ผู้บริหารระดับสูงของศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ยืนยันว่ายังไม่ล้มเลิกโครงการทีวีภาษามลายูตามที่ตกเป็นข่าว แต่กำลังมีการปรับเปลี่ยนทางเทคนิคเพื่อออกอากาศทางเอ็นบีที หรือสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (ช่อง 11) ส่วนแยก จ.ยะลา และยังมีแผนทำทีวีภาคภาษามลายูเต็มรูปแบบต่อไป
โครงการ "ทีวีภาษามลายู" ซึ่งเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ที่หอประชุมมหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา เมื่อวันที่ 3 ม.ค.2556 และตั้งเป้าเปิดเป็นสถานีโทรทัศน์ภาษามลายูเต็มรูปแบบ 24 ชั่วโมงภายใน 6 เดือนนั้น ถึงวันนี้ได้รับการยืนยันจากผู้เกี่ยวข้องแล้วว่าไม่สามารถผลักดันโครงการให้บรรลุเป้าหมายตามที่ตั้งไว้ได้
จริงๆ แล้วไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมายที่เกิดเหตุรุนแรงขนานใหญ่ขึ้นในจังหวัดชายแดนภาคใต้ช่วงนี้ และ พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ก็ "ไม่ได้โม้" ที่บอกว่ารู้ล่วงหน้า แต่ป้องกันได้ไม่หมด
ข่าวสารความไม่แน่นอนเกี่ยวกับกระบวนการพูดคุยสันติภาพระหว่างรัฐบาลไทยกับบีอาร์เอ็นกลุ่ม นายฮัสซัน ตอยิบ มีมาเป็นระยะ และเริ่มชัดเจนขึ้นว่าจะมีการปรับทีมพูดคุยฝ่ายบีอาร์เอ็นในการพบปะครั้งต่อไปอย่างแน่นอน ซึ่งฝ่ายความมั่นคงวิเคราะห์เรื่องนี้โดยมองโยงกับสถานการณ์ในพื้นที่ชายแดนใต้ซึ่งทวีความรุนแรงขึ้นเป็นระยะด้วย
เป็นข่าวมานานกว่า 1 สัปดาห์ว่า "กลุ่มบีอาร์เอ็น" ในฐานะคู่สนทนาของรัฐบาลไทยในกระบวนการพูดคุยสันติภาพ ได้ส่งคำอธิบายข้อเรียกร้อง 5 ข้อถึงมือ พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) แล้ว แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีความชัดเจนในรายละเอียดว่าเอกสารที่ส่งมามีเนื้อหาอย่างไรบ้าง
หลังจาก "ทีมข่าวอิศรา" ได้รายงานคำแปลสรุปของฝ่ายความมั่นคงที่ถอดความจากเอกสารความยาว 38 หน้าอธิบายข้อเรียกร้อง 5 ข้อของบีอาร์เอ็นกลุ่มนายฮัสซัน ตอยิบ ซึ่งส่งถึง พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะหัวหน้าคณะพูดคุยสันติภาพฝ่ายไทย
แม้จะมีข่าวยืนยันชัดเจนว่า ขบวนการบีอาร์เอ็นกลุ่มนายฮัสซัน ตอยิบ ซึ่งร่วมกระบวนการพูดคุยสันติภาพกับรัฐบาลไทย ได้ส่งเอกสารชี้แจงเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อเรียกร้อง 5 ข้อมายังคณะพูดคุยสันติภาพฝ่ายไทยแล้ว แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีการเปิดรายละเอียดเอกสารดังกล่าวต่อสาธารณะ
แม้ยังไม่มีข้อสรุปว่ารัฐบาลจะยกเลิกการจัด "พืชกระท่อม" เป็นสารเสพติดประเภท 5 ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 (พ.ร.บ.ยาเสพติด) หรือไม่ แต่การประชุมคณะทำงานพัฒนานโยบายและกฎหมายเกี่ยวกับพืชกระท่อม เมื่อวันอังคารที่ 10 ก.ย.2556 ก็มีข้อเสนอเบื้องต้นให้เพิ่มโทษสำหรับผู้ที่นำใบกระท่อมไปต่อยอดเป็นสารเสพติดชนิดอื่น โดยเฉพาะเครื่องดื่มยอดฮิตของวัยรุ่นชายแดนใต้นาม "สี่คูณร้อย"
เมื่อยุทธศาสตร์ทั้งการเมืองและการทหารยังไม่อาจพลิกฟื้นสถานการณ์ที่ชายแดนใต้ให้สันติสุขขึ้นมาได้ ทั้งๆ ที่เหตุการณ์ร้ายรายวันได้เกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่องยาวนานร่วม 10 ปีแล้วก็ตาม วันนี้ยุทธศาสตร์ "วิถีวัฒนธรรมนำการเมืองและการทหาร" จึงเป็นอีกหนึ่งรูปธรรมที่กำลังถูกนำไปทดลองใช้เพื่อคลี่คลายปัญหาในพื้นที่