- Home
- South
- ข่าวทั่วไปศูนย์ข่าวภาคใต้
- จ่อหมายจับแก๊งมอเตอร์ไซค์บอมบ์ - "ถาวร"บอกใต้เดือดตามแผนบันได 7 ขั้น
จ่อหมายจับแก๊งมอเตอร์ไซค์บอมบ์ - "ถาวร"บอกใต้เดือดตามแผนบันได 7 ขั้น
จ่อหมายจับมือกดบึ้ม "มอเตอร์ไซค์บอมบ์" กลางเมืองยะลา หลังภาพวงจรปิดชี้ชัด เชื่อเชื่อมโยงกับเหตุ "คาร์บอมบ์" กลางเมืองเมื่อ 8 วันก่อนหน้า สงสัยแก๊งคนร้ายเข้ามาจากทาง ต.ท่าสาป คาดมีแหล่งผลิตระเบิดใกล้เขตเมือง "ถาวร" เผยถกนายกฯสั่งแม่ทัพ-บิ๊กตำรวจปรับแผน บอกปีนี้ไฟใต้แรงตามแผนบันไดขั้นที่ 6-7 ของกลุ่มแยกดินแดน
สถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ตึงเครียดหนัก หลังเกิดเหตุระเบิดครั้งรุนแรงถึง 3 ครั้งในเขตเมืองยะลาและนราธิวาสในห้วงเวลาเพียง 8 วันที่ผ่านมา โดยล่าสุดมีกระแสข่าวว่าคนร้ายเตรียมก่อเหตุรุนแรงเพิ่มอีก
มีรายงานว่า หน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ได้วิทยุแจ้งเตือนไปยังหน่วยกำลังทั่วสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า กลุ่มคนร้ายได้นำเครื่องยิงจรวดอาร์พีจี จำนวน 2 กระบอกเข้าไปในเขตรอยต่อ ต.บันนังสาเร็ง อ.เมืองยะลา กับ ต.ปุโรง อ.กรงปินัง จ.ยะลา เพื่อเตรียมลอบยิงขบวนรถของเจ้าหน้าที่ ยิงถล่มฐานปฏิบัติการย่อยประจำสถานีจ่ายไฟฟ้าย่อยบ้านพงยือไร ต.บันนังสาเร็ง รวมทั้งเสาไฟฟ้าริมถนน เพื่อดับไฟทั้งเมือง
จ่อหมายจับผู้ต้องสงสัยกดบึ้ม จยย.บอมบ์
พล.ต.ต.โชติ ชวาลวิวัฒน์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา (ผบก.ภ.จว.ยะลา) เปิดเผยความคืบหน้าคดีคนร้ายก่อเหตุระเบิด "มอเตอร์ไซค์บอมบ์" กลางเมืองยะลา จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บอีก 14 ราย เหตุเกิดเมื่อวันจันทร์ที่ 21 ก.พ.ที่ผ่านมาว่า ขณะนี้ได้นำภาพจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิดมาสเก็ตช์ภาพผู้ต้องสงสัยเพื่อขยายผลในการติดตามหาตัวคนร้ายแล้ว
เบื้องต้นทราบว่าผู้ต้องสงสัยที่เกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดคือ นายอายุ ดอเลาะ อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 38 หมู่ 4 ต.ท่าสาป อ.เมือง จ.ยะลา ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีความมั่นคงของ สภ.เมืองยะลาด้วย ทั้งนี้ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.กฤษฎา แก้วจันดี ผู้กำกับการ สภ.เมืองยะลา นำพยานหลักฐานขออนุมัติจากศาลเพื่อออกหมายจับในคดีระเบิดอีกข้อหาหนึ่งแล้ว
"จากการสอบปากคำพยานและภาพจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิด พบว่าคนร้ายได้นำรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ สีบรอนซ์เงิน ติดตั้งระเบิดซึ่งบรรจุไว้ในถังดับเพลิงขนาดเล็ก ไปจอดรวมกับรถจักรยานยนต์ของประชาชนทั่วไปที่ริมทางเท้าหน้าร้านทองรุ่งอนันต์ เมื่อจอดรถแล้วคนร้ายได้เดินออกไปทางหน้าร้านดาวเทียมที่อยู่ห่างกันประมาณ 20 เมตร และมีรถกระบะยี่ห้ออีซูซุ รุ่นดีแม็กซ์ สีบรอนซ์เงิน ป้ายแดง มารับแล้วพาหลบหนีไป"
"ส่วนผู้ที่ทำหน้าที่กดจุดชนวนระเบิด คาดว่าจะเป็นอีกคนหนึ่งที่เฝ้าดูในระยะมองเห็นเป้า โดยมีภาพในกล้องโทรทัศน์วงจรปิดมองเห็นลักษณะและใบหน้าของคนที่กดจุดชนวนระเบิดอย่างชัดเจน เมื่อนำมาประกอบกับปากคำพยานที่เห็นเหตุการณ์และสเก็ตช์ภาพออกมา พบว่าเป็น นายอายุ ดอเลาะ สำหรับการกดจุดชนวนระเบิดนั้น จากการตรวจสอบของชุดอีโอดี (ชุดเก็บกู้ทำลายล้างวัตถุระเบิด) พบว่าคนร้ายใช้วิทยุสื่อสารในการจุดชนวน" ผู้การยะลา ระบุ
โยงคาร์บอมบ์ 13 ก.พ.-เชื่อผลิตระเบิดใกล้เขตเมือง
พล.ต.ต.โชติ กล่าวอีกว่า กลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุในครั้งนี้มีความเชื่อมโยงกับการก่อเหตุ "คาร์บอมบ์" เมื่อวันอาทิตย์ที่ 13 ก.พ.ที่ผ่านมา เนื่องจากพบว่าเข้ามาจากทางพื้นที่ ต.ท่าสาป เหมือนกัน ซึ่งขณะนี้ได้ให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบสะเก็ดระเบิดอย่างละเอียดเพื่อเปรียบเทียบทั้งสองเหตุการณ์ว่าระเบิดผลิตจากแหล่งเดียวกันหรือไม่ เนื่องจากเหตุคาร์บอมบ์กับเหตุระเบิดอีกหลายๆ จุด ในเขตเทศบาลนครยะลาที่ผ่านมาพบว่าสะเก็ดระเบิดมาจากแหล่งเดียวกันหมด จึงคาดว่าจะมีแหล่งผลิตอยู่ใกล้กับเขตเมืองยะลาอย่างแน่นอน
ส่วนมาตรการในการตรวจรถจักรยานยนต์และรถยนต์ที่นำเข้าออกย่านการค้านั้น พล.ต.ต.โชติ กล่าวว่า เจ้าของรถต้องนำเอกสารหลักฐานการครอบครองรถมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ทุกครั้งที่มีการขอตรวจ หากไม่มีจะทำการปรับและตรวจยึดเพื่อตรวจสอบในรายละเอียด ทั้งนี้เป็นมาตรการเพื่อความปลอดภัยของผู้บริสุทธิ์ และขอความร่วมมือกับประชาชนให้ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ และช่วยกันแจ้งเบาะแสความผิดปกติต่างๆ ด้วย
"ถาวร"รุดเยี่ยมคนเจ็บ-ผอ.โรงเรียนท่าสาปโคม่า
ที่โรงพยาบาลศูนย์ยะลา วันอังคารที่ 22 ก.พ.2554 นายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมคณะ ได้เดินทางเข้าเยี่ยมผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุมอเตอร์ไซค์บอมบ์กลางเมืองยะลา โดยมีผู้ที่ยังนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลรวม 7 ราย ที่อากาศยังน่าเป็นห่วงคือ นางวันเพ็ญ แซ่แต้ อายุ 51 ปี ผู้อำนวยการโรงเรียนท่าสาป อ.เมือง จ.ยะลา เนื่องจากถูกสะเก็ดระเบิดและไฟคลอกตามร่างกาย
โอกาสนี้ นายถาวร ได้เข้าเยี่ยมผู้บาดเจ็บทุกราย พร้อมมอบกระเช้าของเยี่ยมและเงินช่วยเหลือเบื้องต้นจำนวนหนึ่ง
หารือนายกฯสั่งแม่ทัพ-ผบช.ศชต.ปรับแผน
นายถาวร ให้สัมภาษณ์ว่า ภายหลังเกิดเหตุระเบิดขึ้นหลายจุดในพื้นที่ ได้เข้าหารือกับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (ผอ.รมน.) และผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดน (ผอ.ศอ.บต.) ตามกฎหมายใหม่ โดยมาตรการหลังจากนี้จะเรียก พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 และ พล.ต.ท.ไพฑูรย์ ชูชัยยะ ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ผบช.ศชต.) เพื่อประเมินสถานการณ์และการปฏิบัติที่ผ่านมาว่ามีข้อติดขัดอะไรจึงทำให้กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบสามารถแทรกเข้ามาในพื้นที่และลอบวางระเบิดจนสร้างความเสียหายหลายต่อหลายครั้ง
"จริงๆ แล้วเราทราบดีว่าในช่วงปี 2554 นี้ จะมีการก่อเหตุในขั้นบันไดขั้นที่ 6 และ 7 (ตามแผนบันได 7 ขั้น) ของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ ทางเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนก็ระมัดระวัง งานการข่าวก็เป็นที่เชื่อถือได้ งานการป้องกันก็ระวังกันอย่างเต็มที่ แต่การที่กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบได้แทรกเข้ามาก่อเหตุในช่วงระยะเวลาไม่ถึง 10 วัน เกิดขึ้น 2 ครั้ง (เฉพาะใน จ.ยะลา) ทุกฝ่ายต้องกลับมาทบทวนการปฏิบัติงานร่วมกันระหว่างพลเรือน ตำรวจ และ ทหาร"
"สำหรับการเกิดเหตุคาร์บอมบ์และเหตุระเบิดอีกหลายต่อหลายครั้งในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ คาดว่าน่าจะเป็นขบวนการเชื่อมโยงกันของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ และเป็นการดำรงความมุ่งหมายไปแนวทางเดียวกัน ดังนั้นการเก็บพยานหลักฐาน รวมทั้งการสืบหากลุ่มคนร้าย การติดตามจับกุม จะสามารถโยงใย และสืบค้นหากลุ่มหรือขบวนการได้" รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ระบุ
ยังมั่นใจเดินถูกทาง-ดีเดย์ใช้มาตรา 21
ต่อข้อถามถึงการเร่งรัดคดีสำคัญๆ ที่เกิดขึ้นในพื้นที่นั้น นายถาวร กล่าวว่า ที่ผ่านมาถือว่าเจ้าหน้าที่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเป็นที่น่าพอใจในระดับหนึ่ง แต่จะให้ทันใจกับประชาชนที่ได้รับความเจ็บปวด ต้องการเห็นเหมือนกับที่พวกเราต้องการเห็นคงไม่ได้ เพราะต้องระมัดระวังไม่ให้จับผิดคน หากจับผิดคนแล้วก็จะส่งผลลบอีกในวันข้างหน้า
"ผมมั่นใจว่าแนวทางที่เดินกันมา โดยใช้ยุทธศาสตร์เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา นั้นเป็นแนวทางที่ถูกต้องแล้ว แต่การยั่วยุของฝ่ายตรงข้าม ถ้าฝ่ายเจ้าหน้าที่ไม่เผลอไปใช้วิธีการที่ผิดกฎหมายหรือหลงไปตามการยั่วยุ สักระยะหนึ่งก็จะสามารถดูแลพี่น้องประชาชนให้เกิดความสงบสุขได้ เพราะแนวร่วมของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบไม่ได้เพิ่มขึ้น" นายถาวร ระบุ
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ยังบอกด้วยว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.2554 เป็นต้นไป จะเริ่มใช้มาตรการตามมาตรา 21 แห่งพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 ที่เปิดโอกาสให้ผู้หลงผิดเข้ามอบตัว และจะเข้าสู่กระบวนการฝึกอบรมแทนการถูกดำเนินคดี ซึ่งผู้ที่เข้ามอบตัวก็จะให้ความร่วมมือในการค้นหาผู้กระทำ ค้นหาวิธีการการกระทำความผิด ซึ่งจะสามารถลดความรุนแรงลงได้อย่างแน่นอน
ทั้งนี้ ในวันเดียวกัน คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ พร้อมคณะทำงาน ได้เดินทางเข้าเยี่ยมและมอบกระเช้าดอกไม้ให้กับผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุระเบิดกลางเมืองยะลาทุกรายด้วย
บึ้ม 2 จุด "หนองจิก-ยี่งอ" โชคดีไร้เจ็บ
สำหรับเหตุร้ายอื่นๆ ในรอบวัน (22 ก.พ.) ยังมีอีกหลายเหตุการณ์ เริ่มจากเวลา 08.05 น. คนร้ายไม่ทราบจำนวนจุดชนวนระเบิดดักสังหารชุดปฏิบัติการร่วมตำรวจ สภ.หนองจิก จ.ปัตตานี และทหารพราน ขณะออกลาดตระเวนเดินเท้าและรักษาความปลอดภัยครู (รปภ.ครู) บนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 43 (ปัตตานี-หาดใหญ่) ท้องที่หมู่ 5 ต.บางเขา อ.หนองจิก เบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ
ต่อมาเวลา 08.40 น. เกิดระเบิดบริเวณบ้านลุโบะกูแว หมู่ 5 ต.ลุโบะบายะ อ.ยี่งอ จ.นราธิวาส หวังทำร้ายเจ้าหน้าที่ทหารชุด รปภ.ครู ที่มักวางกำลังบริเวณดังกล่าว แต่ปรากฏว่าขณะเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ได้สับเปลี่ยนสถานที่ใหม่ จึงไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ
เวลา 11.50 น. คนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาดยิง นายมะนาเซ อูแต อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 81 หมู่ 6 บ้านจือโระ ต.บานา อ.เมือง จ.ปัตตานี ได้รับบาดเจ็บและไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาลปัตตานี เหตุเกิดขณะนายมะนาเซขี่รถจักรยานยนต์อยู่บนถนนหน้าโรงเรียนจะรังบองอ บ้านแบรอจะรัง หมู่ 2 ต.ตะลุโบะ อ.เมือง จ.ปัตตานี เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุของการดักสังหารครั้งนี้
ค้นกรงปินังเจอเอ็ม 16 ฝังดิน
ส่วนที่ อ.กรงปินัง จ.ยะลา ทหารหน่วยเฉพาะกิจยะลา 13 ได้นำกำลังเข้าพิสูจน์ทราบบริเวณป่าละเมาะหลังหมู่บ้านปุโรง หมู่ 1 ต.ปุโรง อ.กรงปินัง เนื่องจากได้รับแจ้งเบาะแสจากพลเมืองดีว่า มีแนวร่วมอาร์เคเค. (หน่วยรบขนาดเล็กที่ผ่านการฝึกรบแบบจรยุทธ์) เข้าไปเคลื่อนไหวและแอบนำอาวุธปืนสงครามพร้อมเครื่องกระสุนปืนไปซุกซ่อนไว้
จากการตรวจค้นพบถุงพลาสติกสีดำขนาดใหญ่ฝังอยู่ใต้ดิน ภายในมีอาวุธปืนเอ็ม 16 จำนวน 1 กระบอก ซองบรรจุกระสุน 1 อัน กระสุนปืนจำนวน 23 นัด และสายสะพายปืน 1 เส้น จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ขยายผลตรวจค้นโดยรอบ พบเสื้อผ้า เวชภัณฑ์และเครื่องดำรงชีพในป่าซุกซ่อนอยู่อีกเป็นจำนวนมาก
ก่อนหน้านั้น เมื่อวันจันทร์ที่ 21 ก.พ. เวลา 18.05 น. คนร้ายจำนวน 2 คนขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบยิง นายกาลียา กาบูหะ อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 64/2 หมู่ 3 ต.ตลิ่งชัน อ.บันนังสตา จ.ยะลา กับ นายมะรอยาลี ปอจิ อายุ 44 ปี ซึ่งพิการตาบอดทั้งสองข้าง อยู่บ้านเลขที่ 240 หมู่ 4 ต.ตลิ่งชัน อ.บันนังสตา ทำให้นายมะรอยาลีได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่วนนายกาลียาได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย เหตุเกิดขณะที่ทั้งคู่ขี่รถจักรยานยนต์อยู่บนถนนสายชนบทในพื้นที่เพื่อไปทำธุระ เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ :
1 พล.ต.ต.โชติ ชวาลวิวัฒน์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา ขณะเปิดแถลงข่าวความคืบหน้าการออกหมายจับผู้ต้องหาก่อเหตุมอเตอร์ไซค์บอมบ์
2 นายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่เกิดเหตุหลังเยี่ยมผู้บาดเจ็บที่โรงพยาบาล
3 คณะกรรมการกาชาดสากล นำกระเช้าดอกไม้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจคนเจ็บ (ภาพทั้งหมดโดย อะหมัด รามันห์สิริวงศ์)