ความรุนแรงรายวันที่ชายแดนใต้ทำให้พื้นที่นี้กลายเป็นพื้นที่ "เฝ้าระวังพิเศษ" ของกระทรวงสาธารณสุขสำหรับโรคที่เกี่ยวกับจิตใจ 5 โรคสำคัญ ได้แก่ 1.โรคซึมเศร้า 2.ภาวะเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตาย 3.โรคพีทีเอสดี (Post Traumatic Stress Disorder) หรือโรคเครียดภายหลังเหตุการณ์สะเทือนขวัญ 4.โรคเครียดวิตกกังวล และ 5.ภาวะการติดสุราหรือสารเสพติด
เป็นข่าวฮือฮามาตั้งแต่น้ำยังไม่ท่วมว่า ตำแหน่งเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) จะเปลี่ยนจาก นายภาณุ อุทัยรัตน์ เป็น พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง
แม้เหตุระเบิดในเขต อ.เมือง จ.ยะลา เมื่อค่ำวันที่ 25 ต.ค.ที่ผ่านมาจะไม่ได้เป็นครั้งแรก แต่ก็มีน้อยครั้งที่จะเกิดระเบิดมากมายหลายสิบลูกในคราวเดียว หลายคนนำไปเทียบกับเหตุการณ์ "ดับเมืองยะลา" เมื่อปี 2548 แต่ครั้งนั้นช่วงเวลาของการโจมตียังไม่ยาวนาน ผิดกับครั้งนี้ที่มีระเบิดดังตั้งแต่ช่วงพลบค่ำจนถึงเกือบเที่ยงคืน สภาพเหมือนกับอยู่ในสนามรบก็มิปาน
ระยะหลังมีการพูดกันมากโดยเฉพาะจากฝ่ายทหารถึงเรื่อง “ภัยแทรกซ้อน” ที่เกิดขึ้นท่ามกลางปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ กระทั่งกำหนดเป็นหนึ่งใน 6 นโยบายที่เป็นยุทธศาสตร์ดับไฟใต้เลยทีเดียว
"หลังจากนี้ถ้าหากมีอะไรในกระบวนซักถามในชั้น พ.ร.ก. ข้าฯ นายนิเซ๊ะ นิฮะ จะไม่ให้การใดทั้งสิ้น นอกจากยังยืนยันคำให้การเดิม ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นแก่ข้าฯ ไม่ว่าร่างกายหรือชีวิตหรือกรณีใดก็ตาม ข้าฯ ขอเขียนหนังสือนี้เป็นลายลักษณ์อักษรไว้เป็นหลักฐาน เพื่อดำเนินการต่อไป”
การลอบยิง เจะรอฮานี ยูโซ๊ะ เสียชีวิตบนถนนกลางวันแสกๆ เมื่อวันที่ 29 ส.ค.2554 ในท้องที่ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ภายหลังจากสามีของเธอ อับดุลเลาะห์ อาบูคารี ถูกอุ้มหายไปเมื่อเกือบ 2 ปีก่อน เป็นเหตุการณ์ที่ทำให้สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ดูประหนึ่งเป็นดินแดนแห่งมิคสัญญี ไม่มีกฎหมาย จะอุ้มจะฆ่าใครก็ได้ตามอำเภอใจ
หลังเหตุระเบิดครั้งรุนแรงที่ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ดูเหมือนฝ่ายทางการจะให้ข้อมูลตรงกันทั้งทหารและตำรวจว่า เป็นฝีมือของขบวนการค้ายาเสพติดที่ปฏิบัติการตอบโต้รัฐ ทั้งยังโหมกระแสว่าขบวนการแบ่งแยกดินแดนที่เคลือนไหวอยู่ในพื้นที่และเชื่อว่าอยู่เบื้องหลังเหตุรุนแรงตลอดกว่า 7 ปีที่ผ่านมานั้น แท้ที่จริงแล้วมีส่วนเกี่ยวพันกับกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดอย่างแยกไม่ออก
เปลี่ยนรัฐบาลทีไรต้องประกาศนโยบายแผนพัฒนาเศรษฐกิจชายแดนใต้กันทุกครั้ง โดยเฉพาะที่ขาดไม่ได้เลยจริงๆ คือการทำให้สามจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็น “ศูนย์กลางอุตสาหกรรมอาหารฮาลาล” รวมทั้งการผลักดันก่อสร้างนิคมอุตสาหกรรมฮาลาลขึ้นใน อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี
กว่า 7 ปีที่ไฟใต้คุโชนอย่างต่อเนื่อง ทิศทางนโยบายในการแก้ไขปัญหาล้วนถูกกำหนดอย่างผูกขาดจากหน่วยงานราชการส่วนกลาง โดยเฉพาะฝ่ายความมั่นคง แต่ผลการปฏิบัติยังแทบไม่มีอะไรดีขึ้นเป็นรูปธรรม ฝ่ายขบวนการที่อ้างอุดมการณ์แบ่งแยกดินแดนก็ยังคงเดินหน้าปฏิบัติการต่อไป ขณะที่ชาวบ้านในชุมชนท้องถิ่นเป็นเพียงผู้ได้รับผลกระทบ บาดเจ็บ ล้มตาย
“น่าผิดหวัง” คือคำตอบแบบตรงไปตรงมาของ ผศ.ดร.สมบัติ โยธาทิพย์ คณบดีคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา เมื่อถูกถามความเห็นเกี่ยวกับการแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยเฉพาะนโยบายดับไฟใต้