- Home
- South
- สัมภาษณ์พิเศษ ศูนย์ข่าวภาคใต้
- มุมมองจากพื้นที่...ใต้ป่วนหนักช่วงนี้ไม่เกี่ยวรอมฎอน
มุมมองจากพื้นที่...ใต้ป่วนหนักช่วงนี้ไม่เกี่ยวรอมฎอน
แม้การก่อวินาศกรรมด้วย "คาร์บอมบ์" จะเคยเกิดขึ้นแบบติดๆ กันในห้วงเวลาใกล้เคียงกันมาแล้วหลายครั้งที่ชายแดนใต้ เช่น เมื่อเดือน ก.พ.ปีที่แล้ว มีเหตุคาร์บอมบ์และมอเตอร์ไซค์บอมบ์ในเขตเมืองยะลาและนราธิวาสถึง 3 ครั้งในรอบ 8 วัน
ทว่าเหตุคาร์บอมบ์ 2 ครั้งในรอบ 5 วันเมื่อเร็วๆ นี้ คือที่ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เมื่อวันศุกร์ที่ 20 ก.ค.และที่ อ.รามัน จ.ยะลา เมื่อวันพุธที่ 25 ก.ค.2555 ก็นับเป็นเหตุรุนแรงขนาดใหญ่ที่มิอาจมองข้ามโดยไม่พยายามถอดรหัสอะไรเลย
เปิด 5 ปัจจัยไฟใต้คุ
ประเด็นที่พอวิเคราะห์เป็นเหตุปัจจัยของสถานการณ์ร้ายในห้วงนี้ได้ มีอยู่หลายประการ สรุปได้ดังนี้
1.เป็นปฏิบัติการในช่วงเดือนรอมฎอน หรือเดือนแห่งการถือศีลอดของพี่น้องมุสลิม ประเด็นนี้อธิบายโดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงระดับสูง โดยเฉพาะทหาร ที่อ้างข้อมูลจากการซักถามและรวบรวมจากแนวร่วมขบวนการก่อความไม่สงบที่อ้างอุดมการณ์แบ่งแยกดินแดนที่ถูกจับกุมว่า มีการบิดเบือนคำสอนทางศาสนาทำนองว่าหากก่อเหตุรุนแรงโดยมีเป้าหมายทำลายล้างเจ้าหน้าที่รัฐและพี่น้องไทยพุทธ จะทำให้ได้บุญมากยิ่งขึ้น
ประกอบกับในตอนกลางวันของเดือนรอมฎอน พี่น้องมุสลิมจะไม่ค่อยออกจากบ้านไปไหน เพราะต้องถือศีลอด แม้บางคนไปทำงานตามปกติ แต่ก็ไม่สัญจรพลุกพล่านตามชุมชนที่มีร้านอาหาร ทำให้กลุ่มคนร้ายล็อคเป้าก่อเหตุได้ง่ายขึ้น
2.เป็นปฏิบัติการตอบโต้เจ้าหน้าที่รัฐของกลุ่มขบวนการที่อ้างอุดมการณ์แบ่งแยกดินแดน ประเด็นนี้วิเคราะห์จากสถิติการปิดล้อม ตรวจค้น จับกุมที่ฝ่ายความมั่นคงโดยเฉพาะ "ทหาร" เปิดปฏิบัติการมากเป็นพิเศษในห้วง 2-3 เดือนมานี้ ตามคำสั่งเข้มของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) จนสามารถจับกุมผู้ต้องหา ผู้ต้องสงสัย และยึดยุทโธปกรณ์ที่ใช้ก่อเหตุได้จำนวนมาก ทลายแหล่งฝึกในเขตป่าของผู้ก่อความไม่สงบได้หลายครั้ง ทั้งยังตัดวงจรการเคลื่อนย้ายขนส่งสินค้าผิดกฎหมาย ทั้งยาเสพติด น้ำมันเถื่อน และของหนีภาษีได้ระดับหนึ่งด้วย
นายทหารระดับสูงเองก็ประเมินแล้วว่าหลังจากปฏิบัติการได้ไม่นาน จะต้องถูกตอบโต้อย่างรุนแรงจากกลุ่มผู้ไม่หวังดี ซึ่งก็เป็นไปตามแนววิเคราะห์ของ พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รอง ผบ.ทบ. ซึ่งเคยเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงใหญ่ในกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.)
"ผบ.ทบ.สั่งตรึงพื้นที่อย่างเข้มข้น ปิดล้อมตรวจค้นเพื่อไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามมีพื้นที่ในการเคลื่อนไหว แต่ก็เชื่อว่าอีกไม่นานก็จะต้องถูกตอบโต้บ้าง" พล.อ.ดาว์พงษ์ เคยกล่าวเอาไว้ก่อนเกิดเหตุป่วนครั้งใหญ่ได้ไม่นาน จึงถือเป็นแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือได้แหล่งหนึ่งในการยืนยันข้อสันนิษฐานนี้
3.เกี่ยวข้องกับขบวนการค้ายาเสพติด เพราะก่อนเกิดคาร์บอมบ์ที่ อ.รามัน จ.ยะลา เพิ่งมีการจับกุมผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ในพื้นที่ ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องของ ไฟศอล หะยีสะมะแอ ผู้ต้องหาคดีลอบวางระเบิดท่าอากาศยานนานาชาติหาดใหญ่ จ.สงขลา เมื่อปี 2548 และมีหมายจับในคดีความมั่นคงหลายหมาย (อ่านรายละเอียดได้ใน http://www.isranews.org/south-news/Other-news/28-2009-11-14-06-19-24/7891-qq-5-qq.html)
4.เป็นช่วงของการเตรียมสับเปลี่ยนกำลังก่อนสิ้นปีงบประมาณ ซึ่งจะมีการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารระดับสูงด้วย ทำให้เจ้าหน้าที่บางส่วนอาจสาละวนอยู่กับเรื่องเหล่านั้น รวมถึงเป็นห้วงของการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2556 (พ.ร.บ.งบประมาณ) ซึ่งมีบางฝ่ายมองในแง่ลบว่ามักเกิดสถานการณ์ร้ายเป็นประจำในช่วงระหว่างการพิจารณางบประมาณ
5.มาตรการคุมพื้นที่และคุมวัสดุที่เป็นยุทธภัณฑ์ใช้ในการประกอบระเบิดแสวงเครื่องยังไม่สำเร็จ แม้จะมีความพยายามผลักดันจากฝ่ายความมั่นคงมาแล้วหลายครั้งก็ตาม ขณะที่การติดตาม "รถหาย" หรือรถที่ถูกโจรกรรมหรือถูกชิงไปหลังเกิดเหตุร้าย ทั้งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ยังไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ การเอ็กซเรย์อู่ซ่อมรถต่างๆ ในพื้นที่ก็ยังไม่ครอบคลุมทั่วถึง
จนท.ถืออาวุธตกเป็นเป้าตลอด
ทั้ง 5 ประเด็นเป็นมุมวิเคราะห์จากข้อมูลที่ปรากฏผ่านสื่อสาธารณะ ซึ่งบางส่วนมาจากการให้สัมภาษณ์ของเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่ไม่ได้ประจำอยู่ในพื้นที่
คำถามก็คือแล้วคนที่ปฏิบัติงานอยู่ในพื้นที่จริง ต้องเสี่ยงจริง เจ็บจริง เขาคิดกันอย่างไร...
เจ้าหน้าที่ทหารระดับปฏิบัติการนายหนึ่ง มองว่า ทุกอย่างต้องคิดให้รอบคอบ เพราะเจ้าหน้าที่คือเป้าหมาย และขณะนี้ชัดเจนว่าคู่ต่อสู้ที่ฝ่ายโน้นต้องการโจมตีคือเจ้าหน้าที่ ทำให้ประชาชนที่ทำงานให้รัฐตกเป็นเป้าหมายไปด้วย
"ฉะนั้นไม่ว่าเดือนไหน เวลาอะไร หากฝ่ายเขามีโอกาสและจังหวะ เขาก็ก่อเหตุทันที และทำได้ตลอด ยิ่งในช่วงเดือนรอมฎอนประชาชนจะอยู่ข้างในบ้านเป็นส่วนใหญ่ ทำให้ฝ่ายตรงข้ามมองเห็นเหยื่อที่เป็นเจ้าหน้าที่ได้ชัดขึ้น รวมทั้งชาวบ้านที่ช่วยเหลืองานรัฐก็ยังต้องออกไปทำงาน ก็จะถูกเฝ้าติดตามและก่อเหตุได้ง่าย ขณะที่ฝ่ายเจ้าหน้าที่เองก็มักจะมองว่าช่วงเดือนรอมฎอนประชาชนส่วนใหญ่อยู่ในบ้าน จึงไม่ค่อยเข้มเรื่องการรักษาความปลอดภัย มีความประมาทในหลายๆ จุด กลายเป็นการเปิดช่องให้ฝ่ายตรงข้ามก่อเหตุ" เจ้าหน้าที่ทหารรายนี้ ระบุ
ฉวยจังหวะ"ช่องว่าง"ช่วงสับเปลี่ยนกำลัง
ด้านเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองระดับนายอำเภอผู้หนึ่งซึ่งรับผิดชอบพื้นที่สีแดง กล่าวว่า เหตุรุนแรงช่วงนี้อาจดูเหมือนแฝงอยู่ในเรื่องเดือนรอมฎอน แต่จริงๆ แล้วเป็นช่วงของการรอการโยกย้ายสับเปลี่ยนกำลังของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงด้วย ทั้งยังเป็นห้วงเวลาของการพิจารณางบประมาณ
"เดือน ก.ค.-ส.ค.ของทุกๆ ปีก็จะเกิดเหตุรุนแรงบ่อยครั้ง เราต้องดูเดือนที่เป็นสากลด้วย ไม่ใช่ดูแต่เดือนรอมฎอนซึ่งไม่ได้ตรงกับเดือนสากลเดือนเดียวกันทุกปี ช่วงรอยต่อของการสับเปลี่ยนกำลังและการพิจารณางบประมาณทำให้เกิดความประมาทหละหลวมของหน่วยปฏิบัติ"
เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองรายนี้ ตั้งข้อสังเกตอีกว่า ปัญหาภาคใต้น่าเป็นห่วงมาก เพราะการแก้ปัญหาของภาครัฐเป็นแบบ "เลี้ยงไข้" ทำให้สถานการณ์ยืดเยื้อ คนที่อยู่นอกพื้นที่สามจังหวัดเริ่มมีความรู้สึกว่าปัญหานี้ไม่ใช่วาระสำคัญอีกต่อไป ทุกคนเฉยๆ กับสถานการณ์ สภาพการณ์แบบนี้จะยิ่งส่งผลลบต่อปัญหาในภาพรวม
แฉ "กลุ่มค้าไฟใต้" ในคราบนักบุญ
"ผมแบ่งประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ออกเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มที่ 1 คือกลุ่มที่คิดต่างจากรัฐ มีราวๆ 40 เปอร์เซ็นต์ กลุ่มที่ 2 เป็นกลุ่มที่เฝ้ามองว่ารัฐจะเอาอย่างไร ประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ และกลุ่มที่ 3 คือกลุ่มที่เคยถูกรัฐกระทำ มีราวๆ 10 เปอร์เซ็นต์ ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันรัฐคิดพัฒนาเฉพาะกลุ่มที่ 2 โดยเอาใจช่วยเหลือทุกอย่าง แต่ก็ยังขาดความจริงใจ ไม่มีความต่อเนื่อง บางกรณีก็ทำอย่างเอาหน้า ไม่ได้จริงจังจริงใจที่จะแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนอย่างแท้จริง"
"ผมคิดว่าในพื้นที่ตอนนี้ขาดแคลนข้าราชการที่มีความจริงใจมากขึ้นทุกวันจึงทำให้เกิดช่องว่างและมีการสร้างเงื่อนไขอย่างต่อเนื่อง ไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมเหตุการณ์ยังเกิดขึ้นอีกและเชื่อว่าจะไม่สิ้นสุด ขณะที่กลุ่มค้าไฟใต้ยิ่งมีมากขึ้น และจะมาในคราบของนักบุญ ซึ่งเรื่องนี้ยิ่งทำให้ประชาชนได้รับความเดือนร้อนเพิ่มขึ้นไปอีก และไม่มีใครคิดแก้ปัญหานี้เลย การกระทำของรัฐเองเหมือนยิ่งเพิ่มโอกาสให้กับกลุ่มค้าไฟใต้" เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองระดับนายอำเภอ ระบุ
ใต้ป่วนหนักไม่เกี่ยวรอมฎอน
ด้านตำรวจระดับปฏิบัติการในพื้นที่ กล่าวว่า การเกิดเหตุในช่วงนี้มีความชัดเจนว่าเกี่ยวพันกับเรื่องทางการเมืองทั้งระดับชาติและระดับท้องถิ่น ส่วนที่เกิดจากกลุ่มที่อ้างอุดมการณ์แบ่งแยกดินแดนนั้นมีน้อย และที่สำคัญไม่ได้เป็นเรื่องของการทำแล้วได้บุญ เพราะมันมีอะไรมากกว่านั้น
"การเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบที่หลายคนพยายามโยงให้เป็นเรื่องเดียวกันกับเดือนรอมฎอนนั้น จากที่อยู่ในพื้นที่และได้สังเกตมาตลอดคิดว่าไม่เกี่ยวกัน คือทุกอย่างเราต้องมองทีละมุม เหมือนเส้นดายที่พันกัน ต้องค่อยๆ แกะที่ละเส้น จึงจะแกะด้ายออก เหมือนมองปัญหาก็ต้องมองทีละมุม จึงจะรู้สาเหตุของปัญหาที่แท้จริงว่าคืออะไร" เจ้าหน้าที่ตำรวจรายนี้ ให้แง่คิด
ขบวนการแยกดินแดนโยงค้ายา?
ส่วนข้อสันนิษฐานที่ว่า ขบวนการที่อ้างอุดมการณ์แบ่งแยกดินแดนเกี่ยวพันกับขบวนการค้ายาเสพติดนั้น เป็นประเด็นที่ฝ่ายทหารพยายามสร้างกระแสและให้ข้อมูลกับสังคมมาระยะหนึ่งแล้ว แต่หลายฝ่ายยังไม่ปักใจเชื่อ แม้แต่ พล.ท.สำเร็จ ศรีหร่าย ที่ปรึกษา กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ซึ่งทำงานคลุกคลีและได้พูดคุยกับแนวร่วมก่อความไม่สงบจำนวนมาก ก็ยังยืนยันว่าเป็นไปไม่ได้ที่ขบวนการที่อ้างอุดมการณ์แบ่งแยกดินแดนซึ่งเป็น "องค์กรลับ" จะมีความเกี่ยวพันกับขบวนการค้ายาเสพติดซึ่งปิดเป็นความลับได้ยาก เนื่องจากต้องติดต่อซื้อขายยาเสพติดกับคนนอกขบวนการและนอกพื้นที่ จึงง่ายต่อการถูกเจ้าหน้าที่ล่อซื้อจน "เสียลับ"
พล.ท.สำเร็จ เชื่อว่าอาจจะมีสมาชิกขบวนการบางระดับไปเกี่ยวพันกับการค้ายาเสพติดหรือสิ่งผิดกฎหมายเป็นการส่วนตัว เพื่อหาผลประโยชน์ แต่ไม่ได้หมายความว่าขบวนการที่อ้างอุดมการณ์แบ่งแยกดินแดนทั้งหมดมีฐานหรือกำลังสนับสนุนจากขบวนการค้ายาเสพติด
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : ความเสียหายอย่างยับเยินของรถเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ตกเป็นเป้า "คาร์บอมบ์" เที่ยวล่าสุด (ภาพโดย อะหมัด รามันห์สิริวงศ์)