เหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นถี่ยิบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ช่วงนี้ มีเป้าหมายมุ่งไปที่ "กองกำลังภาคประชาชน" และคนที่ทำงานให้กับรัฐอย่างชัดเจน
มีความคืบหน้ากรณี "แจก 2 ขั้นกรณีพิเศษ" ให้กับปลัด อบต.รายหนึ่งใน อ.เบตง จ.ยะลา ที่ถูก ป.ป.ช.ชี้มูลทุจริต ต้องลงโทษให้ออกจากราชการ จนชาวบ้านร้านตลาดวิจารณ์กันให้แซ่ด
หลายคนคงทราบกันดีอยู่แล้วว่า ประเทศไทยได้ก้าวเข้าสู่ "สังคมผู้สูงอายุ" เป็นที่เรียบร้อย ทำให้ปัจจุบันมีโครงการอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังเกิดขึ้นมากมายเพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ผู้สูงอายุ โดยเฉพาะการสร้างชุมชนที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกพรั่งพร้อมสำหรับผู้เฒ่าวัยชรา ทั้งที่ยังมีกำลังวังชา และที่พละกำลังถดถอย
ช่วงสัปดาห์ที่ 2 ต่อเนื่องสัปดาห์ที่ 3 ของเดือน พ.ย.61 บรรยากาศที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้คึกคักเป็นพิเศษ เพราะมีการจัดกิจกรรมของพรรคการเมืองหลายพรรค เพื่อเตรียมรับการเลือกตั้งที่คาดว่าจะมีขึ้นในปีหน้า
"ลูกเริ่มจากอาการหืดหอบ ก็พาไปโรงพยาบาลยะรัง ให้หมอตรวจต่อเนื่อง หลังจากนั้นก็กลับมารักษาที่บ้าน และไป-กลับโรงพยาบาลทุกวัน ประมาณ 8 วัน ปรากฏว่าลูกตัวร้อน ไม่สบาย และมีผื่น พอไปโรงพยาบาลอีกก็พบว่า เป็นโรคหัด"
มีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจ เชื่อมโยงทั้งแง่มุมเศรษฐกิจ นโยบายรัฐ และความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ คือการปิดตัวของโรงงานซีฟู้ดระดับโลกที่ จ.ปัตตานี
ประชาชนในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้กำลังเผชิญกับสถานการณ์ "โรคหัดในเด็กระบาด" ล่าสุดพื้นที่การแพร่เชื้อลุกลามจาก จ.ยะลา ขยายวงไปที่ จ.ปัตตานีแล้ว
ในห้วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีข่าวเกี่ยวกับร้องเรียนการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ 2 เรื่องด้วยกัน โดยเป็น 2 เรื่องที่หลายฝ่ายให้ความสนใจ
รองนายกรัฐมนตรี และผู้แทนพิเศษของรัฐบาลฯ เตรียมลงพื้นที่ชายแดนใต้ เพื่อประชุมใหญ่เจ้าหน้าที่สาธารณสุข หลังเกิดการระบาดของโรคหัดในเด็ก ทำให้มีเด็กเสียชีวิต 5 ราย ติดเชื้อและป่วยอีกเกือบครึ่งพัน
ช่วงนี้มีข่าวที่หลายคนให้ความสนใจ คือคำพิพากษาของศาลในคดีที่ "กรมราชองครักษ์" ฟ้อง บริษัท เอวิเอ แซทคอม จำกัด กับพวก ซึ่งเป็นบริษัทผู้จัดจำหน่ายเครื่องตรวจระเบิดลวงโลก "จีที 200" กระทั่งศาลมีคำพิพากษาจำคุก นายสุทธิวัฒน์ วัฒนกิจ กรรมการบริษัท เป็นเวลา 9 ปี และปรับอีก 18,000 บาท