เปิดความเห็น สคบ. แจงผลสอบ 'สตง.' ชี้งานล่าช้าไม่มีประสิทธิภาพ- ยันแก้ไขปัญหาแล้ว

เขียนวันที่

วันพุธ ที่ 16 ตุลาคม 2562 เวลา 08:30 น.

เขียนโดย

isranews

หมวดหมู่

รายงาน-สกู๊ป | Isranews | ข่าวทั่วไปศูนย์ข่าวสืบสวน | เรื่องเด่น - สำนักข่าวอิศรา

Tags

ประสิทธิ์ เฉลิมวุฒิศักดิ์ | สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค | สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน | สคบ. | สตง.

"...ขอเรียนว่า สคบ. มีข้าราชการเพียง 155 คน ทำงานดูแลรับใช้ประชาชนทั่วประเทศ แต่ละปีมีผู้ร้องเรียนขอความช่วยเหลือจาก สคบ. เป็นจำนวน 10,000 คน เจ้าหน้าที่ทุกคนไดปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามรถ บางเรื่องก็อยู่นอกเหนืออำนาจการควบคุม ทุกคนตั้งใจปฏิบัติหน้าที่เพื่อประชาชนอย่างแท้จริง ขอได้โปรดเป็นกำลังใจให้กับ สคบ. ด้วย..."

15ตค62 AC skb

สืบเนื่องจาก สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ได้เผยแพร่รายงานข่าวหัวข้อ “เปิดกรุผลสอบสตง.(37) การคุ้มครองผู้บริโภค สคบ. ล่าช้า-ไม่มีประสิทธิภาพ” ที่นำเสนอเนื้อหาเกี่ยวกับรายงานผลสอบของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ในการดำเนินงานการคุ้มครองผู้บริโภคของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ระหว่างปี งบประมาณ พ.ศ. 2555 - 2558 ซึ่งพบว่ามีความล่าช้า ไม่มีประสิทธิภาพ (อ่านรายงานดังกล่าว คลิก : เปิดกรุผลสอบสตง.(37) การคุ้มครองผู้บริโภค สคบ. ล่าช้า-ไม่มีประสิทธิภาพ)

เมื่อเร็วๆ นี้ นายประสิทธิ์ เฉลิมวุฒิศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ได้ส่งหนังสือที่ นร 0307.01/20983 ฉบับลงวันที่ 27 ก.ย. 2562 ถึง ผู้อำนวยการสำนักข่าวอิศรา เรื่อง ชี้แจงข้อมูลกรณีสำนักข่าวอิศรา เสนอข่าวเกี่ยวกับกรณีผลสอบของสตง. กรณีการตรวจสอบการดำเนินงานการคุ้มครองผู้บริโภคของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคดังกล่าว

ระบุว่า จากกรณีเมื่อวันที่ 7 ก.ย. 2562 สำนักข่าวอิศรา ได้เผยแพร่รายงานข่าวหัวข้อ “เปิดกรุผลสอบสตง.(37) การคุ้มครองผู้บริโภค สคบ. ล่าช้า-ไม่มีประสิทธิภาพ” ซึ่งเป็นนำเสนอผลการตรวจของสตง. ที่ได้ตรวจสอบผลการดำเนินงานของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) โดยการนำเสนอข่าวลักษณะดังกล่าวอาจทำให้ผู้อ่านทั่วไปเข้าใจคลาดเคลื่อนได้ว่า การปฏิบัติงานของ สคบ. ล่าช้าและไม่มีประสิทธิภาพ

สคบ. จึงขอเรียนชี้แจงเพื่อให้เกิดคงวามเข้าใจตรงกัน กรณีผลการตรวจดังกล่าว และขอได้โปรดสื่อสารให้ผู้อ่านเข้าใจอย่างถูกต้องต่อไป ใน 4 ประเด็นดังต่อไปนี้

ตามที่สำนักข่าวอิศราได้เสนอข่าวเกี่ยวกับผลสอบของ สตง. กรณีการตรวจสอบการดำเนินงานการคุ้มครองผู้บริโภคของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) โดยระบุหัวข้อข่าวว่า “เปิดกรุผลสอบสตง.(37) การคุ้มครองผู้บริโภค สคบ. ล่าช้า-ไม่มีประสิทธิภาพ” โดยได้หยิบยกเอาข้อมูลที่นำเสนอนั้น มาจากเว็บไซต์ของสตง.

สคบ. ขอเรียนชี้แจงว่า ข้อมูลสำนักข่าวอิศรานำเสนอนั้น เป็นข้อมูลก่อนที่ สคบ. จะได้มีหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงให้ สตง. ทราบ เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. 2560 และวันที่ 8 พ.ค. 2561 ตามลำดับ อย่างไรก็ดี การนำเสนอข่าวดังกล่าวอาจทำให้ประชาชนทั่วไปเกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับการดพเนินงานของ สคบ.

จึงขอชี้แจงข้อมูลให้ทราบดังนี้

1. ประเด็นข้อตรวจพบที่ 1 การดำเนินงานคุ้มครองผู้บริโภคของ สคบ. บางส่วนขาดประสิทธิภาพ

ขอเรียนชี้แจงว่า ปัจจุบัน สคบ. สามารถแก้ไขปัญหาเรื่องร้องเรียนให้ผู้บริโภคเพิ่มมากขึ้นในแต่ละปี ส่งผลให้ปริมาณเรื่องร้องเรียนคงค้างมีแนวโน้มลดลง และสามารถแก้ไขปัญหาเรื่องร้องเรียนคงค้าง (พ.ศ. 2551-2559) ได้เป็นที่ยุติทั้งหมดแล้ว

อย่างไรก็ตาม สคบ. มีกระบวนการและขั้นตอนที่ชัดเจนในการแก้ปัญหา แต่ประเด็นเรื่องร้องเรียนมีหลายลักษณะตามความยากง่าย ซึ่งความล่าช้าส่วนใหญ่เกิดจากประเด็นที่หน่วยงานหรือเจ้าหน้าที่ไม่สามารถควบคุมได้ เช่น ผู้ประกอบการไม่ให้ความร่วมมือในการไกล่เกลี่ยคดี รอผลการพิสูจน์/ตรวจสอบข้อเท็จจริงจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น

ประกอบกับ สคบ. ได้จัดทำระบบร้องทุกข์ผู้บริโภค ซึ่งเป็นระบบบริหารจัดการเรื่องร้องทุกข์ โดยให้บริการรับเรื่องร้องทุกข์และติดตามสถานะเรื่องร้องทุกข์ ผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้แก่ ช่องทางออนไลน์ ช่องทางออฟไลน์ (จดหมาย หนังสือจากหน่วยงาน) ศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์ของ สคบ. และช่องทางเชื่อมโยงข้อมูลร้องทุกข์ Web Service (สพธอ. กสทช. และ 1111) ให้อยู่ภายในระบบเดียวกัน ซึ่งผู้ร้องทุกข์สามารถร้องทุกข์ได้ทุกที่ จากที่ใดก็ได้ โดยเจ้าหน้าที่ของ สคบ. ทำหน้าที่บริการจัดการและรายงานผลการดำเนินงานเรื่องร้องทุกข์ผ่านระบบฯ ทำให้สามารถประมวลผลข้อมูลจากผู้ร้องทุกข์ได้ในหลาย ๆ มิติ เช่น การรายงานเรื่องร้องทุกข์ทั่วประเทศ

2. ประเด็นข้อตรวจสอบพบที่ 2 การเสริมสร้างภาคีเครือข่ายคุ้มครองผู้บริโภคส่วนใหญ่ประสบผลสำเร็จ

ขอเรียนชี้แจงว่า สคบ. มีการสร้างเครือข่ายคุ้มครองผู้บริโภคในหลายมิติ โดยในช่วงปี พ.ศ. 2555-2558 ได้มุ่งเน้นเครือข่ายที่อยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร และเครือข่ายคุ้มครองผู้บริโภคในสถานศึกษา ซึ่งมีความพยายามที่จะให้เครือข่ายเหล่านี้เป็นเครือข่ายต้นแบบ เพื่อที่จะเสริมสร้างศักยภาพและขยายเครือข่ายไปยังภูมิภาคต่าง ๆ ต่อไป

สำหรับในปี พ.ศ. 2560 เป็นต้นไป สคบ. ได้น้อมนำศาสตร์พระราชาและหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นหลักในการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับภาคีเครือข่ายและชุมชน

นอกจากนี้ สคบ. ได้ดำเนินการจัดทำแบบสำรวจเครือข่ายคุ้มครองผู้บริโภคภาคประชาชนในส่วนภูมิภาค เพื่อนำข้อมูลดังกล่าวมาจัดทำฐานข้อมูลเครือข่ายคุ้มครองผู้บริโภคภาคประชาชน และดำเนินการวางแผนการจัดกิจกรรม/โครงการให้กับเครือข่าย รวมทั้งส่งเสริมและกำหนดแผนงานในการอบรมให้ความรู้ต่อกลุ่มเป้าหมายให้สอดคล้องกับแนวทางในการส่งเสริมของ สคบ. โดยในปี พ.ศ. 2561 ได้กำหนดเป้าหมายจังหวัดในภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออกฉียงเหนือ และภาคใต้ ภาคละ 1 เครือข่าย และดำเนินการพัฒนาเครือข่ายที่มีฐานข้อมูลอยู่ เช่น สมาพันธ์ชมรมคุ้มครองผู้บริโภคกรุงเทพมหานคร เครือข่ายภาครัฐ เอกชน ให้มีการดำเนินงานที่เข้มแข็งและต่อเนื่อง

3. ประเด็นข้อตรวจพบที่ 3 ประชาชนขาดความรู้ความเข้าใจในสิทธิของผู้บริโภค

ขอเรียนชี้แจงว่า ในปี พ.ศ. 2560 สคบ. ร่วมกับมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒประสานมิตร เรื่อง ประสิทธิผลของสื่อและแหล่งข้อมูลข่าวสารที่มีต่อการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของ สคบ. พบสื่อทางโทรทัศน์ ผู้บริโภคพบเห็นมากที่สุดและรองลงมาเป็นสื่อประเภทแผ่นพับ/ใบปลิว จากผลการสำรวจดังกล่าว สคบ. ได้ดำเนินการดังนี้

1) จัดทำโครงการผลิตและเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ด้านการคุ้มครองผู้บริโภคทางสื่อโทรทัศน์ โดยผลิตและเผยแพร่ประชาสัมพันธ์สื่อด้านการคุ้มครองผู้บริโภคในภาพรวมผ่านทางสื่อมวลชน ซึ่งเป็นการดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องและครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย ทั้งผู้บริโภคที่อยู่ในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค

2) จัดทำโครงการผลิตสื่อสิ่งพิมพ์ด้านการคุ้มครองผู้บริโภคเพื่อเผยแพร่ข่าวสาร ความรู้ด้านการคุ้มครองผู้บริโภคและกิจกรรมของ สคบ. อาทิ การตรวจาอบสินค้าและบริการที่อาจเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค การตรวจสอบการโฆษณาที่เผยแพร่ผ่านสื่อต่าง ๆ การตรวจสอบสัญญาของธุรกิจท่ควบคุมสัญญา และการตรวจสอบการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบธุรกิจด้านธุรกิจขายตรงและตลาดแบบตรง เพื่อนำมาเผยแพร่ให้ผู้บริโภค ทั้งส่วนกลางและส่วนถูมิภาคสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์ได้ ผ่านทางหน่วยงานราชการทั่วประเทศ ประชาสัมพันธ์จังหวัด ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด กศน.จังหวัด และชมรมคุ้มครองผู้บริโภคในสถานศึกษา

3) จากแนวทางการใช้สื่อและแหล่งข้อมูลข่าวสารที่มีต่อการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของ สคบ. ตามความเห็นของผู้บริโภค ให้ สคบ. เลือกใช้สื่อประเภทอินเทอร์เน็ต ในการให้ข้อมูลข่าวสารมากที่สุด สคบ. ได้จัดทำโครงการผลิตและเผยแพร่ด้านการคุ้มครองผู้บริโภคทางสื่อออนไลน์ โดยการนำสื่อออนไลน์ไม่เป็นเครื่องมือในการสื่อสารข้อมูล ข่าวสาร และองค์ความรู้ด้านการคุ้มครองผู้บริโภคจากองค์กรภาครัฐสู่ประชาชนผู้บริโภคได้อย่างทั่วถึงและทันเหตุการณ์ รวมทั้งสอดคล้องกับช่องทางการรับรู้ข้อมูลข่าวสารที่ผู้บริโภคต้องการ

4) สคบ. สำรวจฐานข้อมูลสื่อมวลชนท้องถิ่น อาทิ วิทยุกระจายเสียง หนังสือพิมพ์ หอกระจายข่าวชุมชน เสียงตามสาย อาสาสมัครประชาสัมพันธ์ประจำหมู่บ้าน สามคมท้องถิ่น เป็นการเพิ่มช่องทางให้สามารถเผยแพร่ข้อมูลการคุ้มครองผู้บริโภคได้ในวงกว้างและดำเนินกิจกรรมด้านการคุ้มครองผู้บริโภคในภาพรวม

4. ประเด็นข้อตรวจพบที่ 4 การส่งเสริมการดำเนินงานคุ้มครองผู้บริโภคในส่วนภูมิภาคและท้องถิ่นไม่ประสบผลสำเร็จ

ขอเรียนชี้แจงว่า สคบ. ได้ดำเนินการปรับปรุงโครงสร้างคณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคประจำจังหวัด และแจ้งแนวทางการปฏิบัติงด้านการคุ้มครองผู้บริโภคในส่วนภูมิภาค โดยได้ดำหนดให้จังหวัดจัดทำแผนการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคประจำจังหวัดเพื่อพิจารณาจัดสรรงบประมาณตามแผนการดำเนินงานดังกล่าว กรณีแผนการดำเนินงานส่วนท้องถิ่น สคบ. ได้เตรียมจัดทำแผนการดำเดินงานเพื่อให้ท้องถิ่นมีแนวทางในการขับเคลื่อนงานคุ้มครองผู้บริโภคในเขตพื้นที่ที่ได้อย่างมีปะสิทธิภาพ ซึ่งการนำเสนอเลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคเพื่อขอความเห็นชอบต่อไป ประกอบกับในปัจจุบันผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดได้มอบหมายให้ศูนย์ดำรงธรรมเป็นหน่วยงานรับเรื่องร้องทุกข์จากประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนและดำเนินการประสานงานไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบ เพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องร้องทุกข์จากประชาชนตามอำนาจหน้าที่ ซึ่งหากเป็นกรณีเรื่องร้องทุกข์ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค ศูนย์ดำรงธรรมจะมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ สคบ. จังหวัด ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ของ สคบ. ต่อไป

ในส่วนของการคุ้มครองผู้บริโภคในท้องถิ่นนั้น สคบ. ได้กระจายอำนาจให้ท้องถิ่น โดยแต่งตั้งให้เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค แต่งตั้งให้มีอำนาจเปรียบเทียบความผิด จัดตั้งศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์ เจรจาไกล่เกลี่ยคดีเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค แต่ในช่วงเวลาที่ผ่านมาท้องถิ่นยังไม่สามารถดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากแต่ละท้องถิ่นมีข้อจำกัดในด้านการบริหารงานที่แตกต่างกัน แม้ว่า สคบ. ได้มีความพยายามที่จะประสานติดตามการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องแล้ว แต่ สคบ. ไม่มีอำนาจในการสั่งการในเรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด

ขอเรียนว่า สคบ. มีข้าราชการเพียง 155 คน ทำงานดูแลรับใช้ประชาชนทั่วประเทศ แต่ละปีมีผู้ร้องเรียนขอความช่วยเหลือจาก สคบ. เป็นจำนวน 10,000 คน เจ้าหน้าที่ทุกคนได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามรถ บางเรื่องก็อยู่นอกเหนืออำนาจการควบคุม ทุกคนตั้งใจปฏิบัติหน้าที่เพื่อประชาชนอย่างแท้จริง ขอได้โปรดเป็นกำลังใจให้กับ สคบ. ด้วย

----

อนึ่ง สำหรับที่มาข้อมูลรายงานข่าว “เปิดกรุผลสอบสตง.(37) การคุ้มครองผู้บริโภค สคบ. ล่าช้า-ไม่มีประสิทธิภาพ” ของ สำนักข่าวอิศรา เป็นการนำเสนอผลการตรวจสอบที่สำคัญของ สตง. ที่มีการเผยแพร่บนเว็บไซต์ https://audit.go.th/th

อ่านเปิดกรุผลสอบสตง. ตอนอื่น ๆ เพิ่มเติม

เปิดกรุผลสอบสตง.(1) ชำแหละงบพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวกาญฯ ไม่คุ้มค่า ห้องอาบน้ำแร่ถูกทิ้งร้าง

เปิดกรุผลสอบสตง.(2) ตรวจงบยกระดับหมู่บ้านโคราช ใช้ภาพเดียวเบิกเงิน 6 โครงการรวด

เปิดกรุผลสอบสตง.(3) ตรวจการผลิต-ใช้พลังงานทดแทน ‘กรมการพลังงานทหาร’ ล้มเหลวไม่คุ้มงบ

เปิดกรุผลสอบสตง.(4) ตรวจนโยบายร.ร.ดีใกล้บ้าน ยกระดับการศึกษาล้ม-ไม่บรรลุวัตถุประสงค์

เปิดกรุผลสอบสตง.(5) ตรวจโครงการพัฒนาลำเชียงไกรโคราช ไม่เสร็จตามแผน-ซื้อของเกินจำเป็น

เปิดกรุผลสอบสตง.(6) ตรวจโครงการพัฒนาพืช-พลังงาน จ.ขอนแก่น 113ล. ไม่บรรลุวัตถุประสงค์

เปิดกรุผลสอบสตง.(7) ตรวจโครงการพลังงานทดแทนผลิตไฟฟ้า-ประปาจ.กาญจนฯ ล้มเหลว-เบิกจ่ายเท็จ

เปิดกรุผลสอบสตง.(8) ตรวจโครงการควมคุมอาคารเขตเทศบาลนคร/เมือง ไม่ปลอดภัย-ผิดกม.อื้อ

เปิดกรุผลสอบสตง.(9) ตรวจการควบคุมเคมีทางเกษตร พบสารต้องห้าม-ร้านขายไม่ปลอดภัย-ผิดกม.

เปิดกรุผลสอบสตง.(10) ตรวจโครงการแก้ไขปัญหายาเสพติด อปท.ลำปาง ไม่คุ้มงบ-ผิดวัตถุประสงค์

เปิดกรุผลสอบสตง.(11) ตรวจโครงการสินค้าเกษตร 4.0 สุพรรณฯ ไม่พร้อมดำเนินการ-ไม่คุ้มงบ