับห้ามมีเหตุซ้ำอีก ชี้ใต้ไม่สงบเพราะมีกลุ่มถูกล้างสมอง ลั่นแยกดินแดนไม่มีทางสำเร็จ ด้านแม่ทัพภาค 4 ปิดตัวเลขปืนถูกปล้น ปูดล่องหนไม่ต่ำกว่า 50 กระบอก
เหตุการณ์คนร้ายบุกโจมตีฐานปฏิบัติการพระองค์ดำ สังกัดกองร้อยทหารราบที่ 15121 (ร้อย ร.15121) หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 38 ตั้งอยู่ริมถนนสายมะรือโบตก-รือเสาะ ท้องที่บ้านมะรือโบตก หมู่ 1 ต.มะรือโบตก อ.ระแงะ จ.นราธิวาส เมื่อค่ำวันพุธที่ 19 ม.ค.ที่ผ่านมา จนเป็นเหตุให้ทหารเสียชีวิต 4 นาย บาดเจ็บอีกจำนวนหนึ่ง และอาวุธปืนจากคลังแสงในฐานสูญหายไปอีกหลายสิบกระบอกนั้น ได้รับการอธิบายจากผู้นำรัฐบาลว่าน่าจะเป็นการก่อเหตุในจังหวะเวลาใกล้การประชุมองค์การการประชุมอิสลาม หรือโอไอซี และตอบโต้แนวทางการทยอยยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 20 ม.ค.ว่า ขอแสดงความเสียใจกับผู้สูญเสียและครอบครัว ซึ่งขณะนี้กองทัพได้ดำเนินการปรับแนวทางในบางเรื่องแล้ว ยอมรับว่าการวางกำลังของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ขณะนี้ค่อนข้างกระจาย อาจเป็นการเปิดช่องให้ก่อเหตุได้ ส่วนที่มีรายงานข่าวว่ามีอาวุธปืนหายไป รวมทั้งเครื่องกระสุนกว่า 5,000 นัดนั้น ยังไม่ได้สรุป กำลังติดตามกันอยู่
ผู้สื่อข่าวถามถึงสาเหตุที่คนร้ายก่อเหตุอย่างอุกอาจ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า โดยสภาพของภูมิประเทศต้องยอมรับว่าเป็นพื้นที่ที่ยังมีความเสี่ยงค่อนข้างสูง อีกทั้งจังหวะเวลาพอจะคาดการณ์ได้ว่าเกี่ยวข้องกับการประชุมโอไอซี และเกี่ยวข้องกับการตอบโต้หรือยั่วยุแนวทางของรัฐบาลในเรื่องการยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่อาศัยอำนาจตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ) ซึ่งชาวโลกเข้าใจแนวทางของรัฐบาล
"โดยปกติพอใกล้การประชุมโอไอซี จะมีความพยายามก่อเหตุหรือยั่วยุให้เกิดการตอบโต้ด้วยความรุนแรง เพื่อนำไปใช้เป็นเงื่อนไข ซึ่งกำลังมีการสอบสวนอยู่เหมือนกันว่ามีข้อสังเกตต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในบางเรื่อง แต่เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จะต้องยึดกรอบกฎหมายอย่างเคร่งครัด ไม่ตกเป็นเหยื่อของการยั่วยุและวงจรความรุนแรงเพื่อนำไปสร้างเป็นเงื่อนไข หรือขยายผลในเวทีต่างประเทศ" นายกฯระบุ
ยันเดินหน้าเลิก พ.ร.ก.-ลดกำลังพล
เมื่อซักว่า เหตุใดการข่าวถึงไม่ทราบว่าจะมีการก่อเหตุขึ้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า จริงๆ ก็มีรายงานอยู่บ้าง แต่อาจจะมีจุดอ่อนบางเรื่องซึ่งกองทัพจะมีการปรับแนวทาง และยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่กระทบกับนโยบายการยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน เพราะจะเลิกเฉพาะอำเภอที่มีความพร้อม ส่วนอำเภอที่ยังไม่พร้อมก็ไม่คิดจะยกเลิกอยู่แล้ว อีกทั้งจะไม่ปรับเปลี่ยนนโยบายปรับลดกำลังพลด้วย เนื่องจากในภาพรวมยังยืนยันว่าลดได้
เมื่อถามอีกว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุเป็นกลุ่มใด นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า กลุ่มที่มีเป้าหมายจะเป็นทางการเมืองหรือก่อความไม่สงบก็เป็นกลุ่มเดิม เพียงแต่จะมีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงสร้างไปบ้าง คิดว่าผู้ที่ก่อเหตุมีลักษณะเปลี่ยนแปลงไปเยอะ ถ้าดูจากอายุก็จะเป็นอีกรุ่นหนึ่ง ซึ่งจะต่างจากรุ่นเก่าๆ
"สุเทพ"ชี้ซ่องสุมกำลังบนเขาบูโดก่อนถล่ม
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าวว่า เหตุการณ์บุกโจมตีฐานทหารไม่ได้เป็นการท้าทายตัวเขาและผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ที่เดินทางลงตรวจพื้นที่ในวันเดียวกัน แต่สาเหตุสำคัญน่าจะมาจากการปฏิบัติงานของฝ่ายเจ้าหน้าที่เริ่มมีผลเป็นบวกมากขึ้น ประชาชนหันมาให้การสนับสนุน ทำให้ฝ่ายที่ก่อการร้ายต้องพยายามแสดงอำนาจและอิทธิพล คราวนี้ก็เลยระดมกำลังลงมาจากเทือกเขาบูโด เป็นกองกำลังขนาดใหญ่ เข้าไปล้อมโจมตีทำให้เกิดความเสียหาย
"ได้รับรายงานจากในพื้นที่ว่า คนร้ายน่าจะลงมาจากภูเขา ซึ่งเขาคงไปรวมกำลังกันให้มากๆ และตีเป็นจุดๆ อาวุธที่ใช้ก็มีทั้งเอ็ม 16 อาก้า และเอ็ม 79" นายสุเทพ ระบุ
ผบ.ทบ.รับหย่อนความระมัดระวัง-สำทับห้ามพลาดอีก
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องธรรมดาที่มีการต่อสู้กัน อีกฝ่ายก็มุ่งหวังทำให้เกิดความน่ากลัว เพื่อให้ประชาชนกลับไปเป็นพวก ฝ่ายผู้ก่อการพยายามใช้ความรุนแรงมาต่อสู้ เราจึงจำเป็นต้องใช้กำลังทหาร และต้องมีกฎหมายหรือมาตรการพิเศษขึ้นมาเพื่อให้เจ้าหน้าที่ทำงานได้สะดวก เพราะกฎหมายปกติ ผู้ก่อเหตุจะสามารถหลบซ่อนได้อย่างรวดเร็ว และสามารถซ่องสุมกำลังได้อย่างกว้างขวาง
"ไม่ใช่ว่าสถานการณ์ในพื้นที่กำลังจะรุนแรง แต่เป็นธรรมดาที่ฝ่ายหนึ่งเฝ้าระวัง อีกฝ่ายหนึ่งก็จ้องปฏิบัติการ จึงมีจังหวะเวลาที่การระมัดระวังอาจหย่อนไปบ้างจนทำให้ปัญหาเกิดขึ้น ถือว่าตรงนี้เป็นบทเรียน ซึ่งได้สั่งกำชับไปแล้วว่าจะต้องพยายามไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำอีกโดยเด็ดขาด และต้องพยายามติดตามปิดล้อมจับกุมตรวจค้นนำอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ กลับคืนมา รวมถึงดำเนินการต่อผู้กระทำความผิดตามกฎหมายด้วย"
ลั่นไม่มีทางแยกดินแดนสำเร็จ
"ขอย้ำว่าไม่ว่าฝ่ายตรงข้ามจะใช้กำลังหรือใช้ความรุนแรงอย่างไรก็ตาม ฝ่ายเราจะต้องใช้กฎหมายเข้าไปปฏิบัติการ เพราะการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ภาคใต้ เราไม่สามารถใช้ความรุนแรงได้ เพราะเป็นคนไทยด้วยกัน ขณะนี้มีบางส่วนยังไม่เข้าใจว่า การที่เจ้าหน้าที่ไปปิดล้อม ตรวจค้น หรือปะทะกัน มีการปล่อยข่าวว่าเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่หรือต้องการสร้างสถานการณ์ เพื่อให้มีการต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ หรือเป็นการสร้างความรุนแรงเพื่อต้องการใช้งบประมาณ ตรงนี้คือคำถามและคำตอบที่ต้องช่วยผมคิดว่าต้องดำเนินการต่อไปอย่างไร” ผบ.ทบ.ระบุ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า สาเหตุที่สถานการณ์ในพื้นที่ยังไม่จบ เพราะยังมีคนบางกลุ่มถูกบ่มเพาะและล้างสมอง ไม่ว่าจะเรื่องชาติพันธุ์ เรื่องประวัติศาสตร์ คนเหล่านี้ยังมีอยู่ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะสามารถแบ่งประเทศเราออกไปได้ เพราะอย่างไรก็แบ่งไม่ได้ เนื่องจากไม่สามารถรวมกำลังขนาดใหญ่ไปยึดพื้นที่ได้ แต่ถ้าพื้นที่ไหนมีการยึดครองเมื่อไร เราต้องใช้กำลังเข้าปราบปรามเป็นลักษณะการสู้รบ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า ตอนนี้สถานการณ์ดีขึ้นเรื่อยๆ และได้สั่งให้ใช้เฮลิคอปเตอร์ติดกล้องเข้าตรวจค้นพิสูจน์ทราบ โดยเฉพาะเทือกเขาตะเว เนื่องจากเข้าใจว่ามีการซ่องสุมบริเวณพื้นที่ป่าเขา
แม่ทัพภาค 4 ปัดเปิดตัวเลขปืนถูกปล้น
ด้าน พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัตน์ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้เดินทางไปเยี่ยมทหาร 6 นายที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุโจมตีฐานทหาร ประกอบด้วย จ.ส.อ.จินตนะ นุชตนา ส.อ.วงพิเชษ พิทักษ์ภัย ส.อ.นัฐกิจ โพธ์จัน ส.อ.สุพล ชูศรี พลทหารธันวา ยอดแก้ว พลทหารอารีฟูดีน กาดี และ พลทหารสุทัน สะมะบุบ ที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ อ.เมือง จ.นราธิวาส โดยทั้งหมดอาการพ้นขีดอันตรายแล้ว
พล.ท.อุดมชัย ยังตอบข้อถามของผู้สื่อข่าวถึงจำนวนอาวุธปืนที่ถูกปล้นไปจากคลังแสงของฐานปฏิบัติการว่า ต้องรอการตรวจสอบที่ชัดเจนก่อนจึงจะตอบได้ว่ามีจำนวนเท่าใด
อย่างไรก็ดี มีรายงานข่าวจากทหารในร้อย ร.15121 ที่ถูกบุกโจมตีว่า อาวุธปืนที่ถูกคนร้ายงัดคลังแสงและปล้นเอาไป มีจำนวนถึง 50 กระบอก เป็นอาวุธปืนเอ็ม 16 อาวุธปืนพกขนาด 11 ม.ม. และเครื่องกระสุนอีกราว 4,000 นัด
คาดฝีมือ "แวอารี คอปเตอร์"-ปัดมีไส้ศึก
พ.อ.บรรพต พูลเพียร โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า กล่าวว่า คนร้ายที่ปฏิบัติการในครั้งนี้น่าจะเป็นกลุ่ม นายแวอารี คอปเตอร์ วาจิ หรือ เจ๊ะอาลี แกนนำคนสำคัญที่ถูกตั้งรางวัลนำจับ 1 ล้านบาท และเป็นบุคคลที่มีส่วนวางแผนปล้นปืนจากกองพันพัฒนาที่ 4 ค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 4 ม.ค.2547 ด้วย โดยนายเจ๊ะอาลีเคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่ อ.ระแงะ และเจาะไอร้อง ทังยังมีศักยภาพสามารถระดมแนวร่วมได้มากกว่า 30 คนเพื่อปฏิบัติการ
ส่วนกระแสข่าวการปิดไฟยิงถล่ม จนนำไปสู่การวิพากวิจารณ์เรื่องเกลือเป็นหนอนนั้น พ.อ.บรรพต กล่าวว่า ไม่เป็นความจริง เพราะโดยปกติฐานทหารทุกแห่งจะมีมาตรการพรางไฟเพื่อความปลอดภัย และเพื่อไม่ให้บุคคลภายนอกมองเห็นความเคลื่อนไหวภายในอยู่แล้ว คาดว่าข่าวที่ออกมาเป็นความพยายามสร้างความเข้าใจผิดและทำให้ทหารหวาดระแวงกันเอง ซึ่งเป็นแผนของกลุ่มผู้ไม่หวังดี
มีรายงานด้วยว่า ตลอดทั้งวัน เจ้าหน้าที่ทหารได้กระจายกำลังกันออกปิดล้อมตรวจค้นชุมชนและบ้านเรือนโดยรอบฐานทหาร ร้อย ร.15121 และสามารถควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยได้ 2 ราย โดยนำตัวไปเก็บหลักฐานดีเอ็นเอเพื่อตรวจเทียบกับวัตถุพยานที่เก็บได้ในที่เกิดเหตุต่อไป
ผบ.ร้อยเหยื่อกระสุนเป็นหลาน"ธรรมรักษ์"
ที่ศาลาอเนกประสงค์ วัดบางนรา อ.เมือง จ.นราธิวาส พล.ท.อุดมชัย เป็นประธานในพิธีรดน้ำศพทหาร 3 นายที่เสียชีวิตจากเหตุโจมตีฐานปฏิบัติการ ร้อย ร.15121 ประกอบด้วย ร.อ.กฤช คัมภีรญาณ ผู้บังคับกองร้อยทหารราบที่ 15121 (ผบ.ร้อย ร.15121) ส.อ.เทวรัตน์ เทวา และพลทหารประวิทย์ ชูกลิ่น ส่วน ส.อ.อับดุลเลาะ ดะหยี ซึ่งเป็นมุสลิม ญาติได้รับศพไปประกอบพิธีทางศาสนาแล้ว
สำหรับ ร.อ.กฤช เป็นหลานชายของ พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 38 (ตท.38) รุ่นเดียวกับ ร.ต.อ.ธรณิศ ศรีสุข หรือ "ผู้กองแคน" ที่เสียชีวิตจากการซุ่มโจมตีที่ อ.บันนังสตา จ.ยะลา เมื่อปี 2550
ใต้ยังป่วนต่อ-บึ้ม 3 จุด จนท.เจ็บ 2 ยิงกวนฐานทหารธารโต
ตลอดทั้งวัน ยังคงมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อเวลา 08.30 น. คนร้ายไม่ทราบจำนวนลอบวางระเบิดบริเวณคอสะพานถนนสายชนบท บ้านต้นมะขาม หมู่ 4 ต.เมาะมาวี อ.ยะรัง จ.ปัตตานี เพื่อประทุษร้ายเจ้าหน้าที่ทหารชุดลาดตระเวนคุ้มครองครู สังกัดหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี 21 แต่แรงระเบิดไม่ได้ทำให้มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ
เวลา 09.30 น. คนร้ายไม่ทราบจำนวนลอบวางระเบิดที่ติดตั้งไว้ในรถจักรยานยนต์ หรือมอเตอร์ไซค์บอมบ์ บริเวณหน้าร้านน้ำชาที่บ้านบือเระ หมู่ 1 ต.บาเระใต้ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส ทำให้ทหารหน่วยเฉพาะกิจสันติสุขที่กำลังเดินทางเข้าพบปะราษฎรในพื้นที่โดยใช้รถกระบะเป็นพาหนะได้รับบาดเจ็บ 2 นาย คือ จ.ส.อ.ประยูร หุนสวัสดิ์ และ ส.อ.จำลอง พิรมณ์สุข
เวลา 10.50 น.คนร้ายลอบวางระเบิดบนถนนสายชนบทในท้องที่บ้านทรายแก้ว (บ้านย่อยของบ้านลิเง๊ะ) หมู่ 3 ต.ตลิ่งชัน อ.บันนังสตา จ.ยะลา เพื่อดักสังหารกองกำลังของตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) ขณะเดินทางกลับฐาน แต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ
เวลา 17.30 น. คนร้ายจำนวน 2 คนขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบยิง นายมะซอเร ดอเลาะนาแซ อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 17/1 หมู่ 5 ต.เกะรอ อ.รามัน จ.ยะลา เสียชีวิตขณะขี่รถจักรยานยนต์อยู่บนถนนภายในหมู่บ้านอูแตบาโงย หมู่ 7 ต.เกะรอ เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุของการสังหารครั้งนี้ แต่ให้น้ำหนักไปที่เรื่องส่วนตัว
เวลา 18.00 น. คนร้ายประมาณ 4-5 คน ขี่รถจักรยานยนต์ 2 คันใช้อาวุธปืนพกขนาด11 มม.และขนาด 9 มม.ยิงชาวบ้านบริเวณตลาดนัดบ้านมะนังกาหยี หมู่ 1 ต.มะนังตายอ อ.เมือง จ.นราธิวาส ทำให้ นายซาการียา อามะ อายุ 39 ปี ได้รับบาดเจ็บ ส่วน นายอับดุลเลาะ ลีซอยา พ่อค้าขายเสื้อผ้า และหญิงไม่ทราบชื่ออีกคนหนึ่งเสียชีวิตคาตลาด เบื้องต้นตำรวจยังไม่ได้สรุปสาเหตุของการก่อเหตุในครั้งนี้
เวลา 18.15 น. มีคนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนสงครามไม่ทราบชนิด ยิงรบกวนฐานปฏิบัติการของทหารหน่วยเฉพาะกิจยะลา 16 ที่โรงเรียนบ้านบัวทอง หมู่ 2 ต.บ้านแหร อ.ธารโต จ.ยะลา จากนั้นเจ้าหน้าที่ทหารภายในฐานได้ใช้อาวุธปืนยิงตอบโต้กลับไป กระทั่งเสียงปืนสงบลง ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
---------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ :
1 บรรยากาศบริเวณหน้าฐานปฏิบัติการ ร้อย ร.15121 ที่ถูกคนร้ายบุกโจมตี ซึ่งเจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้เข้าไปบันทึกภาพภายใน
2 หน่วยเหนือระดมกำลังทหารออกปฏิบัติการไล่ล่า ปิดล้อม ตรวจค้น เพื่อกดดันคนร้ายซึ่งคาดว่ายังซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ (ภาพโดย อับดุลเลาะ หวังนิ)