นอกจากข่าวการตั้งประธานบีอาร์เอ็นคนใหม่ คือ นายดูนเลาะ แวมะนอ แทน นายสะแปอิง บาซอ ที่เสียชีวิตไป พร้อมตั้ง นายอดุลย์ มุณี ขึ้นมาแทนนายดูนเลาะในตำแหน่งเลขาธิการบีอาร์เอ็น ควบเก้าอี้เดิมที่นั่งอยู่ คือหัวหน้าฝ่ายการเมืองสภาองค์กรนำของบีอาร์เอ็นแล้ว
มีความคืบหน้าประเด็นที่เปิดกันเอาไว้ก่อนหน้านี้ กรณีบริษัทรับจ้างงานปรับปรุงแหล่งเรียนรู้มัสยิด 300 ปี ที่ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส ซึ่งใช้งบประมาณสูงถึงเกือบ 150 ล้านบาท ถูกตรวจสอบพบว่าเป็นบริษัทล้มละลาย ถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด ล่าสุดนายกรัฐมนตรีสั่งกรมบัญชีกลางขึ้นบัญชีดำ ห้ามรับงานจากหน่วยงานรัฐอีก
เลขานุการคณะพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ นำทีมพบสื่อมวลชน แจงขั้นตอนการกำหนด "พื้นที่ปลอดภัย" ร่วมกับ "ปาร์ตี้บี" หรือ "มารา ปาตานี" หลังถูกวิจารณ์หนักกรณีเกิดเหตุรุนแรงต่อเนื่องช่วงที่มีความคืบหน้าการพูดคุยฯ
ปฏิเสธไม่ได้ว่าคดีการหายตัวไปของ ทนายสมชาย นีละไพจิตร อดีตประธานชมรมนักกฎหมายมุสลิม ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของคดีอุ้มหายในประเทศไทย
กรณีพี่น้องไทยพุทธกว่า 300 คน นำโดย นายสมนึก ระฆัง ประธานเครือข่ายชาวพุทธจังหวัดยะลา ไปรวมตัวกันที่ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) พร้อมยื่นข้อเรียกร้อง 15 ข้อให้ดูแลคนพุทธเท่าเทียมกับมุสลิม และเน้นเรื่องการรักษาความปลอดภัยเป็นพิเศษนั้น สะท้อนความรู้สึกของพี่น้องชาวพุทธท่ามกลางไฟร้อนของความรุนแรงในพื้นที่ได้เป็นอย่างดี
นับเป็นความก้าวหน้าสำคัญของกระบวนการพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ เมื่อคณะพูดคุยชุดใหญ่ตัวแทนรัฐบาล นำโดย พล.อ.อักษรา เกิดผล ได้เห็นชอบร่วมกับกลุ่มผู้เห็นต่างจากรัฐ 6 กลุ่ม ภายใต้ชื่อ "มารา ปาตานี" เพื่อกำหนด "พื้นที่ปลอดภัยระดับอำเภอ" ร่วมกัน
คณะพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตกลงร่วมกับกลุ่มผู้เห็นต่างจากรัฐ "มารา ปาตานี" กำหนดพื้นที่ปลอดภัยในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ร่วมกัน เพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งและความรุนแรงในพื้นที่ที่เกิดขึ้นมานานกว่า 13 ปี
หลังจาก พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 ประกาศหมายเลขโทรศัพท์เบอร์พิเศษ 092-5324989 ผ่านสื่อมวลชนตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้ว เชิญชวนผู้เห็นต่างจากรัฐ หรือผู้ต้องหาคดีความมั่นคงที่อยากกลับตัวกลับใจมาร่วมพัฒนาชาติไทย ให้ติดต่อมาได้ตลอด 24 ชั่วโมงนั้น
ยิ่งสาวยิ่งลึกและพบความน่าประหลาดใจหลายประการ สำหรับเหตุการณ์สังหารนายก อบต.ปิยามุมัง อำเภอยะหริ่ง จังหวัดปัตตานี
"ก่อนเข้าร่วมโครงการพาคนกลับบ้าน ได้นั่งคิดทบทวนสิ่งที่ถูกปลูกฝังตั้งแต่สมัยเรียน กับความจริงที่เกิดขึ้น มันไม่ใช่เรื่องจริง พวกเราถูกเขาหลอก ก็อยากบอกกับคนที่อยู่ข้างใน (หมายถึงในขบวนการ) หยุดได้แล้ว พวกเราถูกเขาหลอกมานานแล้ว ของจริงไม่ใช่แบบนั้น เขาหลอกเราทั้งหมดเลย เขามีเบื้องหลังที่มีผลประโยชน์ เขาใช้เราเป็นเครื่องมือเท่านั้น"