“นิพิฐ”ขอความเป็นธรรม ป.ป.ช. อ้างบอร์ด ปตท.ทำปลูกปาล์มฯเจ๊ง

เขียนวันที่

วันจันทร์ ที่ 12 ตุลาคม 2558 เวลา 12:30 น.

เขียนโดย

isranews

หมวดหมู่

Tags

ปลูกปาล์มน้ำมัน 5 โครงการที่ประเทศอินโดนีเซีย | บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) | บริษัท ปตท.กรีน เอ็นเนอร์ยี่ฯ | นิพิฐ อิศรางกูร ณ อยุธยา

“นิพิฐ” เอาคืน! ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรม ป.ป.ช. อ้างบอร์ด ปตท. สมคบคิดกันทุจริตทำโครงการปลูกปาล์มอินโดฯเจ๊ง ยัน “ผู้บริหารระดับสูง” ตั้งบุคคลที่ถูก รบ.อินโดฯเนรเทศ ไปนั่งเก้าอี้แทน แฉซื้อต้นกล้าแพง-ปล่อยให้ต้นไม้ยืนต้นตาย เกิดเพลิงไหม้ในสวนหลายครั้ง

PIC iiilll 12 10 58 1

จากกรณีบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กับบริษัท พีทีที.กรีนเอเนอร์ยี่ฯ (PTTGE) เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายนิพิฐ อิศรางกูร ณ อยุธยา อดีตรองผู้จัดการบริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้อำนวยการโครงการพัฒนาธุรกิจปลูกปาล์มน้ำมัน 5 โครงการในประเทศอินโดนีเซียโดยเกิดความเสียหาย โดยให้ชดใช้เงินมูลค่ากว่า 2 หมื่นล้านบาท

ต่อมาศาลแพ่งได้เรียกนายนิพิฐไปให้ถ้อยคำ โดยนายนิพิฐขอปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และอ้างว่าคณะกรรมการ ปตท. สมคบคิดกับคณะกรรมการ PTTGE ร่วมกันดำเนินการทุจริตคอร์รัปชั่นทำให้เกิดความเสียหายดังกล่าวขึ้นนั้น

(อ่านประกอบ : “นิพิฐ”อ้างบอร์ด ปตท.สมคบกันทุจริตทำโครงการปลูกปาล์มอินโดฯเจ๊ง)

ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า นายนิพิฐ ได้อ้างต่อศาลแพ่งอีกทำนองว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นเกิดจากบอร์ด ปตท. แต่งตั้งบุคคลของตัวเองเข้าไปดำรงตำแหน่งแทนตน ทั้งที่บุคคลดังกล่าวได้กระทำความผิดร้ายแรงต่อประเทศอินโดนีเซีย และถูกรัฐบาลอินโดนีเซียลงโทษเนรเทศไปแล้ว นอกจากนี้ทั้ง 5 โครงการที่บอร์ด ปตท. ส่งบุคคลเข้าไปดำเนินการแทนนั้น มีการใช้งบประมาณผิดวัตถุประสงค์ เช่น ซื้อต้นกล้าราคาแพง ละเลยไม่เพาะปลูกต้นกล้าตามแผนงานที่เสนอ ไม่ดูแลพื้นที่ ไม่ดำเนินการต่อจนทำให้เกิดพื้นที่รกร้าง ปล่อยให้ต้นปาล์มที่ได้ปลูกไว้แห้งตาย เป็นต้นเพลิงในสวนปาล์มหลายครั้ง เป็นต้น

ขณะเดียวกันบอร์ด พีทีที.กรีนเอเนอร์ยี่ฯ ได้ร่วมกันทุจริตก่อสร้างโรงสกัดน้ำมันปาล์มซึ่งมีขนาดกำลังการผลิต 45 ตันต่อชั่วโมง ในโครงการนี้ในราคาสูงกว่าท้องตลาดมาก ทำให้ พีทีที.กรีนเอเนอร์ยี่ฯ ได้รับความเสียหาย รวมถึงเจตนาขายหุ้นและทรัพย์สินของ พีทีที.กรีนเอเนอร์ยี่ฯ ให้แก่พรรคพวกตนเองในราคาต่ำกว่าท้องตลาดมาก ทั้งช่วยเหลือพรรคพวกตัวเองอันทำให้ พีทีที.กรีนเอเนอร์ยี่ฯ ได้รับความเสียหายมาก

นายนิพิฐ ระบุด้วยว่า การลงทุนช่วงแรกระหว่างเดือน ก.ค. 2550-ก.พ. 2555 ภายใต้การบริหารของตนกับบุคคลอีกรายหนึ่ง ใช้เงินลงทุนในโครงการไปประมาณ 7.8 พันล้านบาท ได้รับทรัพย์สินและที่ดินมาครบถ้วนเต็มตามจำนวนเงินที่ได้ลงทุนไป เพราะทุกสัญญาเป็นสัญญามีเงื่อนไข ไม่ใช่การซื้อขายเสร็จเด็ดขาด การลงทุนในช่วงแรกนี้ปราศจากการทุจริตใด ๆ ทั้งสิ้น และ ปตท. กับ พีทีที.กรีนเอเนอร์ยี่ฯ ไม่ได้ความเสียหายจากการลงทุนในโครงการ

“แต่หลังจากนั้นเมื่อผมได้ถูกผู้บริหารระดับสูงในบอร์ด ปตท. ปลดให้พ้นออกจากตำแหน่ง โดยอ้างว่าเพื่อมีการหมุนเวียนสับเปลี่ยนผู้บริหาร หลังจากนั้นผู้บริหารระดับสูงรายนี้ได้ตั้งพวกพ้องของตนเองเป็นผู้บริหารใน พีทีที.กรีนเอเนอร์ยี่ฯ ภายใต้นโยบาย การกับ การสั่งการ และการครอบงำของตัวเอง” นายนิพิฐ ระบุ

ทั้งนี้ นายนิพิฐ ได้เคยยื่นเรื่องร้องเรียนกล่าวหาผู้บริหารระดับสูงรายดังกล่าว ไว้ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โดยคณะกรรมการ ป.ป.ช. รับเรื่องไว้แล้วตั้งแต่ พ.ค. 2556 และเมื่อวันที่ 22 มิ.ย. 2558 ได้ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมและส่งสรรพเอกสารในคดีที่ ปตท. ยื่นเรื่องถึง ป.ป.ช. ให้ไต่สวนตน พร้อมทั้งเอกสารแนบ 4 ฉบับ ซึ่งเอกสารดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงการทุจริตคอร์รัปชั่นของผู้บริหารระดับสูงรายดังกล่าวกับพวกแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้นายนิพิฐ เคยยื่นเรื่องถึงคณะกรรมการ ป.ป.ช. คัดค้านการทำหน้าที่ของคณะอนุกรรมการ ป.ป.ช. ในเรื่องนี้ เช่น พล.ต.อ.สถาพร หลาวทอง กรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการฯ นายสมบัติ ธรธรรม ที่ปรึกษา พล.ต.อ.สถาพร ในฐานะอนุกรรมการฯ เป็นต้น แต่คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วได้ยกคำร้องการคัดค้านดังกล่าว เนื่องจากไม่เข้าข่ายตามกฎหมาย

อ่านประกอบ :
สั่งถอนลงทุน-ฟ้องแพ่งผู้บริหาร! ปตท.พร้อมร่วมมือสอบทุจริตปลูกปาล์มอินโดฯ

หมายเหตุ : ภาพประกอบสำนักงาน ป.ป.ช. จาก siamrath